เดือด! อดิศร ขวางยก ปธ.สภาให้ก้าวไกลฉะริหาวเป็นดาวเดือน - เศรษฐาสวนเลอะเทอะ

21 มิ.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี เตรียม ส่งคืนห้องทำงานนายกรัฐมนตรี ทยอยเก็บของออกไปแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูป ส่วนเอกสารที่ไม่จำเป็นมีการทำลายไปแล้ว หลังวิษณุกางไทม์ไลม์ เลือกประธานสภา 13 ก.ค แต่งตั้ง ครม.21 ก.ค นี้ รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ คณะทำงานได้ทยอยเก็บของใช้ส่วนตัวไปบ้างแล้ว ซึ่งไม่ได้มีของใช้ส่วนตัวอะไรมากมาย โดยในส่วนของ พระพุทธรูป ที่พล.อ.ประยุทธ์ นำมาบูชาที่ห้องทำงานส่วนตัว ได้เริ่มเก็บ และทยอยนำกลับไปยังบ้านพักบ้าง แล้วบางส่วน สำหรับเอกสารสำคัญต่างๆ ในส่วนที่ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ทยอยทำลาย และบางส่วนก็ได้เก็บกลับไป เพื่อเตรียมส่งคืนห้องทำงานให้กับนายกรัฐมนตรีคนใหม่โดยมีรายงานว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะยังคงปฏิบัติหน้าที่จนกว่า คณะรัฐมนตรี ชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ


นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำ ส.ส.พรรพลังประชารัฐเข้ารายงานตัวเป็นส.ส.เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น มีรายงานข่าวว่า ช่วงดึกของวันที่ 20 มิ.ย.พล.อ.ประวิตร จะเดินทางไปประเทศอังกฤษ พร้อมคนใก้ลชิดไม่กี่คน โดยเป็นคณะเล็ก และมีกำหนดการเดินทางกลับในวันที่ 25 มิ.ย.ท่ามกลางการจับตาความเคลื่อนไหวทางการเมือง จับขั้วตั้งรัฐบาลแข่งพรรคก้าวไกล และยังมีกระแสข่าวพล.อ. ประวิตร จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี มีรายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประวิตร เดินทางไปยังประเทศอังกฤษเพื่อดูการแข่งม้า ซึ่งเป็นกำหนดการที่วางแผนไว้นานแล้ว


ด้านพรรคเพื่อไทย มีการจัดสัมนาส.ส. โดยเปิดห้องให้ ส.ส.ถกปมประธานสภา คนแรกที่แสดงความเห็นคือ นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ซึ่งมีความชัดเจนตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าไม่เห็นด้วยที่เพื่อไทยจะยกตำแหน่งประธานสภาให้กับพรรคก้าวไกล ไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยได้ 141 เสียง ก้าวไกลได้ 151 เสียง แล้วพรรคเพื่อไทยจะเห็นด้วยกับก้าวไกลทุกอย่าง มองมีศักดิ์ศรีเท่ากัน แม้เห็นด้วยกับการสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพราะเป็นอันดับ 1 แต่ไม่ได้หมายความว่าการได้ 151 เสียงเมื่อได้บริหารแล้วจะหาวเอาเดือน เอาดาว เอาตำแหน่งประธานสภาไปด้วยตนว่ามันง่ายไป ไม่ได้เห็นเพื่อนฝูงอยู่ในสายตา ตนจึงออกมาพูดเรื่องนี้โดยไม่ได้นัดหมายกับใคร เป็นการสู้เพื่อให้พรรคเพื่อไทยยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ลูกน้องพรรคการเมืองใด

นายอดิศรยังกล่าวถึงกรณีนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยมาติงความเห็นตน ก็เข้าใจ พร้อมระบุว่าตนเจ็บปวด แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถให้ตำแหน่งประธานสภากับพรรคก้าวไกลเพราะมีเสียงแค่ 151 หากมีปัญหาในสภาจะแก้ก็สามารถทำได้ง่ายง่ายด้วยการโหวตในสภา พร้อมมองว่าพรรคเพื่อไทยมีบุคลากรที่เหมาะสมมากกว่า ตนไม่อยากเห็นสามเณรกับพระบวชใหม่มาเป็นประธานสภา และย้ำว่าเพื่อไทยมีบุคลากรเหมาะสมหลายคน ทั้งบุคคลที่นั่งบนเวทีรือนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้วหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รวมถึงคนในห้อง นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายประยุทธ์ ตนก็เป็นได้ เรามีบุคลากรเยอะ อย่าเพิ่งไปยอมเขาง่ายๆ

