สาวปั๊มหนังเหนียวผัวเก่าบุกแทงคอไม่เข้าแต่เสื้อกระจุย โชว์ยันต์คงกระพันมีอาจารย์เก่ง
จากกรณีมีภาพคลิปในโซเชียลที่แชร์กันจำนวนมาก ซึ่งคลิปดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ในวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 14.30 น. ในคลิปจะเป็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งทราบชื่อต่อมาคือแนนเป็นพนักงานปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังจากนั้นมีชายคนหนึ่งขับรถจักรยานยนต์เข้ามาลักษณะเหมือนเป็นลูกค้าที่จะมาเติมน้ำมัน แต่ระหว่างที่แนน กำลังจะเติมน้ำมันให้ ชายคนดังกล่าวจึงใช้มีดจ้วงแทงบริเวณลำคอ และแพงไล่ลงมาบริเวณลำตัวนับได้ประมาณ6ครั้ง จนมีดที่ใช้ก่อเหตุงและหักชายคนดังกล่าวจึงได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนี โดยต่อมาทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือนายคั่ง
โดยในวันนี้ทีมข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุและได้พบกับแนน ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ทีมข่าวจึงได้สอบถามกับแนนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แนนจึงเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า
“ ก่อนหน้านี้คั่งผู้ก่อเหตุ และตนได้คบกันและอยู่กินกัน ในลักษณะสามีภรรยา แต่เมื่ออยู่กันมาช่วงหลังในคั่ง มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง ตนจึงขอเลิกกับนานคั่ง ซึ่งเลิกกันมาได้ปีกว่าแล้ว และตนก็มีแฟนใหม่แล้ว แต่ก่อนเกิดเหตุประมาณเดือนกว่าๆ ตนได้พบกับนายคั่งและมีปากเสียงกัน ต่อมาตนก็คิดว่าจะไม่มีอะไรจนถึงวันที่เกิดเหตุคือวันที่ 22 มิถุนาที่ผ่านมาซึ่งตนก็มาทำงานปกติจนถึงช่วงเวลา 14.20น. ตนก็เห็นนายคั่งขับรถเข้ามา ในปั๊มน้ำมันก็คิดว่านายคั่ง จะเข้ามาเติมน้ำมันตามปกติโดยมีพนักงานเติมน้ำมันซึ่งเป็นผู้ชายเดินเข้าไปหาแต่นายคั่ง ไม่ให้พนักงานคนดังกล่าวเติมให้และไล่ให้มาเรียกตนไปพบ ต้นจึงได้เดินไปบริเวณหัวจ่ายที่หนึ่ง เมื่อเดินไปถึงก็ไม่ได้พูดอะไรกับนายคั่ง และหันไปกดบริเวณตู้ควบคุมหัวจ่ายเพื่อที่จะเติมน้ำมัน ช่วงนาทีที่หันหลังนายคั่งได้นำมือมาเปิด ผ้าคลุมหน้าของตนและใช้มีดแทงเข้าบริเวณลำคอจากนั้นตนจึงได้ถอยหลังหนีแต่นานคั่ง ก็กลับเข้ามาแทงจนนับไม่ถ้วน ซึ่งทีแรกตนไม่คิดว่านานคั่งใช้มีดแทง แต่คิดว่าตนเองถูกนายคั่งต่อย จนกระทั่งมีดงและหักจึงเห็นว่าเป็นมีดซึ่งตนตกใจมากและก้มสังเกตุดูตัวเอง แต่ไม่พบว่าเกิดบาดแผลมีแต่เพียงเสื้อที่ขาดตามรอยมีที่แทง จากนั้นตนจึงได้วิ่งมาดึงรถจักรยานยนต์ที่นายคั่ง จะใช้หลบหนีแต่ดึงไว้ไม่ไหวนานคั่งจึงหลบหนีไปได้ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วตนเชื่อว่าสิ่งที่ช่วยตนไว้คือยันต์อักขระที่ต้นสักไว้บริเวณหลังซึ่งเป็นยันต์ของสำนักอาจารย์ต้อมที่อยู่ในอำเภอท่าเรือจังหวัดอยุธยา ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยตนให้รอดพ้นจากคมมีดที่แทงมาที่คอและอีกหลายจุด”
