ล่าเสี่ยคอนโดฯ ยิงกราดใส่คน ประวัติสุดรวยแต่ญาติระอาไล่พ้นกองมรดก
จากเหตุการณ์ที่ นายอรุณ อายุ 33 ปี เป็นเจ้าของอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง ถนนสามัคคี ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงใส่รถเก๋งสีขาว จำนวน 5 นัด ที่มีนายธีรพงศ์ อายุ 42 ปี ช่างซ่อมลิฟต์ กำลังขับรถออกจากซอย แต่โชคดีที่กระสุนไม่ถูกใคร แต่กระสุนถูกท้ายรถยนต์ของนายธีรพงศ์จำนวน 4 นัด ได้รับความเสียหาย ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะขับรถจักรยานยนต์หนีออกไป เหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา
เมื่อดูภาพจากกล้องวงจรปิด บันทึกภาพที่คนร้ายยืนอยู่หน้าห้องพัก
เวลา 22.43 น. รถเก๋งคันสีขาวขับผ่านผู้ก่อเหตุก็ใช้อาวุธปืนยิงใส่ทันที
เวลา 22.44 น. ผู้ก่อเหตุได้ขี่จักรยานยนต์หลบหนีไปทางปากซอย
ต่อมา กล้องวงจรปิดอีกมุม เมื่อเวลา 22.44 น. รถเก๋งที่ถูกยิงดับแล้วไปหยุดที่ปากซอย ก่อนพูดขับรถเก๋งจะลงจากรถแล้ววิ่งหนีมาจากรถเพื่อหนี แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผู้ก่อเหตุขับรถจักรยานยนต์ผ่านรถที่เสียหายออกไปแต่ไม่ได้ ก่อเหตุซ้ำแต่อย่างใด
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายธีรพงศ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองได้กลับมาจากทำงานขับรถเข้าบ้าน ที่อยู่ในซอยที่เกิดเหตุและตรงข้ามกับอพาร์ทเม้นต์ของผู้ก่อเหตุ เพื่อไปรับแฟนไปกินข้าวข้างนอกบ้าน แต่ปรากฏว่าแฟนได้นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างสวนออกไปแล้ว ตนเองจึงได้ขับรถตามไปที่ร้านอาหาร ระหว่างขับรถออกมาพบผู้ก่อเหตุยืนถือปืนและพยายามเรียกให้จอดรถ แต่เมื่อตนเองเห็นว่ามีปืนจึงไม่กล้าที่จะจอดรถ ตัดสินใจขับรถออกมาแต่ไม่ได้ใช้ความเร็ว หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวนถึง 5 นัด ก่อนที่รถดับ จึงจอดรถหน้าปากซอย ตนเองจึงได้ลงจากรถเพื่อมาดู เป็นจังหวะที่ผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ออกมาเพื่อจะหลบหนีและผ่านที่รถที่ตนเองยืนอยู่ ตนจึงได้สอบถามว่ามีอะไรค่อยคุยกันแต่ผู้ก่อเหตุกลับไม่พูดด้วยขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ยอมรับว่ารู้จักกันกับนายอรุณผู้ก่อเหตุ แต่แปลกใจทำไมถึงทำกันอย่างนี้ ส่วนตัวยังเชื่อว่าที่รอดมาได้อาจจะเป็นพระหลวงพ่อคูณที่สวมใส่อยู่ที่ตนเองนับถือมาโดยตลอด
