สาวโรงงานไล่ชายตื้อรัก รุ่งขึ้นเป็นศพโดนปาดคอเจอชายโผล่ขายมือถือก่อหายตัว
กรณีเมื่อเวลา 13.30น. วันที่ 24 มิ.ย. ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร รับแจ้งเหตุมีหญิงเสียชีวิตอยู่ภายในห้อง จากการตรวจสอบพบว่าถูกอาวุธมีดปาดคอ และถูกแทงตามลำตัว มีเลือดเปื้อนไหลนองเต็มพื้น ทราบชื่อคนตายในเวลาต่อมา คือ นางสาวสุพรรณี วิลานันท์ หรือป๊อกแป๊ก อายุ33ปี สาวโรงงาน ส่วนคนก่อเหตุคาดการณ์ว่าเป็นนายอนุสรณ์ หรือยุ้ย อายุ34ปี แฟนหนุ่มของคนตาย โดยทราบว่าหลังจากเกิดเหตุได้หายตัวไปจากห้อง เบื้องต้นอยู่ระหว่างการติดตามตัว เพราะเนื่องจากช่วงเวลาเกิดเหตุไม่มีคนเห็นเหตุการณ์ จึงยังไม่แน่ชัดว่าจะใช่แฟนหนุ่มของคนตายหรือไม่ที่เป็นคนก่อเหตุ นั้น
วันนี้ (24 มิ.ย.) ทีมข่าวช่องแปดเดินทางลงพื้นที่ไปยังหอพักที่เกิดเหตุ (สราญรมย์) อยู่ในพื้น ตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งหอพักดังกล่าวเป็นหอพักของคนงานและชาวบ้านในพื้นที่ โดยเป็นหอพัก2ชั้น ห้องที่เกิดเหตุคือห้องหมายเลข 18 ชั้น2 ทันทีที่ทีมข่าวเดินทางมาถึงพบว่า ตำรวจพื้นที่และร้อยเวรได้มาถึงที่เกิดเหตุก่อน พร้อมกับมีการปิดกั้นพื้นที่และยังไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องไปยุ่งเกี่ยวกับห้องที่เกิดเหตุ จากนั้นกองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วย แพทย์ชันสูตร ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ จึงได้มีการเข้าตรวจสอบสถานที่ พบว่าภายในนั้นนอกจากจะมีกองเลือดของคนตายและร่างนอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้อง ยังมีข้าวของกระจัดกระจาย คาดการณ์ว่าอาจจะมีปากเสียงหรือทะเลาะกัน ก่อนที่จะถูกฆ่าตายแล้วหลบหนี
จนกระทั่งเมื่อเวลา 15:30 น. ที่ผ่านมา ภายหลังเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ และรวมถึงเก็บพยานหลักฐานครบถ้วนแล้ว จึงอนุญาตให้อาสากู้ภัยเคลื่อนย้ายร่างของคนตายออกจากห้อง เพื่อส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลตำรวจต่อไป
และจากเหตุการณ์ที่เกิด ทราบว่า ตัวของนายอนุสรณ์หรือยุ้ย แฟนที่คบหากับคุณตายได้ประมาณราว1ปีเศษ หายตัวไปจากห้อง ภายหลังพบนางสาวสุพรรณีเป็นศพ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้มีการแกะรอยและย้อนเส้นทาง โดยพบว่าเมื่อคืนนี้ หลังจากที่มีชาวบ้านได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน คาดการณ์ว่าตัวของผู้ต้องสงสัยคือแฟนหนุ่มของคนตาย มีการขับรถสกูปปี้สีชมพู ขับหนีออกไปจากหอพักที่เกิดเหตุ ปรากฏว่ามีกล้องวงจรปิดฝั่งตรงข้ามศาลเจ้า จับภาพรถต้องสงสัย ขับออกจากหอพักผ่านบริเวณศาลเจ้า โดยมีกล้องวงจรปิดโมงใกล้จะภาพเอาไว้ได้ ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการแกะรอยติดตามตัว เพื่อที่จะเรียกมาสอบปากคำ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นอย่างไรบ้าง
