ยิ่งสืบยิ่งสะพรึง! 5 ชีวิตสาบสูญ 2 เดือนแฉถูกปืนจี้ขึ้นรถ หวั่นถูกเก็บยกครัว
หายตัวปริศนา 5 ชีวิตหนุ่มคนสนิทมารับสาวพร้อมครอบครัวขึ้นรถตู้หายตัวติดต่อไม่ได้กว่า 2 เดือน (ตั้งแต่ 22 เม.ย.66) ตร.เผยประสานท้องที่ผู้ต้องหาเร่งล่าตัวผู้ต้องหา ยัง ไม่รู้ชะตากรรมทั้ง 5 ชีวิต
กรณีกระแสข่าวการหายตัวไปของเครือญาติพร้อมกันถึง 5 ราย และได้ถูกร้องเรียนจนกลายเป็นเรื่องที่ถูกให้ความสนใจรายนี้ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2566 ผู้สื่อข่าวได้ติดตามเรื่องนี้ไปที่บ้านของ น.ส.พิทยารัตน์ ซึ่งเป็นญาติสนิทของทั้ง 5 คน และเป็นผู้เผยแพร่ข้อมูลขอความเชื่อเหลือไปยังแหล่งเผยแพร่ต่างๆ
กรณีนี้เธอให้ข้อมูลระบุว่าสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมาน้าหลานรวม 5 ชีวิตประกอบด้วยนางอุษา ปานรอด อายุ 43 ปี อยู่ น.ส.ชนนิกานต์ หรือน้องบีม โตชะนก อายุ 22 ปี นักศึกษาราชภัฏสุราษฏร์ธานี น.ส.ญาสุมินร์ หรือน้องรุ้ง โจมฤทธิ์ อายุ 22 ปี (เพื่อน น.ส.ชนนิกานต์ โตชะนก) ด.ช.พรพิพัฒน์ ปานรอด อายุ 13 ปี หรือน้องฟอร์ด ด.ญ.ศิรประภา หรือน้องฟ้าใส รุจิตร อายุ 13 ปี ได้หายออกจากบ้านไปพร้อมกับนายลมกรด หรือนายแบงค์ แสงสว่าง อายุ 36 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ แฟนของ น.ส.ชนนิกานต์ นำรถตู้สีขาว ทะเบียน นข 8797 อุดรธานี ขึ้นรถตู้จากท่าศาลา จ.นครศรีฯ โดยมีนายนพดล เป็นคนขับและมีหญิงสาวคนสนิทของนายนพดลนั่งมาในรถรวม 3 คน ต่อมานายแบงค์ ลมกรดซึ่งเป็นแฟนของ น.ส.ชนนิกานต์ ได้พาทั้งห้าคนหายออกจากบ้านไป (ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน) และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย สิ่งที่น่าสงสัยคือ มีการเปลี่ยนจากรถตู้สีขาวไปขึ้นรถกระบะสีดำ จุดเปลี่ยนอยู่ที่บ้านไสกรูด อ.ทุ่งสง จ.นครศรีฯ จนตอนนี้เวลาผ่านล่วงเลยไปนานกว่า 2 เดือนก็ยังติดต่อใครไม่ได้เลย ทำให้ทางญาติเป็นกังวลไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
น.ส.พิทยารัตน์ ที่ จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า นายลมกรด แสงสว่าง ชาว จ.เชียงใหม่ หนึ่งใน 3 คนที่มารับบุคคลทั้ง 5 ได้มารู้จักกับ น.ส.ชนนิกานต์ เมื่อ 5 เดือนก่อน จากนั้น น.ส.ชนนิกานต์ได้พานายลมกรดมาทำความรู้จักกับนางอุษา ปานรอด ผู้เป็นแม่ที่บ้านใน อ.ท่าศาลา โดยมีน.ส.ญาสุมินร์ หรือน้องรุ้ง โจมฤทธิ์ อายุ 22 ปี (เพื่อน น.ส.ชนนิกานต์ โตชะนก) ด.ช.พรพิพัฒน์ ปานรอด อายุ 13 ปี หรือน้องฟอร์ด ด.ญ.ศิรประภา หรือน้องฟ้าใส รุจิตร อายุ 13 ปี นั่งอยู่รวมกันที่บ้าน