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยังบริเวณจุดเกิดเหตุ ได้เจอกับนายสมชาย อายุ 62 ปี น้าผู้ก่อเหตุ ได้พาทีมข่าวเดินดูจุดที่เกิดเหตุ พร้อมกับเล่าว่า เมื่อเวลา 23:00 น. ของเมื่อคืนนี้รถเก๋ง ของผู้เสียหายได้ขับออกจากบ้าน เพื่อมุ่งหน้าออกปากซอยสามัคคีซอย 35/1 ระหว่างที่ขับรถผ่านหน้าอพาร์ทเมนต์ นายอรุณ ที่ยืนอยู่หน้าห้องพักของตนเองด้านล่างได้ชักอาวุธปืนยิงใส่รถเก๋งของผู้เสียหายจำนวน 5 นัด ก่อนที่รถยนต์ที่ถูกยิงจะดับลงก่อนถึงบริเวณปากซอยทำให้ นายธีรพงศ์ ผู้เสียหายที่ขับรถเก๋งมาได้ลงจากรถและวิ่งหนีเพราะเกรงว่าจะถูกผู้ก่อเหตุมายิงซ้ำ ก่อนที่นายอรุณ ผู้ก่อเหตุจะขับรถจักรยานยนต์ผ่านรถของผู้เสียหายที่ถูกยิงจอดดับอยู่หลบหนีออกไปจากซอย ก่อนจะย้อนกลับมาในตอนดึก เอารถจักรยานยนต์กลับมาจอดแล้วเปลี่ยนรถยนต์ขับหลบหนีไป
โดยตนเองยืนยันว่าผู้เสียหายไม่เคยมีปัญหากับผู้ก่อเหตุมาก่อนเพราะ นายธีรพงศ์ ที่ถูกไล่ยิงเป็นคนนิสัยดี ซึ่งทั้งคู่ก็รู้จักกัน ส่วนนายอรุณผู้ก่อเหตุปกติหากไม่มีอาการเมาซึ่งตนเองก็ยังไม่แน่ชัดว่า ความเมานั้นเกิดจากยาเสพติดหรือดื่มสุรา เพราะเวลาเมาทุกครั้งจะอาละวาดหาเรื่องพูดดิพัดอยู่ในอพาร์ทเมนท์จนทำให้ต้องย้ายหนีออกไปอยู่ที่อื่น และยังชอบยิงปืนเป็นประจำซึ่งก่อนหน้านี้ก่อนเกิดเหตุที่จะยิงใส่รถเก๋งเพียงหนึ่งวันก็เพิ่งจะยิงปืนตอนตีสาม จนทำให้ผู้ที่อยู่ในอพาร์ทเมนท์เกิดความหวัดกลัว และก็ไม่มีใครกล้าแจ้งความเพราะต้องอยู่ในอพาร์ทเมนท์แห่งนี้ ซึ่งผู้ก่อเหตุเคยเป็นผู้ดูแลอยู่แต่ในปัจจุบันไม่ได้ดูแล้วเนื่องจากผู้ก่อเหตุเก็บค่าเช่าแล้ว เอาไปใช้ส่วนตัวหมด ไม่ไปชำระค่าไฟจนทำให้ผู้ อพาร์ทเม้นต์ถูกตัดไฟทั้งหมด ก่อนที่ทางญาติจะไม่ให้นายอรุณผู้ก่อเหตุมาดูแล จึงทำให้นายอรุณ ผู้ก่อเหตุ เกิดความโกรธแค้นพูดขู่ฆ่าพี่น้องของตัวเองก่อน ที่จะก่อเหตุยิงรถเก๋ง และชาวบ้านยังอยากให้ตำรวจติดตามจับกุมตัวให้ได้เพราะสร้างความเดือดร้อนมาโดยตลอด
ขณะที่ความคืบหน้าของคดีพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้ขอศาลอนุมัติออกหมายจับ นายอรุณ ผู้ก่อเหตุ ในข้อหาพยายามฆ่า และ พ.ร.บ.อาวุธปืนซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการติดตามตัวพร้อมกับประสานให้ญาติ หากติดต่อผู้ต้องหาได้ให้นำมามอบตัว เพราะผู้ต้องหามีอาวุธปืนติดตัวไปด้วยเกรงว่าจะไปก่อเหตุซ้ำ และหากตำรวจเข้าจับกุมตัวและมีการต่อสู้ตำรวจก็ต้องปฏิบัติการตามยุทธวิธี ซึ่งจะนำมาสู่การสูญเสียและได้รับบาดเจ็บได้