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาวแวว (นามสมมติ) อายุ38ปี รุ่นพี่ของคนตาย ในฐานะคนที่อยู่ในวงเหล้าเมื่อคืนนี้ก่อนแยกย้ายและเกิดเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ช่วงเย็นได้มีการพูดคุยกับนางสาวสุพรรณีหรือป๊อกแป๊กคนตาย โดยเจ้าตัวเดินมาบอกว่าจะทำกับข้าวโดยตำส้มตำและทอดปลากินกัน ตนเองจึงชักชวนให้มานั่งกินกันที่ห้องของตนเองซึ่งอยู่ใกล้กับห้องที่เกิดเหตุ ช่วงเย็นวานนี้ตัวของคนตายได้ถือถุงแตงกวาพร้อมกับปลาแห้งมาทอดที่ห้องของตนเอง หลังจากที่ทำกับข้าวเสร็จก็นั่งกินกันสองคนกับคนตาย จากนั้นก็มีการล้อมวงกินเหล้ากันเล็กน้อย จนกระทั่งนายอนุสรณ์หรือยุ้ยแฟนของคนตายเปิดประตูห้องเข้ามาขอร่วมวงกินด้วย ในห้องจึงมีการนั่งดื่มกินกันและกินข้าวร่วมกัน3คน แต่ตัวของนายอนุสรณ์นั่งกินเพียง3แก้ว จากนั้นก็ลุกออกจากห้องไป
ซึ่งก่อนที่จาลุกออกจากห้อง ตัวของนางสาวสุพรรณีคนตาย ได้มีการขับไล่ให้นายอนุสรณ์กลับห้อง ทำนองไม่อยากนั่งกินข้าวร่วมวงด้วย และยังมีการพูดซ้ำคำเดิมทำนองว่า “ เมื่อไหร่มึงจะย้ายออกจากห้องกูไปเสียที” ซึ่งตนเองก็เข้าใจว่าตัวของคนตายได้พยายามขับไล่ตัวของนายอนุสรณ์ออกจากห้องไปนานแล้ว และเป็นมาซักระยะหนึ่ง เพราะเนื่องจากทนพฤติกรรมของนายอนุสรณ์ไม่ได้ เนื่องจากไม่ทำมาหากิน ทำงานโรงงานหรือไปสมัครงานทำได้ไม่กี่วันก็ลาออก ไม่ทนงาน และที่สำคัญ มีดีการติดการพนัน บางครั้งไปหยิบยืมกู้เงินจากหนี้นอกระบบ แล้วตัวของนางสาวสุพรรณีคนตาย ก็ต้องมาตามจ่ายตามชดใช้ให้ ทำให้ทั้งคู่มีปัญหาเรื่องเงินและระหองระแหงกันมาซักระยะหนึ่งแล้ว คนตายจึงตัดสินใจไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น เพราะห้องนี้คนตายเป็นคนเช่า
โดยเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ตนเองแยกย้ายกับนางสาวสุพรรณี คนตาย เจ้าตัวกลับห้อง ส่วนตนเองก็มีการเก็บของในวงเหล้าเพื่อเคลียร์สถานที่พร้อมกับอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน และช่วงหลังจากนั้นได้ยินเสียงคล้ายของหล่น (ตุ๊บ) และคล้ายข้าวของกระจัดกระจาย ตนเองก็ไม่เอะใจเพราะเข้าใจว่าห้องดังกล่าวนั้นทะเลาะกันบ่อยครั้ง จึงไม่ได้คิดว่าจะมีการฆาตกรรมกันเกิดขึ้น ก็เข้านอนตามปกติ จนกระทั่งเช้าวันนี้ ตนเองก็ออกไปทำงาน เดินผ่านหน้าห้องคนตาย แต่ก็เห็นปิดเงียบ จึงเข้าใจว่าคนตายออกไปทำงานแต่เช้า เพราะโดยปกติเจ้าตัวทำงานกะเช้าอยู่แล้ว จนกระทั่งเพื่อนร่วมงานในแผนกเดียวกันบอกว่าคุณตายไม่ยอมไปทำงาน จึงพากันมาดูที่ห้องกลัวว่าจะป่วย แต่เมื่อพยามที่จะตะโกนเรียกชื่อก็ไม่มีใครเปิดออกมา จึงได้ขออนุญาตเจ้าของหอแล้วมีการงัดประตูเข้าไปดู ปรากฏว่านอนเสียชีวิตอยู่ในห้องแล้ว แต่ส่วนนายอนุสรณ์แฟนหนุ่มหายตัวไป จึงเชื่อว่าอาจจะถูกทำร้าย
