"บิ๊กโจ๊ก" แท็กทีม "ปวีณา" ปิดคดีอุ้มฆ่าณาดา อสุจิมัดฆาตกรยันไม่จับแพะ
คดีน้องณาดา เด็กหญิงวัย 3 ขวบ 11 เดือน ที่หายออกจากบ้านในจังหวัดนราธิวาสไปเพียงชั่วนาทีที่พ่อออกไปแลกเงินทอนให้ลูกค้าที่มาซื้อข้าวเกรียบหน้าร้าน เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 กระทั่งพบศพน้องณาดา อยู่ในสระน้ำห่างจากบ้านไปประมาณ 500 เมตร ในวันที่ 16 พฤษภาคม โดยผ้าอ้อมสำเร็จรูปถูกถอดออก ซึ่งน้องถอดเองไม่ได้ และตรวจพบร่องรอยถูกข่มขืน สุดท้ายตำรวจออกหมายจับ นายมะยาการียา อายุ 46 ปี
โดยก่อนหน้านี้ ครอบครัวของนายมะยาการียา ยังสงสัยว่าเจ้าตัวอาจตกเป็นแพะ เพราะไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย และเพิ่งกลับมาบ้านที่นราธิวาสเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม โดยนายมะยาการียา อ้างว่า เช้าวันที่ 14 พฤษภาคม ตนเองนอนอยู่ในบ้าน
และเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน ได้ขี่รถออกไปซื้อแผ่นแปะฝี แล้วขี่รถกลับมาที่บ้านในเวลา 17.00 น. พร้อมน้ำกระท่อม 1 ขวด
กระทั่งเวลา 19.00 น. ได้ขี่รถออกไปซื้อยาบ้า 1 เม็ด มาเสพที่บ้าน
หลังจากนั้นวันที่ 15 พ.ค. ได้นอนอยู่ที่บ้านทั้งวัน กระทั่งวันที่ 17 พ.ค. ถูกตำรวจคุมตัวไปสอบปากคำ และแจ้งข้อหาเสพยาเสพติด รวมทั้งสอบปากคำโดยใช้เครื่องจับเท็จ กระทั่งวันที่ 13 มิ.ย. ศาลได้อนุมัติหมายจับและถูกจับกุม
ล่าสุด (22 มิ.ย.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงคืบหน้าการจับกุมคนร้าย โดยระบุว่า จากการสืบสวนจากกล้องวงจรปิดโดยรอบที่เกิดเหตุ ทำให้ทราบได้ว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุที่เด็กถูกลักพาตัวไป ปรากฏภาพชายไม่ทราบชื่อ สวมเสื้อสีขาวอุ้มตัวเด็กไป เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงได้ลงพื้นที่และสามารถคัดแยกผู้ต้องสงสัยได้เป็นจำนวน 6 คน จึงได้เชิญผู้ต้องสงสัยมาซักถาม และได้ตรวจยึดเครื่องแต่งกายที่สวมในวันกิดเหตุทั้งหมด ซึ่งผู้ต้องสงสัย 5 คน สามารถยืนยันสถานที่อยู่ขณะเกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่ได้ มีเพียงนายมะยาการียา เพียงคนเดียวที่ไม่สามารถยืนยันที่อยู่ขณะเกิดเหตุได้
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้เก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมชายวัยกลางคนทุกคนที่ช่วงเวลาเกิดเหตุอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว อีกจำนวน 24 คน เพื่อใช้ในการตรวจเปรียบเทียบ สารพันธุกรรมที่พบจากศพผู้ตาย จากการตรวจและรวบรวมพยานหลักฐาน ประกอบกับผลการตรวจสอบสารพันธุกรรมจากเส้นผม เส้นขน และคราบอสุจิที่พบจากตัวผู้เสียชีวิต เปรียบเทียบกับนายมะยาการียา ผู้ต้องสงสัย จึงพบว่าเป็นบุคคลเดียวกัน รวมถึงการตรวจคราบโคลนดิน ซึ่งพบว่าติดอยู่ที่ขากางเกงของนายมะยาการียา และเปรียบเทียบกับดินบริเวณที่เกิดเหตุ ก็พบว่าตรงกันจึงทำให้เชื่อได้ว่า นายมะยาการียา เป็นผู้ก่อเหตุจริง
จากการสอบสวนเพิ่มเติม นายมะยาการียา ให้การเพิ่มว่า ในวันที่เกิดเหตุใส่เสื้อสีขาว กางเกงยีนส์ โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่เกิดเหตุก็ให้การกับเจ้าหน้าที่วกวน และจากการสอบสวนเชิงลึก จึงทราบว่าได้หย่าร้างกับครอบครัวไปนาน เป็นบุคคลว่างงาน หมกมุ่นเรื่องเพศและมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และทุกครั้งที่ได้เสพยาเสพติดก็จะมีความต้องการทางเพศสูง
ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น นายมะยาการียา ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่จากหลักฐานทางนิติวิทยาศาตร์ จึงทำให้ศาลเชื่อและขออนุมัติหมายจับได้ อีกทั้งบริเวณที่เกิดเหตุยังพบว่า มีการลักษณะคล้ายอำพรางศพ จึงได้จับกุมนายมะยาการียา และแจ้งข้อหาในความผิดฐานลักเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร ซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพที่ปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตันหยงดำเนินคดี