"ปลัด สปน." ยัน คดี "ไอทีวี" ไม่ได้ปลุกผี หวังผลสอย "พิธา" ยัน คําฟ้องไม่เกี่ยวกับเรื่องกลับมาประกอบกิจการหรือไม่ เป็นแค่ค่าปรับและค่าสัมปทาน
นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ สปน. ให้สัมภาษณ์กรณีคดีระหว่าง สปน.กับไอทีวี คาดว่าจะมีการตัดสินเดือนไหนว่า คำพิพากษาของศาลเราคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งก็เห็นแต่ข่าว แต่ไม่รู้ว่าให้ใครให้ข่าวไปว่าจะตัดสินเมื่อไหร่ แต่ทาง สปน.ไม่ทราบเรื่องนี้ นอกจากนี้ เรื่องนี้มีการฟ้องร้องกันมาตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว เริ่มแรกไม่ได้เริ่มจาก สปน. แต่เริ่มจากการร้องเรื่องค่าสัมปทาน เมื่อมีคู่แข่งก็ทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ และช่วงหลังก็มีเรื่องการจ่ายค่าสัมปทาน สุดท้ายก็ไปที่อนุญาโตตุลาการ ซึ่งก็สรุปว่าต่างคนต่างมีหนี้ ก็เสนอกันไป นี่คือคำตัดสินสุดท้าย ซึ่ง สปน.มีการอุทธรณ์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ขณะนี้กำลังรอคำตัดสินอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าตัดสินออกมาแล้วไอทีวีชนะ ไม่ได้หมายความว่าจะกลับมาเป็นสื่อใช่หรือไม่ นายธีระพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีประเด็นนี้ในการฟ้อง เป็นเรื่องของค่าปรับ การเปลี่ยนผังรายการโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งผลออกมาถ้าเกิดความเสียหาย ก็ต้องกลับไปดูที่อนุญาโตตุลาการ ก็มีประเด็นอยู่แค่นั้น และเป็นประเด็นเก่าอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย ซึ่งหลังสุดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
เมื่อถามว่า ไม่มีการปลุกผีไอทีวีเพื่อหวังผลเรื่องของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ใช่หรือไม่ นายธีระพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ สปน. เป็นเรื่องที่เขาฟ้องกันอยู่ และเราไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอะไรกับไอทีวีเลยจนเมื่อมีข่าว อย่าเอา 2 เรื่องไปผูกกันจนประชาชนสับสน คดีมีมาก่อน ไม่มีอะไรเพิ่มเติมจาก 2 ปีที่แล้ว สถานะอยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น เพียงแต่เราก็รอและให้เวลาศาลพิจารณา ตนขอไม่พูดอะไรมากกว่านี้
เมื่อถามว่า ถ้าผลทางคดีทำให้ไอทีวีมีอิสระ จะทำให้กลับมาประกอบกิจการสื่อได้หรือไม่ นายธีระพงษ์ กล่าวว่า คำฟ้องไม่เกี่ยวกับเรื่องการประกอบกิจการ เป็นเรื่องของค่าปรับและค่าสัมปทาน ยืนยันว่า สปน.ไม่ได้ปรับแต่งอะไรในเรื่องดังกล่าว เพียงแต่ต้องศึกษาไว้ เป็นการเตรียมตัวว่าถ้าศาลตัดสินแล้ว สปน.จะทําไรได้บ้าง ซึ่งเป็นหน้าที่ของเรา ไม่เกี่ยวกับใครทั้งสิ้น