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้คุยกับนายน้ำเงิน (นามสมมติ) คนรู้จักกับคนตายและคนต้องสงสัย(คนก่อเหตุ) เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ช่วงเย็น ก่อนที่คนตายจะเลิกงาน ตัวของนายอนุสรณ์แฟนหนุ่มของคนตาย ซึ่งได้มีการเอามือถือไปขายที่ร้านแห่งหนึ่งไม่ไกลจากหอพัก จากนั้นเอาเงินที่ได้ไปซื้อเบียร์4ขวบ กลับมานั่งดื่มกินอยู่ภายในห้อง ก่อนที่คนตายจะเลิกงานกลับมาแล้วไปทำกับข้าวกินห้องเพื่อน และตัวของนายอนุสรณ์ได้ตามไปกินด้วย ก่อนที่จะถูกขับไล่ออกมา แล้วทะเลาะมีปากเสียงกันตอนกลางคืน
แต่ก่อนหน้านี้ กลุ่มเพื่อนได้มีการเตือนคนตาย ว่าอย่ายุ่งกับนายอนุสรณ์ เพราะนิสัยไม่โอเค ประกอบกับเป็นคนอารมณ์ร้อน และเป็นคนที่ไม่ค่อยขยันทำมาหากิน กลัวว่าถ้าหากคบหากันแล้วจะลำบาก แต่ลึกๆ ก็ไม่สามารถที่จะห้ามอะไรได้เพราะเข้าใจว่าเป็นความรักและเรื่องของคนสองคน จึงต้องปล่อย ก็ได้แต่เตือนเท่าที่พอจะเตือนได้ แต่ก็ยอมรับว่าตัวของนายอนุสรณ์เกี่ยวข้องทั้งการพนัน เล่นจนหมดตัว และไปหยิบยืมเงินจนเกิดเป็นเรื่องที่ผู้หญิงต้องมารับผิดชอบ
ส่วนตลอดช่วงที่ผ่านมา ยอมรับว่า2เดือนมานี้ ทั้งคู่มีปากเสียงกันค่อนข้างบ่อย ส่วนใหญ่ฝ่ายชายก็มักจะหาเรื่อง และมักจะอารมณ์ร้อนใส่ผู้หญิง แต่ส่วนฝ่ายหญิงก็เป็นคนไม่ยอมคน จึงทำให้ไม่มีตรงกลางสำหรับทั้งคู่ ก็เลยเป็นไปได้หรือไม่ว่าเมื่อคืนนี้อาจจะทะเลาะกันรุนแรง ประกอบกับอาจจะมีปัญหาเรื่องขับไล่ให้ออกจากห้อง และยังเคยถูกบอกเลิกช้ำๆ จึงอาจเกิดเป็นชนวนเหตุที่ไม่พอใจ และมีการฆ่ากันตายในห้องดังกล่าวแล้วหลบหนี
จากนั้น ทีมข่าวมีการตรวจสอบ Facebook ของคนตาย ซึ่งพบว่ามีการโพสต์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมีการระบุข้อความว่า “ เมื่อไหร่จะหมดเวรหมดกรรมวู้” โดยเพื่อนสนิทบอกว่าคนตายตั้งใจที่จะโพสต์เกี่ยวกับความรักที่ตัวของคนก่อเหตุไม่ยอมเลิกราเสียที
ขณะเดียวกัน ยังพบว่า Facebook ของนายอนุสรณ์คนก่อเหตุ ยังได้มีการโพสต์ความเคลื่อนไหวล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยเป็นภาพที่ไปทำบุญกับคนตาย ที่วัดนางสาว โดยเป็นวัดในพื้นที่กระทุ่มแบน พร้อมกับระบุข้อความว่า “ ว่าด้วยเรื่องบุญเรื่องวาสนา สาธุ สาธุ” ส่วนโพสต์อื่นก็เป็นการโพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับการไปทำงาน ดูหนัง และรวมถึงทำกับข้าว ซึ่งก็ไม่ได้มีการโพสต์ถึงคนตายแต่อย่างใด