จูน ภรรยาหนุ่มกะลา เปิดใจปมฉาว ยันเดินหน้าฟ้องบุคคลที่ 3 แน่ 10 ล้านเพื่อกู้ศักดิ์ศรี ยังไม่ปิดโอกาสคืนดีสามี มองผลประโยชน์ลูกเป็นหลัก

จากกรณีนักร้อง “หนุ่มกะลา” ยอมรับแยกกันอยู่กับภรรยา “จูน เพ็ญชุลี หนูแก้ว” มา 2 ปีพร้อมกับขอโทษทุกคนที่ทำให้ผิดหวัง และน้อมรับความผิดทั้งหมด ในด้านของจูนพร้อมทนายความเตรียมฟ้องฝ่ายหญิงบุคคลที่3 เป็นเงินจำนวน 10 ล้านบาท

ล่าสุด จูน เพ็ญชุลี เปิดใจให้สัมภาษณ์ว่า ในส่วนตัวของสามีจะต้องใช้เวลา ตอนแรกที่มีการพูดคุยกันและมีการหลุดคำว่า “หย่า” ตนคิดเช่นนั้นจริงๆ ถ้ามาคุยกันแล้วปรับกันแล้วความรู้สึกไม่เหมือนเดิม โดยตอนนี้เราได้แยกกันอยู่ตามที่ทุกรู้ ส่วนเรื่องการหย่าขั้นตอนง่ายนิดเดียว ถ้าจะหย่าจริงๆ มีการตกลงเรื่องค่าเลี้ยงดู ทรัพย์สินได้ก็เซ็นต์หย่า แต่ในช่วงนี้ที่เราแยกกันอยู่ต่างก็ไปเยียวยาของตัวเอง ซึ่งตนขอโฟกัสลูกและผลประโยชน์ของลูกเป็นอันดับหนึ่ง สำหรับความรู้สึกในตอนนี้รู้สึกสบายใจมากเพราะเป็นสิ่งที่เราเก็บไว้มาหลายปี ตอนที่หลุดออกมายอมรับว่าไม่ได้สบายใจ แต่รู้สึกว่ามันจบสักที จะได้ไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทน จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ไม่ได้ หรือจะพูดกับใครก็ไม่ได้ เนื่องจากเกรงว่าลูกจะได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ในรายการหนุ่ม กะลาได้ขอโทษทุกคน ถือเป็นการขอโทษครั้งแรกหรือไม่ตั้งแต่มีปัญหาหรือไม่ จูน เพ็ญชุลี กล่าวว่า ช่วงที่จับได้ตอนแรกเขาก็ขอโทษเรา แต่พฤติกรรมคือขอโทษแล้วทำต่อคืออะไร ยอมรับว่าช่วงแรกจะเป็นการขอโทษแบบจริงจังแต่ช่วงหลังจะเป็นการ ฃทะเลาะกันมากกว่า แต่วันนี้ผลการกระทำของเขาได้เห็นแล้ว และตนรู้สึกว่าเขาได้รับเอฟเฟคมากแล้ว และการที่เขาขอโทษตนครั้งนี้ รู้สึกว่าขอโทษเพราะสำนึกและรู้สึกผิด ซึ่งในใจจะต้องรู้สึกผิดอยู่แล้ว ส่วนความรู้สึกที่หนุ่ม กะลา ยืนยันว่าจะจบกับหญิงสาว บุคคลที่ 3 นั้น ตนก็รู้สึกดี เพราะไม่มีใครอยากให้สามีไปยุ่งกับคนอื่น ซึ่งรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เขาควรทำ