นายอดิศรย้ำว่าตำแหน่งประธานสภาถึงอย่างไร ก็ควรจะเป็นของพรรคเพื่อไทย ทั้งโดยศักยภาพ โดยทฤษฎี พรรคก้าวไกลต้องถอย เพื่อให้รัฐบาลผสมที่จะเกิดในอนาคตเดินทางไปสู่การแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ ปัญหานี้แก้ไม่ได้ก็เหมือนหินอยู่ในรองเท้า ซึ่งตนไม่รู้ว่าจะงดออกเสียงหรือไม่เพราะไม่สามารถให้สามเณรและพระบวชใหม่เป็นประธาน

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวยืนยันว่า การแข่งขันระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยได้จบไปแล้วตั้งแต่วันเลือกตั้ง วันนี้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยทั้ง 2 พรรค ควรจะมาร่วมมือกันตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ ตอนนี้ก็ได้มีการตั้งคณะทำงานอย่างชัดเจน จึงเชื่อว่าหลังจากได้คุยกันแล้วจะมาหาข้อสรุปร่วมกันได้ แต่วันนี้ปัญหาใหญ่กว่า คือ ต้องตั้งรัฐบาลที่มาจากฝ่ายประชาธิปไตยให้ได้ส่วนจำเป็นหรือไม่ที่ประธานสภาจะต้องเป็นของพรรคเพื่อไทย ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าส.ส.พรรคอื่นจะเสนอชื่อประธานสภาของพรรคเพื่อไทยนั้น มองว่าเป็นความคิดที่เลอะเทอะ นายเศรษฐา ยังกล่าวอีกว่า การแข่งขันเสร็จสิ้นแล้วการจะยกเก้าอี้ให้ก้าวไกลหรือไม่ยก ไม่ใช่ปัญหา แต่ภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าคือการตั้งรัฐบาลให้ได้ ส่วนเสียงสะท้อนจากส.ส.ส่วนใหญ่อยากให้ตำแหน่งประธานสภาเป็นของพรรคเพื่อไทย ตนขอเข้าไปฟังความคิดเห็นก่อน เพราะยังไม่มีข้อสรุป พร้อมกกล่าวติดตลกว่า “ตอนแรกจะพูดต่อจากคุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร แต่เรื่องจากนางสาวแพทองธารติดโควิดคงมีการคุยดีลับกับคุณพิธา แต่คงไม่ใช่ ที่คุยกันเมื่อสักครู่ยังหัวเราะได้อยู่น่าจะไม่ได้มีการอาการอะไรหนัก”

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นำส.ส. พรรค 6 คน เข้ารายงานตัวต่อสภาฯ พร้อม กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวว่าตนเองจะลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า จุดมุ่งหมายในการสร้างพรรค เพราะตนสร้างพรรคที่เป็นของประชาชน ทำการเมืองแนวใหม่ แม้จะเป็นส.ส.มานานก็ยิ่งเห็นปัญหามามากมาย จึงอยากแก้ไขให้ดีขึ้นคุณหญิงสุดารัตน์ ยังย้ำว่า ตนเองยังมีเจตจำนงเดิมอยู่ และได้ประกาศในที่ประชุม 8 พรรคร่วมไปแล้ว ว่าจะไม่รับตำแหน่งใดๆ แต่ได้รับเสียงคัดค้านด้วยเหตุผลทางการเมือง เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง จึงอยากให้มีการพูดคุยเรื่องนี้อีกครั้ง ว่าห้วงเวลาจังหวะเวลาใดจึงจะเหมาะสม ตอนนี้ต้องประคับประคองให้เกิดรัฐบาลประชาธิปไตยให้ได้อย่างแท้จริงก่อน แต่ก็ไม่มีใครขาดเจตนารมณ์ของตน เพียงแต่อยากให้นำประสบการณ์ทางการเมืองของตนมาช่วยงาน ขอให้ไปรายงานตัวก่อนแล้วมาพูดคุยกัน ดังนั้นตอนนี้มีการรับรองไปแล้วตนก็คือส.ส. และต้องมารายงานตัว ย้ำว่าตนเองไม่ยึดติดตำแหน่งใดๆ มาเพื่อเสียสละ เมื่อถามว่า ถ้าลาออกจากตำแหน่งส.ส แล้วจะให้ใครมาแทนนั้น คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เมื่อตนลาออกแล้วจะมีการเลื่อนลำดับส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน แต่ตอนนี้มีหลายคนแสดงเจตจำนงค์อยากทำงานเบื้องหลังกับตนมากกว่า แต่ไม่ขอเปิดเผยรายชื่อพร้อมกันนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวโผ, ครม.พิธา 1 พี่เปิดเผยออกมาเมื่อวานนี้ ว่า แม้จะไม่รู้ว่าแหล่งข่าวคือใคร แต่ขอย้ำว่าพรรคไทยสร้างไทยไม่มีปัญหาอะไรเลย จะพยายามเสียสละเพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปอย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จ จึงไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องกระทรวง และการพูดคุยกับคณะทำงานประสานงานรัฐบาลเรื่องนี้ก็ยังไม่ลงตัว ตอนนี้ต้องเลือกประธานสภาและนายกรัฐมนตรีให้ได้ก่อน พร้อมย้ำอีกครั้งว่า การเลือกประธานสภาสำคัญที่สุด เพราะหากไม่ราบรื่นการจัดตั้งรัฐบาลจะลำบาก