ซึ่ง น.ส.พิทยารัตน์ ยังเปิดใจทั้งน้ำตากับทีมข่าวอีกว่า วันนี้ดีใจที่ช่อง 8 มาช่วยตามหาทั้ง 5 คน หากทั้ง 5 คนยังมีชีวิตอยู่ หรือดูช่อง 8 อยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะตกอยู่ใน สถานการณ์แบบไหน ขอให้รู้ไว้ ว่าพี่คนนี้ จะไม่มีวันหยุดตามหาทั้ง 5 คน พี่จะพาทุกคนกลับบ้านอย่างปลอดภัย ถ้าฟังอยู่ก็ขอให้หาทางติดต่อกลับมา
ทั้งนี้ก็อยากจะฝากทุกสื่อ และทุกคนที่ดูอยู่ตอนนี้ หากพบเบาะแส ให้แจ้งกับตำรวจหรือแจ้งกลับมาทางครอบครัว หรือหากญาติของนายแบงค์ฟังอยู่ ก็อยากจะฝากบอกไปว่า ช่วยติดต่อกับนายแบงค์ ให้ส่งทั้ง 5 คนกลับมาอย่างปลอดภัย
หลังจากทั้ง 5 คนได้หายตัวไปนางสุจิต ปานรอด อายุ 72 ปี แม่ของนางอุษาไปแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.ท่าศาลา กระทั่งทางตำรวจสืบทราบว่ารถตู้ที่ใช้ก่อเหตุอยู่ในพื้นที่ จ.พะเยา จึงส่งตำรวจสืบสอนนอกเครื่องแบบไปติดตามจับกุมตัวนายนพดล แสงเมืองอินทร์ หนึ่งใน 3 ได้เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นก็นำตัวนายนพดลพร้อมรถตู้มาที่ สภ.ท่าศาลา นายนพดลให้การว่าได้รับการว่าจ้างจากนายลมกรดว่า เป็นเพียงคนรับจ้างขับรถตู้ให้เท่านั้น และยืนยันว่าไม่ได้มีการลักพาตัวและทำร้ายบุคคลทั้ง 5 คนแต่อย่างใด และในวันที่ 14 มิ.ย.นายนพดลได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวออกไป
โดย น.ส.พิทยารัตน์ ยังเล่าให้ทีมข่าวฟังอีกว่า ก่อนที่ทั้งหมดจะหายตัวไป เริ่มจากน้องสาว ก็คือ น.ส.ชนนิกานต์ ได้ไปทำงาน พาร์ทไทม์ ที่ร้านอาหาร กระทั่งมีนางปลา ที่เป็นนกต่อ ได้พานายแบงค์ หรือนายลมกรด เข้ามาจีบน้องสาว ซึ่งหลังจากมีการรู้จักกัน น้องสาวได้คบหากับนายแบงค์ ก่อนจะหายตัวไปได้ประมาณ 5 เดือน / โดยระหว่าง 5 เดือนที่คบหากันนั้น น้องสาวได้พานายแบงค์ มารู้จักกับ น.ส.อุษา ซึ่งเป็นแม่ของเขา และพามารู้จักกับทางครอบครัว
ต่อมาเมื่อนายแบงค์ เริ่มสนิทกับครอบครัว ก็เริ่มออกอุบาย แสดงตัวว่าตัวเขาเอง เป็นนักธุรกิจ กำลังจะหาซื้อที่ดินเปิดปั้มน้ำมัน และยังคุยอีกว่าตัวเขาเองเป็นนักกฎหมาย ยิ่งไปกว่านั้น นายแบงค์ ยังออกอุบาย ขอรับหลายชายและหลานสาว ที่กำพร้าพ่อแม่ ไปเป็นบุตรเพื่อต้องการส่งเรียน โดยยื่นข้อเสนอบอกกับทางครอบครัวว่าจะให้เงินเดือนละ 7,000 บาทต่อคน ทำให้คนในครอบครัวทุกคนก็เริ่มเชื่อ
จากนั้นนายแบงค์ ก็เริ่มออกอุบาย หาข้อมูลเกี่ยวกับตัวน.ส.อุษา ในเรื่องของการ ติดแบล็คลิสต์รถยนต์ เพื่อหลอกให้ น.ส.อุษา ขายที่ดินจำนวน 3 ไร่ ในราคา 300,000 บาท เพื่อถอนเงินออกมาให้นายแบงค์ เอาไปปิดบัญชีทางธนาคาร แต่นายแบงค์ ก็ไม่ปิด
