"ชลน่าน" มอง ข่าวพลังประชารัฐเสนอชื่อ "สุชาติ ตันเจริญ" นั่งประธานสภา เป็นขบวนการทำลายพรรค ต่อเนื่องจากข่าวดีลลับ "พท.-พปชร." ย้ำ เลือกประธานจะเป็นไปตามมติพรรค ลั่นเพื่อไทยจะไม่โง่ซ้ำอีก ด้าน"ประเสริฐ" เผยปรับแผนสัมมนา เพิ่มช่วงให้ส.ส.เปิดใจ หลังบางส่วนไม่พอใจเรื่องยกตำแหน่งประธานสภาให้ "ก้าวไกล"
นายแพทย์ชนน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงการสัมมนา ส.ส. พรรคเพื่อไทยวันนี้ว่าเป็นการเตรียมพร้อม ส.ส.ทั้ง 141 คนโดยจะเป็นการสัมมนาทั้งหมด ทั้งส.ส. เก่า และ ส.ส. ใหม่ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการทำหน้าที่ทั้งในสภาในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ และเตรียมให้ส.ส. ของพรรคทำหน้าที่ประสานกับประชาชนในการประสานงานด้านต่างๆระหว่างพื้นที่กับพรรค กับรัฐบาล เนื่องจากขณะนี้พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าเราเป็นรัฐบาล ดังนั้นบทบาทหน้าที่ ส่วนหนึ่งคือการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ขณะเดียวกันก็ฟังเสียงสะท้อนถึงนโยบายของรัฐบาล
โดยรูปแบบหลังเปิดสัมมนาแล้วจะแบ่ง ในช่วงเช้า 2 ชั่วโมงแรกจะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เปิดใจพูดคุยกัน เพื่ออนาคตไทย และเพื่ออนาคตพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ส.ส. ได้แสดงความคิดเห็นในทุกมิติ ทุกบทบาท อยากให้พรรคทำอะไรและอยากให้ประเทศเป็นแบบไหน
ขณะที่ช่วงบ่ายจะมีการแบ่ง ส.ส. ออกเป็นสามกลุ่มโดยกลุ่มแรก จะมีวิทยากรจะให้ความรู้เรื่องกฎระเบียบกติกาต่างๆรวมถึงกฎหมายข้อบังคับที่เกี่ยวกับการทำหน้าที่ส.ส.
กลุ่มที่สองจะเป็นเรื่องบทบาทหน้าที่ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งบทบาทหน้าที่ในพรรค บทบาทหน้าที่ในพื้นที่ และบทบาทหน้าที่ในสภา และหน้าที่ต่อรัฐบาล
และกลุ่มที่สามจะมุ่งเน้นเกี่ยวกับการทำงานประสานงานเชื่อมระหว่างสามส่วนคือพรรครัฐบาลและพื้นที่
นายแพทย์ชนน่านยังกล่าวถึงการจัดสรรตำแหน่ง ประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังมีกระแสข่าวว่ามีสมาชิกพรรคเพื่อไทยไม่พอใจ ว่าพรรคเพื่อไทยเป็นองค์กรทางการเมืองย่อมมีความเห็นต่าง ซึ่งพรรคให้ความสำคัญ แต่ถ้าจะตีความว่าไม่พอใจโกรธเคือง คับแค้นใจก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของแต่ละคน มองว่าเป็นความสวยงามในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งฝ่ายบริหารมีหน้าที่ต้องรับฟังและพูดคุยเพื่อนำความเห็นต่างมาเป็นความเห็นร่วมของพรรคให้ได้
ส่วนกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายแพทย์ชนน่านกล่าวว่า ถ้าถามว่ามองอย่างไรตนก็ยังมองไม่เห็น และแม้การทำหน้าที่ของส.ส.ในการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นเอกสิทธิ์ แต่เมื่อการอยู่ร่วมกันเป็นพรรคการเมือง หลักสำคัญที่ทิ้งไม่ได้คือเสียงข้างมากเคารพเสียงข้างน้อย และใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อน ดังนั้นกรณีถ้ามีความเห็นต่างหลากหลายก็ต้องมีความเห็นร่วมของพรรคก่อนที่จะไปทำโน่นทำนี่ ดังนั้นการที่ใครจะมาเสนอชื่อหรือให้ใครเสนอชื่อ ก็เชื่อว่าพรรคสามารถมีความเห็นร่วมในเรื่องนี้ได้
เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่ากรณีพลังประชารัฐเสนอชื่อนายสุชาติไม่สามารถเกิดขึ้นได้ใช่หรือไม่ นายแพทย์ชนน่านกล่าวว่าเราไม่ห้ามพรรคอื่นในการเสนอ แต่การบริหารจัดการของเราเอง จะเป็นไปตามความเห็นของพรรค เป็นไปตามมติพรรค ซึ่งตัวอย่างง่ายๆคือ ถ้ามีการเสนอชื่อตน คือนายแพทย์ชลน่าน ตนก็จะประกาศถอนตัวกลางสภา
“ถ้ามีการไปเสนอชื่อนายแพทย์ชนน่าน ศรีแก้วเรื่องนี้ต้องมีต้องมี ต้องมีมติหรือเป็นเสียงข้างมากแต่หากไม่มีผมก็จะประกาศถอนตัวกลางสภา เพราะทุกอย่างต้องเป็นมติ ไม่เช่นนั้นจะเป็นความขัดแย้ง” นายแพทย์ ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามว่ามองการปล่อยข่าวเรื่องนี้อย่างไร นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่าตนมองว่าเป็นเรื่องปกติไม่ได้มีประเด็นอะไรในมิติทางการเมือง ความเห็นความคิดสิ่งต่างๆเหล่านี้ถือเป็นสีสัน ส่วนจะเป็นไปตามที่เสนอหรือไม่ ก็เป็นไปตามข้อเท็จจริงและเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแต่สถาบันการเมืองต้องมีหลักและยึดหลักให้มั่น
เมื่อถามย้ำอีกว่าก่อนหน้านี้เองก็มีการปล่อยข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะไปจับมือกับพลังประชารัฐ เป็นการทำลายพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายแพทย์ชนน่านกล่าวว่า มันเป็นกระบวนการต่อเนื่องกันมา “เราเจ็บเพราะเรื่องนี้เยอะ 141 ที่ได้มาส่วนหนึ่งก็เกิดจากเรื่องนี้ เขาสำเร็จไปส่วนหนึ่งแล้ว เขาทำลายเพื่อไทยได้แล้ว เพื่อไทยยังจะโง่ให้เขาทำลายต่อ ผมเชื่อว่าเพื่อไทยจะไม่ทำแล้ว”
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ย้ำว่าจะให้ส.ส. ได้สะท้อนทุกเรื่องเนื่องจากมี ส.ส. ใหม่เกินกว่า ครึ่งจึงจำเป็นต้องจัดสัมมนาเพื่อเตรียมการทำงานเพราะอีกไม่นานเพราะอีกไม่นานสภาก็จะเปิดแล้ว
นอกจากนี้จะเปิดให้สมาชิกได้สอบถามเกี่ยวกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรหลังก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่ามีสมาชิกพรรคไม่พอใจที่มีการยกตำแหน่งให้กับพรรคก้าวไกล