“สำหรับการแยกกันอยู่คนละบ้านนั้นเมื่อเราจับได้ คนทั่วไปต้องเสียความรู้สึก เรามีลูกเล็กที่ต้องเลี้ยง และต้องทำงานด้วย ถ้ามาทะเลาะกันบรรยากาศในบ้านจะทำให้ลูกเรารับรู้ได้ ดังนั้นจึงคิดว่าแยกกันไปก่อนจะได้ไม่หน้าบึ้งตึงใส่กัน หรือพูดจาไม่ดีใส่กัน และให้เขากลับไปอยู่บ้านกับคุณแม่ก่อน ซึ่งเราก็อยู่กับลูกของเรา ส่วนจะเป็นการตัดสินใจผิดไหม ที่เป็นช่องให้เขาไปไกลกว่าที่คิด ตนมองว่าไม่ว่าเราจะอยู่บ้านเดียวกันหรือแยกกัน หรืออยู่ต่างประเทศ ถ้าเขาจะทำเขาก็ยังคงทำ แต่หากจะไม่ทำอยู่ไหนก็คงไม่ทำ ดังนั้นไม่ได้มีความคิดว่าเป็นเพราะเราไล่เขาไป ถึงได้มีคนอื่น ซึ่งช่วงระยะเวลากว่า 2 ปีที่แยกออกไป เขาก็ยังกลับมาหาลูกตามปกติ เพียงแค่ไม่ได้นอนบ้านเดียวกัน ซึ่งเขามาบ่อยเมื่อว่างจากงานหรือมีเวลาก็มา ซึ่งตนไม่มีการขัดขวางในการเจอลูก เพราะเขายังเป็นพ่อของลูก และลูกเราก็ยังถามหาพ่อของเขาอยู่”

เมื่อถามพอมีแนวโน้มจะใจอ่อนหรือไม่ หรือจะต้องฮีลใจก่อน จูน เพ็ญชุลี กล่าวว่า คงต้องฮีลใจก่อน เพราะเราเจอมาหลายอย่าง รวมถึงมีกระแสมาถึงเราถึงลูกเรา ไม่ใช่สามีบอกขอโทษ แล้วจะดีกันแล้วแฮปปี้เอนดิ้ง มันไม่ใช่นิยายแต่ต้องใช้เวลา ส่วนการเป็นครอบครัวนั้น ตอนนี้เราเป็นพ่อแม่ช่วยกันดูแลลูกดีกว่า ทั้งนี้เราเป็นเพื่อนกันใช้ชีวิตสามีภรรยาแบบเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้มันดีอยู่แล้ว ส่วนอะไรที่ทำให้ลังเลในการกลับมาเป็นครอบครัวนั้น ยอมรับว่านาทีนี้ไม่ได้อยากกลับแล้ว แยกกันแบบนี้สบายใจดี แต่ไม่รู้เผื่ออนาคตเขาพิสูจน์ตัวเอง หรือรอจนใจอ่อนแล้วกลับมาจะหาว่าเราพูดไม่ตรงอีก ดังนั้นยืนยันว่านาทีนี้เราต้องการแยกกัน และหลังจากนี้ก็จะแยกบ้านกันอยู่ดี

กรณีผู้หญิงบุคคลที่ 3 ที่คอยแซะต่างๆ หลังจากที่หนุ่ม กะลา ประกาศยุติความสัมพันธ์เกรงว่าเค้าจะมาละลานหรือไม่ จูน เพ็ญชุลี กล่าวว่า ถ้ายังอยากมาละลานก็จะใช้กฎหมาย เราจะไปทำอะไรเขาเพราะถ้าจะทำก็คงทำไปนานแล้ว ทั้งนี้ตนอยากฝากบอกบุคคลที่ 3 ว่า “ เขาเคยอยากให้เราติดต่อไป ตอนนั้นยังไม่เห็นประโยชน์แต่ตอนนี้เราจะให้ทนายติดต่อไป ถ้าอยากคุยกันก็ให้คุยและไปเจอกันที่ศาลดีกล่า มาพูดคุยกันด้วยพยานหลักฐานดีกว่า ส่วนเรื่องอื่นขอไม่คุย ส่วนข้อมูลหลักฐานที่เรามีนั้นก็ค่อนข้างที่จะมั่นใจ

“ยอมรับว่าถึงแม้ว่าเราจะแยกกันแล้ว ตอนนี้ยังคงรักเพราะอยู่มาครึ่งชีวิต และเป็นห่วงมาก จากที่เขาโดนรู้ว่าเขาหนัก และตัวเขาเอง ก็เป็นคนจิตใจบางมาก ตอนนี้ตอบอะไรก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะข้างในเขาคงแย่มากแล้ว ซึ่งตนมั่นใจว่าเรารู้จักเขาดีที่สุด ส่วนที่เขายอมรับผิดทุกอย่าง อยากให้สังคมให้อภัยเขาหรือไม่นั้น ตนอยากให้สังคมให้อภัย เพราะเป็นบทเรียนยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเขาแล้ว ทั้งกระแสต่างๆ เราไม่ได้อยากเห็นใครพังทลายพินาศ และสิ่งเขาเป็นคนในครอบครัวเป็นสามีจึงไม่อยากเห็นเขาล้ม แต่ต้องอยู่ที่เขาด้วยว่าจะตั้งใจแก้ไขหรือไม่ ซึ่งขอให้ส่วนตัวกับเรื่องงาน ส่วนที่เขาทำกับตนก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ในเรื่องงานถือว่าเขาทำเต็มที่ จึงอยากให้สังคมให้อภัยเขา เพราะยอมรับว่ามีผลกระทบต่อลูกของเรา