 

ขณะที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวถึงการแบ่งโควต้ารัฐมนตรีว่า ทั้ง 8 พรรคยังไม่ได้พูดคุยกัน ต้องรอความชัดเจนในการพูดคุยกับพรรคก้าวไกลอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกระแสข่าวที่พรรคจะขอต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยอีกหนึ่งตำแหน่งนั้น ยืนยันว่า พรรคประชาชาติไม่มีการต่อรองตำแหน่ง เพราะเข้ามาเพื่อทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ที่เข้าร่วมรัฐบาล เพราะตั้งใจตั้งแต่ต้นว่า ถ้าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย เราจะเข้าร่วมเพื่อประโยชน์ประชาชน เราขออยู่สัดส่วนที่เหมาะสมและทำงานได้ แค่นี้ ไม่มีการต่อรองอะไร เมื่อถามถึงโควต้ารองประธานสภาฯ ที่พรรคเพื่อไทยจะควบสองตำแหน่ง จะมีการเจรจาเพื่อแบ่งอย่างไรหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน ที่พูดกันมีเพียงตำแหน่งประธานสภาฯที่ให้พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยไปตกลงกัน ส่วนตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่หนึ่งและคนที่สอง ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่โดยปกติแล้ว พรรคที่สอง จะได้รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง และพรรคถัดมาลำดับที่สาม จะได้รองประธานสภาฯคนที่สอง ซึ่งเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาตลอด

 

เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานสภาฯ และมีเป้าหมายเสนอกฎหมายที่สังคมกังวลอยู่ จะทำให้เป็นชนวนขัดแย้งหรือความวุ่นวายในสภาหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่มีความขัดแย้งแต่อย่างใด เพราะการประชุมในสภาฯมีการอภิปรายและลงมติ เสียงข้างมากลงมติอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น และมีข้อกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตาม การโต้แย้ง เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยในกฎหมายฉบับใด ถือเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเสียงข้างมากชนะ ฝ่ายเสียงข้างน้อยก็ต้องปฏิบัติตาม และการมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน ไม่ใช่เรื่องของความแตกแยก แต่คือการแสดงจุดยืนในนโยบายของแต่ละพรรคเมื่อถามว่า ในการโหวตเลือกประธานสภาฯ ที่สุดท้ายอาจตกลงกันไม่ได้และเปิดให้ฟรีโหวต พรรคประชาชาติจะเลือกแนวทางใด นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า โดยปกติ การเลือกประธานสภาฯ หากมีการเสนอมากกว่าหนึ่งคน จะต้องลงคะแนนลับ ส่วนจะฟรีโหวตหรือไม่ฟรีโหวต ทำได้ทั้งนั้น แต่ปกติเมื่อจับมือการจัดตั้งรัฐบาล มติพรรคร่วมรัฐบาลเป็นอย่างไร ก็จะออกมาทิศทางเดียวกัน นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาจะปฏิบัติตามมติของพรรค เพราะถือเป็นการทำงานร่วมกันของรัฐบาลที่จะอยู่ร่วมกันในอนาคตข้างหน้า ในส่วนของประชาชาติก็จะยึดมติพรรค และข้อตกลงของพรรคร่วมรัฐบาล เฉพาะในประเด็นของประธานสภาฯและรองประธานสภาฯ

ขวางก้าวไกล พรรษาอ่อน!