จากนั้นทีมข่าวจึงได้คุยกับคุณเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ และเป็นผู้วิ่งเข้าไปช่วยแนน หลังจากถูกก่อเหตุ โดยคุณเล็กเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า
“ ช่วงแรกตนเห็น ลักษณะเหมือนลูกค้าเข้ามาเติมน้ำมันที่บริเวณหัวใจที่หนึ่ง ต้นจึงเดินเข้าไปเพื่อที่จะเติมให้ แต่ชายคนดังกล่าวคือนายคั่ง ซึ่งตนทราบว่าเป็นแฟนเก่าของแนน โดยนายคั่งได้พูดกับตนว่า ผมไม่ได้มาเติมน้ำมันไปเรียกแนนมาให้หน่อย เพื่อตนจึงเดินไปบอกแนน และให้แนนเดินไปที่บริเวณหัวจ่ายที่หนึ่งซึ่งนายคั่งได้จอดรถรออยู่ จากนั้นตนก็ได้เดินกลับมานั่งที่ตู้เคาน์เตอร์บริเวณกลางปั๊ม เมื่อได้สักพักตนจึงได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรหล่นและมีคนเรียกให้ต้นไปช่วยแนนที่กำลังถูกก่อเหตุตนจึงรีบวิ่งไปจังหวะนั้นตนเห็นมีดที่พื้น และเห็นแนนกำลังวิ่งกลับมาตามนายคั่ง แต่นายคั่งได้ขับรถจักรยานยนต์หนีออกไปก่อน ตนจึงได้บอกให้แนนดูที่ตัวเองว่ามีบาดแผลหรือไม่ ซึ่งเหตุที่ไม่อยากตามนายคั่งไปต่อ เพราะไม่ทราบว่านายคั่ง มีอาวุธอะไรติดตัวมาอีกหรือไม่ถ้าต้นติดตามไปเกิดอะไรขึ้นมาใครจะดูแลครอบครัวของตน”
จากนั้นทีมข่าวจึงได้สอบถามถึงสำนักสักยันต์อาจารย์ต้อมที่แนนได้กล่าวถึงว่าเชื่อว่ายันบนแผ่นหลังที่ได้สักกับอาจารย์ต้อมมาเป็นสิ่งที่ช่วยไว้โดยตนเองไม่ได้รับอันตรายจากคมมีดของนายคั่งเลย ซึ่งนายคั่ง ลงมือแทงแนนนับได้ประมาณหกครั้งโดยใช้แรงเต็มที่แต่กลับ ไม่มีบาดแผลเกิดขึ้นเลย เมื่อทีมข่าวเดินทางถึงสำนักสักยันต์อาจารย์ต้อม อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา จึงได้พบกับอาจารย์ต้อมและได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้อาจารย์ต้อมฟัง และสอบถามถึงอักขระเลขยันต์ดังกล่าว
โดยอาจารย์ต้อมกล่าวกับทีมข่าวว่า“ เป็นไปได้ที่อักขระเลขยันต์รอยสักบนตัวของผู้เสียหายจะเป็นสิ่งที่ช่วยไว้ให้พ้นจากภัยอันตราย โดยอักขระเลขยันต์ดังกล่าวเรียกว่า ยันต์มหาสำเร็จหนุนดวง ซึ่งเป็นยันต์ที่ไม่มีในตำราโดยทางอาจารย์และสำนักได้ประยุกต์ขึ้นมาใหม่หรือเรียกว่ายันต์ครูนั่นเอง ซึ่งอันนี้จะสักให้กับลูกศิษย์ที่มาในพิธีไหว้ครูยันต์นี้เป็นยันต์ที่เก่า สักไปกว่า 10 ปีแล้ว โดยยันต์นี้จะช่วยในด้าน หนุนดวงชะตาทำมาค้าขายขึ้น แคล้วคลาดและคงกระพันชาตรีหรือเรียกได้ว่า ช่วยเหลือทุกอย่างครอบทั้งหมด
แต่อยากขอให้ทุกทุกท่านใช้วิจารณญาณอย่าเชื่อในสิ่งนี้เพียงสิ่งเดียวโดยท่านที่มีอักขระเลขยันต์เหล่านี้ก็จะต้องตั้งอยู่ในความดีและรักษาศีล สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ถึงจะใช้ได้สัมฤทธิ์ผล ถึงแม้บางท่านไม่มีอักขระเลขยันต์เหล่านี้อยู่บนร่างกายแต่ตั้งอยู่ในความดีอยู่ในศีลในธรรม เวลาเกิดอะไรขึ้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และปาฏิหาร ก็อาจจะมาช่วยให้ผ่านผลจากภัยต่างๆไปได้เช่นกัน จึงไม่อยากให้งมงายและตั้งอยู่ในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์มันถือศีลทำบุญ จึงจะเป็นอันดีที่สุด”
