มือปืนยิงอริงานบวชมอบตัวอ้างแค้นถูกเบี้ยวหนี้ครึ่งล้าน ปืนลั่น 6 นัดไม่ตั้งใจทำคนเจ็บ
จากกรณี เมื่อเวลา 14.00 น. เมื่อวานนี้ (21 มิ.ย.) ตำรวจ สภ.โคกสลุง ลพบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันในขบวนแห่นาคบริเณอุโมงค์ทางลอดรถไฟสายอีสาน แก่งเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ บ้านโคกสลุง ก่อนถึงสถานีบ้านโคกสลุง ประมาณ 800 เมตร มีบาดเจ็บ 3 ราย และเสียชีวิต 1 ราย
ต่อมาทราบบุคคลที่ถูกยิงทั้ง 4 ราย คือ 1.นายนิเวศ หรือ เวก อายุ 42 ปี เสียชีวิตที่โรงพยาบาลโดยถูกยิงท้อง หน้าอก 2.นายวุธ อายุ 46 ปี พี่ชายคนตาย 3.นางสาวลำใย อายุ 44 ปี และ 4.นางลักษมี อายุ 51 ปี ถูกกระสุนปืนสาหัส
ส่วนผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อต่อมา คือนายศิริพงศ์ พงษ์พันธ์ หรือ นายส่ง อายุ 52 ปี หลังเกิดเหตุได้รีบวิ่งไปขึ้นรถกระบะสีบรอน์ทองขับรถหลบหนีไป
ล่าสุดวันนี้ นายศิริพงศ์ ผู้ก่อเหตุประสานญาติเป็นอดีตกำนันเพื่อประสานเข้ามอบตัวในเวลาต่อมา หลังจากนำปืนไปซ่อนที่เขาพระญาเดินธง ต.พัฒนานิคม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 7-10 กม.
ขณะที่วันนี้ พ.ต.ท.วุฒิชัย นันทะโชติ สารวัตรหัวหน้าสถานี สภ.โคกสลุง ให้ข้อมูลว่า ช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.30 น. ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุได้ประสานญาติพาเข้ามอบตัวแล้ว หลังเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจขอศาลอนุมัติออกหมายจับ
โดยทราบว่าหลังเข้ามอบตัวและผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ได้คุมตัว “นายส่ง” ไปค้นหาของกลางในพื้นที่เขาพระยาเดินธง ต.หนองนา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ซึ่งผู้ก่อเหตุบอกว่าได้นำปืนและรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุไปโยนทิ้งไว้ที่นั่น
และหลังจากร่วมค้นหาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็เจอปืนพกสั้นแมกกาซีน ซีแซด 75 จำนวน 1 กระบอก ซุกซ่อนไว้ในป่า ส่วนรถยนต์จอดอยู่ตรงทางขึ้นเขา ต่อมาเจ้าหน้าที่ก็ได้คุมตัวกลับมายังโรงพัก สภ.โคกสลุง จ.ลพบุรี เพื่อสอบปากคำ ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงปมการก่อเหตุ แต่เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่พูดอะไรสักคำ ก่อนจะเดินเข้าห้องสอบปากคำ
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้คลิปเหตุการณ์ตั้งแต่นาทีเกิดเหตุ และก่อนที่จะเกิดเหตุ โดยคลิปที่ 1,2,3 จะเห็นว่า เมื่อวานนี้ช่วงเวลาประมาณ 11 โมงกว่า จะเห็นกลุ่มชาวบ้านได้รวมกันเต้นรำหน้ารถแห่อย่างสนุกสนาน และตั้งขบวนเพื่อจะแห่นาคเพื่อจะเข้าวัด
จากนั้นเมื่อขบวนเคลื่อนมาถึงก่อนทางลอดอุโมงค์รถไฟของหมู่บ้าน จากคลิปที่ 4 จะเห็นว่า ระหว่างที่ชาวบ้านกำลังเต้นรำวงกันอย่างสนุกสนาน เพราะอีกประมาณ 750 เมตร ก็จะส่งนาคเข้าโบสถ์แล้ว
