เหลือเชื่อ! แม่ดีใจลูกชายตาย แฉขู่ "มึงต้องให้มรดดกู" หลานฉุนยิง 4 นัดสยบห้าว

วันที่ 24 มิถุนายน 2566 พ.ต.ท.ปริญญา กุลรัตน์ สว.สอบสวน สภ.พระอินทร์ราชา รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตภายใน ภายในซอยรักวงค์วาน หมู่ 5 ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลบางปะอิน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตรวจสอบที่ เกิดเหตุ ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบร่างผู้เสียชีวิตหนึ่งรายเป็นชาย สภาพนอนหงายอยู่กับพื้นจมกองเลือดไม่สวมเสื้อใส่กางเกงเพียงขาสั้นสีน้ำเงิน ทราบชื่อต่อมาคือ นาย มนัส ธรรมโมรา อายุ 49 ปี มีบาดแผลถูกยิง ด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม .จำนวน 3 นัดที่บริเวณ แขนซ้าย 1 นัด สะโพกขวา 1 นัด ด้านหลัง 1 นัด ได้ทำการถ่ายรูปและเก็บหลักฐานเพื่อนำไปรวบรวมนำประกอบ สำนวนคดีจากนั้นนำร่างผู้เสียชีวิตส่ง ชันสูตรหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต จังหวัดปทุมธานี สอบถาม นางสาว สายนที หาญอนงค์ อายุ 51 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ เล่าว่าผู้เสียชีวิตคือน้องชายของตนเอง ส่วนผู้ก่อเหตุคือนาย สุชิน ธรรมโมรา อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของตนเอง ส่วนสาเหตุนั้นน่าจะเกิดมาจากที่ลูกชายสุดทนพฤติกรรมของผู้เสียชีวิตเนื่องจากผู้เสียชีวิตมักชอบด่าทออาละวาด ใช้มีดไล่ฟัน คนในบ้านเป็นประจำและทะเลาะกันแบบนี้ทุกวัน รวมถึงมีการเกี่ยวข้องกับการเสพยาเสพติด จนกระทั่งมาวันนี้ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้อยู่ในบ้านแต่ได้พูดคุยกับแม่ ซึ่งทราบว่า นาย มนัส ผู้ตาย ได้ทะเลาะกับ น้องเขย และมีการชกต่อยกัน จนกระทั่งด่าทอคนในว่าลูกชายตนเองคงเห็นและทนกับพฤติกรรมไม่ไหว จึงใช้อาวุธปืนยิงจนเป็นเหตุให้นายมนัส น้องชายเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนลูกชายตนเองไม่ได้หนีไปไหนอยู่ในที่เกิดเหตุและยอมมอบตัว

 


นาย บุญเชิด ท้าวสาบุตร อายุ 59 ปี น้องเขย เล่าว่าเมื่อช่วงเช้านายมานัส ผู้ตาย ยืนโหวกเหวกโวยวายด่าทออยู่บริเวณหน้าบ้าน ตนเองอยู่ในบ้านจึงเดินออกมาดูและ บอกให้หยุดด่า นาย มนัส ผู้ตาย ไม่พอใจจึงสิ่งเข้าต่อยเข้าบริเวณ เบ้าตา และริมฝีปากของตนเองจนแตก จากนั้นก็วิ่งหายไปกระทั่งกลับมาอีกที ตนเองก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัดแล้วจึงออกมาดูพบว่า นายสุชิน หลานชายใช้อาวุธปืนยิงนายมนัส จนเสียชีวิตแล้ว


ตรวจสอบ กล้องวงจรปิด จับภาพตอนที่นายมนัส ผู้ตายวิ่งออกไปบริเวณปากซอยหายไปประมาณ 10 นาทีจากนั้นถือไม้มา 3 ย้อนกลับเข้ามา จากนั้นกล้องไม่สามารถจับภาพได้ จากนั้นได้ยินเสียงปืน 4 นัด

