ตำรวจ สน.มีนบุรี จับกุมชายฉกรรจ์ 5 คน พร้อมอาวุธปืน 6 กระบอก คาด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ หลังผู้เสียหายที่อยู่ในรถ ร้องขอความช่วยเหลือ เพราะถูกทำร้ายร่างกาย ก่อนอุ้มขึ้นรถ
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 20 มิ.ย. 2566 ขณะที่ พ.ต.อ.จามร ทองพรรณ ผกก. 1 บก.จร. พ.ต.ท.ประวิทย์ ภูเงินงาม ผู้ควบคุมด่าน และร.ต.อ.ชาญชัย เพ็ชรคง หัวหน้าชุดกับพวก ตั้งด่านจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี ถนนร่มเกล้า เขตมีนบุรี กทม. พบชายผู้เสียหาย ทราบชื่อต่อมาว่า นายอุเทน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี อาชีพรับจ้าง ตะโกนออกมาจากรถเชฟโรเลต รุ่นโซนิค สีขาว ทะเบียน 2 กก 9040 กรุงเทพมหานคร เพื่อขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบพร้อมจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ภายในรถเชฟโรเลต และรถโตโยต้า รุ่นยาริส สีแดง ทะเบียน 8 กก 2881 กรุงเทพมหานคร ซึ่งติดตามมาพร้อมกัน ได้ผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 5 คน ตรวจค้นภายในรถทั้ง 2 คัน พบอาวุธปืน รวม 6 กระบอก เครื่องกระสุนปืนจำนวน 61 นัด ก่อนคุมตัวไปสอบสวนที่ สน.มีนบุรี
นายอุเทนผู้เสียหายให้การว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่ ย่าน ร่มเกล้า ระหว่างนั้นได้ยินเสียงคนร้องให้หลบๆ ชายคนร้าย 2 คน ชักอาวุธปืนออกมา เดินตรงมาที่ตน ขณะนั้นยังงงว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพื่อนเข้ามาพยายามช่วยห้าม แต่กลุ่มผู้ต้องหาก็ได้ลากตัวตนขึ้นไปบนรถ โดยผู้ต้องหา 1 ใน 5 เป็นคนที่ตนรู้จักเคยเป็นพี่เป็นน้องกันมาก่อน แต่ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไรรุนแรง โดยกลุ่มผู้ต้องหาบอกว่าจะนำตนไปฆ่าให้ตาย ตอนนั้นคิดว่า ต้องตายแน่เพราะถูกอุ้มลากขึ้นไปบนรถ กระทั่งมาเจอด่านตรวจจึงร้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจทำให้รอดมาได้
ด้านพ.ต.อ.จามร ทองพรรณ ผกก. 1 บก.จร. กล่าวว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกลางกำลังตั้งโดนตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์บริเวณหน้าห้างบิ๊กซีถนนร่มเกล้าพบเห็นผู้เสียหายร้องขอความช่วยเหลือออกมาจากรถเชฟโรเลตสีขาวโดยกลุ่มผู้ต้องหามาด้วยกัน 2 คันเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปทำการตรวจสอบโดยระหว่างนั้นผู้ต้องหาทั้ง 5 คนพยายามหลบหนีแต่ถ้าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมไว้ได้ทั้งหมดที่บริเวณจุดดังกล่าวเนื่องจากการจราจรขณะนั้นมีความหนาแน่นทำให้สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไม่ได้
พ.ต.อ.จามรกล่าวว่าจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นรถทั้ง 2 คันพบอาวุธปืนออโตเมติก 4 กระบอก พร้อมลูกปืนบรรจุอยู่ในแมกกาซีน และรังเพลิงนอกจากนี้ยังมีอาวุธปืนรีวอลโว่ บรรจุกระสุนอยู่เต็มโม่ และอาวุธปืนลูกซองพร้อมกระสุนลูกซอง 27 นัด รวมเครื่องกระสุนปืนทั้งหมด 61 นัด จากการสอบสวนทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหาให้การตรงกันว่า ต่างรู้จักกันโดยผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกายแล้วพาขึ้นรถมามีผู้ก่อเหตุมาในรถ 2 คัน จำนวน 5 คน แต่ทั้งหมดยังไม่ยอมให้การในรายละเอียด เพียงแต่บอกว่ารู้จักกันแต่มีการเขม่นกันเรื่องคำพูดจาที่ไม่เข้าหู โดยขณะนี้ตัวผู้บาดเจ็บเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล ขณะที่ทางญาติของผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความเรื่องการทำร้ายร่างกายและการกักขังหน่วงเหนี่ยวที่ สน.ร่มเกล้า ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุไว้แล้ว ในส่วนของ สน. มีนบุรี ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 5 เกี่ยวกับความผิดเรื่องมีและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และเรื่องการใช้ทะเบียนรถยนต์ปลอม
พ.ต.อ.จามรกล่าวว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา คาดว่าน่าจะมีสาเหตุของความบาดหมาง ขัดแย้งที่มากกว่านี้ ต้องรอสอบสวนรวมทั้งตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาและผู้เสียหายทั้งหมดว่า เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับประเด็นใดบ้าง รวมถึงการตรวจสอบอาวุธปืนซึ่งพบว่าส่วนใหญ่มีทะเบียนแต่มีอาวุธปืน 1 กระบอกที่มีการขูดลบทะเบียนออก ต่อไป