ส่วนเรื่องเงินนั้น ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเงินก็อยู่กับตน ไม่ใช่จับได้แล้วยึดเงินแต่อย่างใด และเราเปิดเป็นบัญชีบริษัท การบริหารจัดการเป็นหน้าที่ตน เมื่อเช็คออกตนก็มีหน้าที่ไปรับและนำเข้าบัญชี ทุกวันนี้ตนจ่ายเขาเป็นเงินเดือน แต่เมื่อเขาอยากได้อะไรเพิ่มก็ขอ แต่เมื่อเราแยกกัน เขาอาจจะอยากได้อะไรต่างๆ แต่ไม่กล้าพูดกล้าขอกับตนหรือไม่ ซึ่งเขาขอไม่บ่อยเป็นเรื่องในงานซื้อของเพิ่มเติม มองว่าเรื่องเงินเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ด้วยหรือไม่นั้น ก็อาจจะมีส่วน ถ้าเขาอยากจะซื้ออะไรเป็นแสนเป็นล้าน ยอมรับว่าบางสิ่งเราไม่ยอมให้ เพราะไม่โอเค ซึ่งบอกว่าเป็นเรื่องปกติของสามีภรรยาที่จะต้องจัดการ ส่วนจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีคนอื่นที่จะเปย์เขาแทนหรือไม่ จูน เพ็ญชุลี ตอบว่า “อ๋อ จริงๆ เงินเราก็มี ไม่ใช่คนไม่มีเงิน เพียงแต่ว่าหากเขาจะซื้อแบรนด์เนมสักอย่าง หรือสร้อย ราคา 5 หมื่นบาท ยอมรับว่าตนคงไม่ให้ แต่พอคนอื่นมีมาให้เขาอาจจะชอบ หรือแฮปปี้ในส่วนนั้น ส่วนจะเป็นสาเหตุที่ไปชอบผู้หญิงเปย์หรือเปล่านั้น ตนขอตอบว่าถ้าใครมาเปย์เรา หรือนำให้เราก็ชอบก็รับ แต่ถึงขนาดว่าเปย์ปุ๊บแล้วไปรักไปชอบหรือเห็นดีเห็นงามคงอยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคนมากกว่า

ส่วนความสัมพันธ์ของตนกับครัวครัวสามีนั้น มีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ได้บ้าง กระทบกระทั่งกันบ้าง เราไม่แน่ใจว่าที่เขาโพสต์ออกไปได้ยินอะไรมา หรือเข้าใจผิดอะไรเราหรือไม่ หรือทำด้วยอารมณ์ที่ยังไม่ได้กลั่นกรอง ขณะที่มีคนจับพิรุธว่าคุณแม่ของหนุ่มกะลา ไปประเทศญี่ปุ่นกับอีกฝั่งหนึ่งแทนที่จะไปกับเรานั้น ยอมรับว่าตกใจ สงสัยและสับสนว่ายังไง ซึ่งตนไม่รู้ในส่วนนี้จริงๆ จึงขอไม่ตอบเรื่องนี้ดีกว่า และตนยังไม่ได้คุยกับคุณแม่ รวมถึงน้องสาวหนุ่ม กะลา ตั้งแต่มีเรื่อง ส่วนที่ชาวโซเชียลมีการชุดว่าหนุ่มกะลา มีลูกอีกคนนั้น ตนๆม่รู้และไม่ขอตอบ และไม่ใช่ส่วนของตนแล้ว

เมื่อถามว่า เชื่อไหมว่า หนุ่ม กะลา จะสามารถทำได้ตามที่พูดในรายการว่าจะยุติความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนดังกล่าว จูน เพ็ญชุลี กล่าวว่า เราคงไปตอบแทนใครไม่ได้ อยู่ที่ตัวเขา และเป็นโอกาสที่เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ตน สังคมเห็นว่า เขาตั้งใจจริงที่จะปรับปรุงแก้ไข เพราะโลกของโซเชียลฯ ถ้าเขาผิดคำพูดอีก ไม่นานก็มีคยเอารูปมาลงอีก ดังนั้นต้องอยู่ที่ตัวเขาเอง