จากนั้นทีมข่าวจึงหาข้อมูลที่อยู่ของนายคั่งผู้ก่อเหตุ และได้พบว่านานคั่ง ได้อาศัยอยู่บ้านบริเวณใกล้เคียงวัดสะตือ ทีมข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังบริเวณดังกล่าวเพื่อตามหานายคั่ง และญาติของนายคั่ง
โดยเมื่อถึงพื้นที่ดังกล่าวแล้วทีมข่าวพบว่าบ้านของนายข้างอยู่บริเวณใกล้ริมแม่น้ำป่าสักหลังวัดสะตือ ทีมข่าวจึงได้เข้าไปถามหานายคั่ง กับชาวบ้านบริเวณนั้นจึงได้พบกับ นายแพ็ก ลูกชายของนายคั่ง ทีมจึงได้สอบถามกับนานแพ็ก ถึงเรื่องราวที่นายคั่งไปก่อเหตุ ว่าเกิดจากสาเหตุใด นายแพ็กจึงเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า
“ โดยปกติพ่อของตนเป็นคนสนุกสนานแต่เสียตรงที่ชอบดื่มสุรา โดยก่อนเกิดเหตุพ่อของตนเที่ยวเดินบอกใครต่อใครว่าจะไปฆ่าแม่เลี้ยง(แนน) และจะกลับมาผูกคอตาย รวมทั้งมาบอกกับตนด้วย แต่ตนรู้นิสัย ว่าพ่อเป็นคนตาขาว และคิดว่าไม่กล้าทำส่วนที่พูดอะเรื่อยไป ก็เป็นเรื่องปกติเพราะมีส่วนใหญ่มักจะชอบพูดไปเรื่อยเปื่อย ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นตนเองคาดว่าเกิดจากทางแม่เลี้ยง(แนน) ถึงปากจะบอกว่าเลิกกับพ่อของตนแล้วแต่ก็ยังไปไปมามาและไม่ยอมหยุดติดต่อกับพ่อ แต่พอถึงเวลาก็จะไม่คุยกับพ่อและบล็อกการติดต่อกับพ่อจึงน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อโมโหและก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุประมาณเดือนกว่าๆตนก็ยังเห็นแม่เลี้ยง(แนน) ยังมาอยู่ที่บ้านก่อนที่จะทะเลาะกันไป และก็ออกจากบ้านไป ส่วนตัวของตนคิดว่าพ่อยังคงอยู่ในพื้นที่จังหวัดอยุธยา เพราะคิดว่าคงไปไหนไกลไม่ได้เพราะเขาไม่มีเงิน และอยากบอกกับพ่อของตนว่าอยากให้กลับมามอบตัวสู้คดีไม่ต้องหนีไปไหน”
โดยเมื่อทีมข่าวเข้าไปดูใน Facebook ของนานคั่งผู้ก่อเหตุ จะพบได้ว่าก่อนวันเกิดเหตุ2วัน
นานคั่ง ได้โพสต์รูปของแนนขึ้นที่ Facebook ตัวเอง และโพสต์ข้อความว่า “ เห็นหน้าแค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงว่านายคั่ง ยังตัดความสัมพันธ์จากแนนไม่ได้ จากนั้นต่อมาในวันที่ก่อเหตุหลังจากก่อเหตุเสร็จ นาวคั่งได้ โพสต์ Facebook เป็นข้อความว่า “ทำกูเจ็บแค้นต้องชำระ” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงนายคั่งมีความแค้นอะไรซักอย่างกับแนน จึงไปก่อเหตุดังกล่าว
และโพสต์ล่าสุดที่นานคั่งได้โพสต์ คือโพสต์ว่าตนเองอยู่ที่วิหารแดงจังหวัดสระบุรี และ โพสต์ข้อความว่า “ไม่ได้ตั้งใจแต่คำพูดคำเจ็บ” แสดงเห็นว่าเหมือนนายคั่ง มีความเจ็บแค้นในเรื่องนี้
ส่วนในด้านคดีทีมข่าวได้สอบถามไปยัง ส.ภ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ความว่า ช่วงในวันที่เกิดเหตุวันแรกผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความแต่ไม่มีบาดแผลและคลิปใดใดทางเจ้าที่ตำรวจ เบื้องต้นจึงตั้งข้อหาแค่ทำอะร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้นับบาดเจ็บ จากนั้นทางผู้เสียหายได้นำคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดไปให้ทางเจ้าที่ตำรวจดู ทางเจ้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น แต่ในตอนนี้ผู้ก่อเหตุยังหลบหนีอยู่เจ้าหน้าที่จะเร่งรัดติดตามตัวเพื่อมาดำเนินคดีต่อไป