แต่จู่ๆ นายศิริพงศ์ ผู้ก่อเหตุ ได้เดินแฝงตัวเข้ามาในขบวนรถแห่นาค และใช้ปืนยิงใส่นายนิเวศ ผู้เสียชีวิตทันที ส่วนคนผู้บาดเจ็บ จากคลิปจะได้ยินเสียงปืนรัวยิงชุดแรก 4 นัด จากนั้นยิงซ้ำชุดที่ 2 อีก 2 นัด โดยในคลิปจะเห็นชาวบ้านหลังได้ยินเสียงปืนต่างก้มหลบและตะโกนถามกันว่า “ใครยิงๆ” และพยายามวิ่งหนีด้วยความตื่นตกใจ ซึ่งหลังจากคลิปนี้มีผู้เสียชีวิต 1 และบาดเจ็บ 3 คน โดยนายศิริพงศ์ หลังเกิดเหตุ ได้ขับรถกระบะที่จอดเตรียมทิ้งไว้หลบหนีไปทันที
ขณะเดียวกันทีมข่าวสอบถาม นางสาวลัดดา พี่สาวของภรรยาผู้เสียชีวิต ยอมรับว่า ตนเองเป็นคนกู้หนี้ยืมสินนางม่วง ภรรยาของผู้ก่อเหตุจริง โดยยืมมาตลอด 1 ปีกว่าๆ ยอดเงินประมาณ 490,000 บาท ซึ่งตนพยายามทยอยจ่ายคืนตลอด แต่ยอมรับว่าช่วงหลัง การเงินในครอบครัวสะดุด ทำให้ตนเองได้ไปเจรจาต่อรองกับนางม่วงเมียของผู้ก่อเหตุ ว่า จะรีบหาเงินมาชดใช้ให้ โดยจะขอจ่ายเป็นเงินก้อนทีเดียว ยอมขายที่นา จำนวน 5 ไร่ ให้แต่เมื่อขายที่นาแล้วได้เงินมาตนเองยังไม่ทันเอาไปใช้ให้ เพราะต้องจ่ายภาระอื่นๆอีก ทำให้ยังคงค้างเงินกับนางม่วงอยู่เหมือนเดิม 4.9 แสน ทำให้นางม่วงและนายส่งสองผัวเมียไม่พอใจ ใช้หนี้คนอื่นได้ แต่ทำไมไม่ใช้หนี้เขา
และคิดว่าครอบครัวตนเองตั้งใจจะเบี้ยวหนี้ เพราะจ่ายเงินไม่ครบ ทำให้นางม่วงและสามีพักหลังเริ่มจะพาลโทษคนในครอบครัวตนเอง รวมถึงนายนิเวศซึ่งเป็นน้องเขยที่เคยมีปัญหากันไปก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้นายบุญส่งคับแค้นใจและอาจจะเก็บความแค้นไว้จนก่อนวันเกิดเหตุ เป็นจังหวะที่เจ้าตัวเมาอาจจะขาดสติจึงเอาความแค้นทั้งหมดมาลงที่น้องเขย ซึ่งไม่รู้เรื่องการยืมเงินอะไรด้วยเลย ยอมรับว่าเสียใจมาก เหมือนตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องเขยถูกยิงตาย
ล่าสุดทีมข่าวเดินทางต่อไปที่วัดศรีมิ่งมงคลวรารามได้พูดคุยกับ “พระจิรวัฒโน” หรือ “พระพีท” บุคคลที่บวชเมื่อวานนี้ เจ้าตัวยอมรับว่าภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นยังคงติดตา เพราะตัวเองนั่งอยู่บนรถที่ใช้แห่และเห็นทุกอย่าง โดยขณะที่ผู้ตายกำลังเต้นรำอยู่ด้านหน้าของรถแห่นาคด้วยความสนุก ตอนนั้นจำได้ว่ารถของผู้ก่อเหตุจอดอยู่ริมถนนก่อนแล้ว จากนั้นไม่นาน ผู้ก่อเหตุก็เดินเข้ามาประกบผู้ตายในระยะประชิดและใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่ทันที ก่อนจะรีบวิ่งกลับขึ้นรถ โดยมีนายวุธพี่ชายของผู้ตายวิ่งตามไปห้ามและพยายามจะแย่งปืน จนกระทั่งผู้ก่อเหตุมีการยิงอีกรอบ จึงมีผู้บาดเจ็บเพิ่มอีก 3 คนก่อนจะรีบหนีขึ้นรถไป
ยอมรับว่า ขณะเกิดเหตุรู้สึกตกใจเหมือนกันที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นภายในงานบวชของตนเอง เพราะความตั้งใจคืออยากบวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่เป็นเวลา 10 วันและอยากสร้างความสุขให้กับชาวบ้านด้วยวงดนตรีรถแห่ แต่กลับมาเจอเหตุการณ์สลดขึ้น
พระพีท เล่าต่อ จริงๆแล้วกว่าจะควบคุมอารมณ์ให้กลับมานิ่งเพื่อเข้าพิธีอุปสมบทได้ก็ยากพอสมควร เพราะนอกจากตนเองที่ต้องควบคุมสติแล้ว พ่อแม่ก็ช็อกไม่ต่างกัน และหลังเกิดเรื่อง ตนเองสังเกตเห็นชาวบ้านวิ่งแตกตื่น พ่อแม่ของตนเองทำอะไรไม่ถูก เสียใจที่งานบุญทั้งหมดล้มไม่เป็นท่า