แม่ป่วยมะเร็งหอบสังขารถ่ายรูปปริญญาลูกสาว ยินดีฝันเป็นจริงก่อนลาจากอย่างสงบ
เรื่องราวสุดเศร้าจากผู้ใช้ติ๊กต็อกชื่อ “หมิว แหลงใต้” ที่ได้พาคุณแม่ผู้ป่วยมะเร็งตับระยะสุดท้าย ไปถ่ายภาพครอบครัวและภาพชุดครุย ทั้งที่ยังไม่ถึงกำหนดรับปริญญา เผย อยากใช้เวลาที่เหลืออยู่คุ้มค่าที่สุดก่อนจากกันตลอดชีวิต
โดยในช่วงที่ถ่ายรูป ลูกต้องพยายามกลั้นน้ำตา เพราะรู้ว่า แม่อาจจะอยู่ไม่ถึงเดือนกันยายน จากภาพจะเห็นรอยยิ้มแม่มีความสุขมาก และที่บีบหัวใจไปกว่านั้นหลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จ 1 เดือน แม่เสียชีวิต
เมื่อไล่ไทม์ไลน์ เมื่อช่วงมกราคม 66 คุณแม่ตรวจเจอเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย เข้ารับการรักษา พอหลังจากนั้นคุณหมอบอกว่าการทรุดหนัก รักษาไม่ได้แล้ว ลูกสาวเลยพาไปถ่ายรูปครอบครัวใส่ชุดครุยรับปริญญา เพราะว่ากำหนดจริงๆก็คือกันยายนที่จะถึงนี้ แล้วคุณแม่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีก 10 วัน หลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จแล้ว คุณแม่กลับมาอยู่ที่บ้านและใช่ใช้เวลาช่วงสุดท้ายกับครอบครัวและเสียชีวิตลงเมื่อ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านพักหลังหนึ่ง หมู่ 5 บางมะเดื่อ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานบำเพ็ญกุศลศพของคุณแม่วาสนา สุขแสง หรือแม่กิมไล้ อายุ64ปี ได้พบกับ น.ส.ปริยาพร สุขแสง หรือ หมิว ลูกสาว อายุ 27 ปี เล่าว่า คุณแม่ตรวจพบมะเร็งตอนเดือนมกราคม ที่ผ่านมา แต่เมื่อตรวจพบก็เป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายแล้ว ขณะนั้นก็ช่วยกันรักษา สู้กันมาเรื่อย ๆ และพี่สาวได้พาคุณแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่คุณหมอได้แจ้งกับคนไข้ และพี่สาวของตนว่ารักษาคุณแม่ไม่ได้แล้ว วันนั้นคุณแม่ทรุดและมีอาการเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
น.ส.ปริยาพร กล่าวต่อว่า เมื่อกลับมาถึงบ้านพี่สาวก็เลยมาแจ้งกับทุกคนในครอบครัว ว่าอาการคุณแม่เป็นอะไรยังไงบ้าง จึงทำให้รู้ว่าคุณแม่น่าจะไม่ไหว ตนจึงมีความคิดว่าไม่รู้ว่าแม่จะมีเวลาเหลืออีกนานแค่ไหน จึงชวนคุณแม่และครอบครัวไปถ่ายรูปครอบครัวและรูปชุดครุยของตน ซึ่งตนได้เรียนจบคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี และมีกำหนดรับปริญญาของตนจะเป็นเดือนกันยายนนี้ แต่อาการคุณแม่ก็หนักขึ้นทุกวัน จึงตัดสินใจไปเช่าชุดแล้วพาคุณแม่ไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก พร้อมกับใส่ชุดรับปริญญา หลังจากถ่ายรูปเสร็จไม่นานแค่ประมาณ 1 เดือน คุณแม่ก็จากไป
น.ส.ปริยาพร กล่าวด้วยว่า ขณะที่พาคุณแม่ไปถ่ายรูปตนก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ เพราะรูปชุดครุยของตนเป็นรูปที่คุณแม่อยากเห็นมากที่สุด และเหมือนปลดล็อกตัวเองที่ทำให้คุณแม่ประทับใจ และเก็บไว้เป็นความทรงจำด้วย เพราะตอนที่ท่านยังสุขภาพดี แม่ก็ส่งตนเรียนจนจบและก็เคยบอกกับตนว่าอยากเห็นตนถ่ายรูปชุดครุย อยากไปรับปริญญา ในส่วนคุณแม่ก็ถ่ายรูปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่ตนก็รู้ได้ว่าคุณแม่อดทนกับการเจ็บปวดเป็นอย่างมากเพื่อมาถ่ายรูปครอบครัวเก็บไว้
น.ส.ปริยาพร กล่าวต่อว่า หลังจาก 1 เดือนที่ถ่ายรูป คุณแม่ก็ได้เข้าโรงพยาบาลรักษาตัวนานถึง 10 กว่าวัน และเหลือเวลาอีกประมาณ 10 กว่าวัน ก่อนท่านจะเสีย คุณหมอก็จะแจ้งมาบอกว่า ค่าเลือดต่าง ๆ ไม่ดีแล้ว และคุณแม่ก็อยากกลับมาอยู่บ้าน จึงตัดสินใจกับลูก ๆ ทุกคนว่า จะพาคุณแม่กลับมาดูใจอยู่ที่บ้าน
น.ส.ปริยาพร กล่าวว่า ขณะที่กลับมาวันแรกคุณแม่ยังเดินได้ ยกตัวได้ปกติ แต่หลังจากนั้นอาการค่อยๆ ทรุดลง แขนขาไม่มีเรี่ยวแรง ตนพยายามพูดให้กำลังใจคุณแม่ พูดกับท่านเสมอว่า เดี๋ยวแม่ก็หาย แม่สู้มาก ไม่เจ็บนะ จนวันสุดท้ายคุณแม่ก็นอนนิ่ง ๆ ทำอะไรไม่ได้ตนก็จับมือคุณแม่ไว้พร้อมกับบอกคุณแม่ว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องกังวลอะไร และขอให้แม่ไม่เจ็บอีกต่อไป แล้วแม่จากไปอย่างสงบ
โดยจะมีกำหนดพิธีบำเพ็ญกุศลศพตั้งแต่วันที่ 23-28 มิถุนายน และฌาปนกิจที่วัดบางมะเดื่อในวันที่29 มิถุนายนนี้