จนกระทั่งวันเกิดเหตุ คือวันที่ 22 เมษายน 2566 นายแบงค์ ได้พานายนพดลและนางปลา ขับรถตู้มารับทั้ง 5 คนขึ้นรถที่บ้าน ซึ่งจังหวะที่รถยังไม่ได้ออกจากบ้าน ตนเองสังเกตว่า คนบนรถ ทำไมมีท่าทางผิดปกติ ก็เลยถามว่าจะไปไหนกัน แต่ทุกคนก็ไม่ตอบและไม่มีใครกล้าลงจากรถ เพราะบนรถมีปืน และมารู้ภายหลังจากตำรวจว่า นายนพดล คนขับรถตู้ มีการข่มขู่ทั้ง 5 คนในวันนั้น ที่สำคัญนอกจาก นายแบงค์ จะพาทั้ง 5 คนขึ้นรถไป นายแบงค์ ยังขับรถกระบะของ น.ส.อุษา ออกไปพร้อมกันด้วย
กระทั่งเวลาผ่านไป 1 วันเต็ม ในเมื่อตนเองติดต่อกับทั้ง 5 คนบนรถไม่ได้ ก็เลยมีการเดินทางไปแจ้งความกับตำรวจที่ สภ.ท่าศาลา แล้วก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กไปตามกลุ่มต่างๆให้ช่วยตามหา / จนต่อมาตำรวจได้ไปไล่กล้องวงจรปิด จนพบว่า รถกระบะของ น.ส.อุษา ถูกนายแบงค์ ขับไปจำนำที่กรุงเทพฯ ส่วนรถตู้ ตามเส้นทางที่ตำรวจไปติดตาม พบว่ารถตู้ ได้พาทั้ง 5 คนข้ามพรมแดนไปยังฝั่งเพื่อนบ้านในทางด่านพรมแดนที่ภาคเหนือ และต่อมาวันที่ 12 มิถุนายน ก็ได้จับตัวนายนภดล แต่ได้ให้ประกันตัวในวันที่ 14 มิถุนายน
ด้าน น.ส.วัชรินทร์ อายุ 37 ปี น้าสาวของเด็กๆ บอกว่า สงสารเด็กๆที่ถูกหลอกไป ในวันที่ได้เจอกับ 5 คน ครั้งสุดท้าย หลานชายพยายามขอมานอนด้วย สายตาดูสิ้นหวังมาก ตอนนั้นคิดว่าหลานชายแค่งอแงตามประสาเด็ก แต่ที่ไหนได้ บนรถตู้คันนั้นที่นายนพดลเป็นคนขับ เขาได้ใช้ปืนจี้เด็กๆและน้าสาว ให้อยู่นิ่งๆ บนรถ
ตนรู้สึกเจ็บใจ และแค้นใจมาก เพราะหลังจากนายนพดลถูกจับ ตำรวจได้ให้ประกันตัวไปแล้ว แต่น้าสาวกับหลานๆ ยังไร้วี่แวว กลัวเขาจะฆ่าปิดปาก อยากให้สื่อช่วยแชร์เรื่องนี้ เผื่อมีคนพบเห็นทั้ง 5 คน
เบื้องต้นทราบว่า 1 ในผู้ต้องหา มีบ้านพักอาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่วันนี้ทีมข่าว จึงได้เดินทางไปยังบ้านพักของผู้ต้องหารายนี้
ทีมข่าวได้พบกับนางพร (นามสมมุติ) ชาวบ้านในพื้นที่บอกกับทีมข่าวว่า ตนเป็นคนในหมู่บ้านนี้ อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เล็ก ไม่คุ้นเคยและไม่เคยเห็นหน้าบุคคลในรูปเลย ทั้งๆที่บ้านเลขที่ตามบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลดังกล่าว ก็ตรงกับบ้านที่อยู่ติดกับบ้านของตน ซึ่งตนรู้จักกับเจ้าของบ้านหลังนี้มานาน ยืนยันไม่มีคนชื่อนี้อยู่ในบ้านหลังนี้แน่นอน เมื่อพูดเสร็จได้พาทีมข่าวไปที่บ้านหลังดังกล่าวทันที