เมื่อถามว่าสุดท้ายอยากให้เรื่องนี้จบอย่างไร ครอบครัว และหนุ่ม กะลา เป็นอย่างไร จูน เพ็ญชุลี กล่าวว่า กับหนุ่ม กะลา ถ้าในมุมของสามีภรรยาหรือความรัก ยืนยันเหมือนเดิมคือ ขอเวลาฮีลใจ และดูการกระทำของเขา วันนี้ขอโทษแล้วให้อภัยแล้วกับมารัก คงเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างถ้าเห็นประโยชน์ของลูกสำคัญ มองเป้าหมายเดียวกันเรายังคงเป็นเพื่อนกันได้พูดคุยกันได้ ซึ่งตนไม่ได้เกลียดเขา เพราะคิดว่าเขาได้บทเรียนที่แสนสาหัสมากๆ แล้ว และวันนี้ที่ตนเข้มแข็ง นั้นเพราะลูก วันนี้จะมีเขาหรือไม่มีเราก็เลี้ยงลูกได้ และไม่ได้เสียใจอะไรเพราะผ่านมาแล้ว

ทั้งนี้ จูน เพ็ญชุลี ได้ยกมือไหว้ ขอบคุณทุกกำลังใจ พูดได้ว่าอินบ็อกแทบแตกตอบไม่ถูกเลย เราเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้คนที่ถูกกระทำทุกคนต่างเห็นใจ และเข้าใจ และตนขอขอบคุณจริงๆ ตั้งแต่แรกเรารู้สึกมาตลอดว่าไม่ใช่คนผิดดังนั้นไม่อาย ต่อให้เรื่องนี้จะแดงเมื่อไหร่ เพราะไม่ใช่ที่เป็นคนต้องอาย วันนี้เรื่องเกิดขึ้นทุกคนให้กำลังใจเห็นใจกว่าจะผ่านจุดนี้ได้ จึงรู้สึกดีใจที่มีคนเข้าใจ ส่วนคนที่เห็นต่างบ้างตนก็ไม่สนใจ เพราะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ที่ควรทำ และตนขอฝากเพลงให้หนุ่ม กะลาคือเพลง “เอาคืนมา”

เมื่อถามว่าในการดำเนินการทางกฎหมายจะมีการฟ้องหย่าหรือจะฟ้องร้องผู้หญิงใช่หรือไม่ จูน เพ็ญชุลี กล่าวว่า ยังดำเนินการฟ้องผู้หญิงเหมือนเดิม ส่วนที่จะฟ้องร้องเป็นเงิน 10 ล้านบาทนั้นมองว่าฟ้องตามสมควร และยืนยันเอาเรื่องถึงที่สุดไม่ยอมความแน่นอน

เมื่อถามว่าหากสามีมาขอร้องไม่ให้ฟ้องผู้หญิงคนดังกล่าวนั้น จูน เพ็ญชุลี กล่าวว่า เขาไม่น่ากล้า พร้อมระบุว่าจำนวนเงิน 10 ล้าน ถ้าเทียบกับความรู้สึกที่เสียไป เงินจำนวนนี้ไม่คุ้มหรอก

เมื่อถามว่าจะสามารถฟ้องได้หรือไม่ เพราะหลักฐานบางส่วนเกิดนานมาแล้ว นายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ หรือ ทนายชายพัฒน์ กล่าวว่า พยานหลักฐานต่อเนื่อง เป็นการกระทำหลายปีจนถึงปัจจุบันนี้ ล่าสุดก็ยังไม่เกินปี อายุความไม่น่าขาด ส่วนตัวเลข 10 ล้าน เป็นตัวเลขที่เหมาะสม ไม่ใช่ต่ำหรือแพงจนเกินไป แต่ทั้งนี้ต้องดูมุมมองของศาลด้วยว่าจะพิจารณาให้ประมาณไหน และอีกส่วนหนึ่งตัวของคุณจูน ไม่ได้อยากได้ตัวเลขที่เยอะ แต่ทำเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตนเอง และอาจจะยื่นฟ้องสัปดาห์หน้า ยืนยันมีหลักฐานชิ้นสำคัญ เช่น รูป คลิป และมั่นใจว่ามีโอกาสชนะ