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดอีกมุม โดยจะเห็นว่า วินาทีนายสุชิน ได้ใช้ปืนกระหน่ำยิงนายมนัส น้าชาย บริเวณหน้าบ้านอย่างชัดเจน โดยจะเห็นนายมนัสถูกยิงหงายท้อง และนายสุชิน เดินเข้าไปจ่อยิงระยะเผาขน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าว ได้มีโอกาสพูดคุยกับ นาย สุชิน ธรรมโมรา อายุ 36 ปี ผู้ต้องหา มือปืนที่ก่อเหตุยิง โดยทางผู้สื่อข่าวได้สอบถามผู้ต้องหาโดยสมัครใจ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ตนเองเป็นหลานส่วนแม่ของตนเองเป็นพี่สาวของผู้ตาย ผู้ตายชอบหาเรื่องทะเลาะกับตนเองเป็นประจำ กว่า 10 ปีแล้วโดยส่วนใหญ่จะมีการด่าทอและถึงกับขั้นทำร้ายร่างกายแม่ของตนเองก็เคยมาแล้ว ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นช่วงเช้านั้นผู้ตายได้ด่าทอและอาละวาดอยู่ตนอยู่ในบ้านจึงได้เดินออกมาเห็นผู้ตาย ถือมีดและจะเข้ามาทำร้ายตนเองตนเองจึงได้ไป หยิบปืนที่มีอยู่ในบ้านออกมายิงผู้ตายไป 4 นัดจนผู้ตายต้องวิ่งหนีไปฝั่งตรงข้ามส่วนตนเองหลังจากก่อเหตุก็ไม่ได้คิดหนีไปไหน รอมอบตัวอยู่ และสิ่งที่ทำไปก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะคนตายก็สักเป็นน้าแต่ตนเอง ตนเองก็ขอโทษ เขาก็ดีแต่เสียตรงเป็นคนอารมณ์ร้อนชอบโวยวาย ทำให้วันนี้สุดที่จะทนทุกคนมีขีดจำกัดเพราะผู้ตายชอบหาเรื่องตนเอง ตนเองพยายามทนมาตลอดแต่เขาไม่เคยเลย

“ มันเกินทนแล้วครับพี่ ผมเหลืออดแล้ว ส่วนปืนมีอยู่แล้วเป็นปืนของคนตายเค้าเองนั่นแหละครับ ถ้าผมไม่ทำเขาวันนี้ เค้าก็ทำกับคนอื่นอีก ทั้งกับคนในบ้านและคนทั้งซอย ผมทนไม่ไหวแล้ว เค้าเคยต่อยแม่ผม เย็บไปแปดเข็ม เค้าเคยใช้มีดไล่ฟันผมหลายครั้งแล้ว ผมทนมากกว่า 10 ปีแล้วพี่ ผมยอมมาโดยตลอด มันไม่ไหวแล้วจริงๆครับพี่ เค้าเสพยาพอเวลาไม่มียาเสพเค้าก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ผมอยากขอโทษย่ากับแม่ ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้หรอกครับ มันทำไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วครับพี่ ถ้าผมไม่ทำเขา เขาก็ไล่ฟันผมอีก แล้วทุกคนก็โดนอีก”

 

นาง มณี ธรรมโมรา อายุ 76 ปี ซึ่งเป็น แม่ ของผู้เสียชีวิต และเป็น ยาย ของผู้ก่อเหตุ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากเกิดเหตุก็เดินทางมาพร้อมกับแม่ของผู้ก่อเหตุและภรรยาของผู้เสียชีวิต ซึ่งจะต้องมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผู้ตายก็เป็นลูก ส่วนผู้ก่อเหตุก็เป็นหลาน ผู้ตายเป็นคนชอบอาละวาดและด่าทอคนในครอบครัว และจะไล่พี่ไม่ให้พี่น้องอยู่ เหมือนอยากจะได้ที่เพียงคนเดียวถ้าพ่อแม่เสียชีวิตไป ตนเองยังโดนด่า ส่วนวันนี้ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์เกิดขึ้นก็อาจจะต้องมี คนที่อยู่ในบ้านได้รับอันตรายอย่างแน่นอน ตนเองในฐานะเป็นแม่ก็อาจจะต้องถูกลูกชายคนนี้ทำร้ายด้วยซ้ำ ถือว่า หมดเวรหมดกรรมกันไป ส่วนเรื่องคดีความ ทางครอบครัวจะไม่มีการประกันตัวหลาน ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ ให้เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมายเพราะถือว่าเป็นลูกผู้ชายแล้วทำก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ตนเองทำส่วนร่างของผู้เสียชีวิตจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่ วัด คลองพุทรา เป็นเวลา 3 คืน

 

ไม่ให้มรดก แต่ซื้อโลงให้!