ขนลุก! ตาตายแล้วฟื้นพูดชื่อผีตายโหงตรงเป๊ะกับเพื่อนลูก หมอปลาช็อกอ้วกน้ำตาร่วง
จากเหตุการณ์ที่ตาชา อายุ 90 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียง และหยุดหายใจ ไม่มีชีพจร 2 ครั้ง แต่ฟื้นกลับมาได้ แต่ลูกหลานบอกว่า พฤติกรรมตาชาเปลี่ยนไป กลางวันเอาแต่นอนไม่ยอมพูดยอมจา กลางคืน ร้องจะกินข้าวดื่มกาแฟ ขณะที่วันพระ วันโกน จะมีน้ำเหลืองซึมตามร่างกาย ครอบครัวไปปรึกษาพระ จึงได้ทราบว่าพ่อหมดอายุขัย และก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน ระหว่างที่ป้อนข้าวคุณตาชา ลูกสาวก็ได้พยายามพูดคุยกับตาชา และได้สอบถามว่าที่นอนอยู่นี่ใช่ตาชาหรือไม่ แต่ตาชากับตอบว่าไม่ใช่แต่ชื่อณรงค์
หมอปลา ลงพื้นที่ไปยังบ้านของตาชา ทันทีที่หมอปลาเดินเข้ามายังบริเวณบ้านของตาชา และได้หันกลับไปมองฝั่งตรงข้ามบ้านจึงพบกับรูปปั้นไม้กางเขนและพระเยซู ซึ่งอยู่ตรงกับบ้านของตาชา และยังตรงกับหัวนอนของตาชาด้วย อีกทั้งเมื่อมองไปยังด้านข้างของรูปปั้นก็ยังพบกับทางสามแพ่งที่มุ่งตรงเข้ามายังบ้าน หมอปลาจึงหันมาบอกกับทีมข่าวว่าทางสามแพ่งตรงเข้ามายังบ้าน และยังไม่มีกำแพงกั้นอันนี้เป็นเรื่องไม่ดีต้องแก้ไข ต้องแจ้งให้ทางครอบครัวของตาชานำกระจกมาติดเพื่อสะท้อนออกไป ส่วนเรื่องรูปปั้นนั้นทางหมอปลามาทราบภายหลังว่าตาชาเป็นผู้สร้างรูปปั้นนี้หมอปลาก็แจ้งกับทีมข่าวและลูกหลานของตาชาว่าการสร้างรูปปั้นไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นใดและรูปปั้นนั้นได้อยู่ใกล้ซึ่งรูปปั้นแต่ละรูปนั้นจะมีจิตวิญญาณในตัวเขาก็อยากอยู่ใกล้กับคนสร้างจึงทำให้ตาชาต้องทนอยู่แบบนี้ไปไหนไม่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ที่มีผลทำให้เกิดเป็นแบบนี้
จากนั้นหมอปลาและทีมข่าวก็ได้เข้าไปพบกับราชาซึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยภายในบ้าน เมื่อหมอปลาเดินเข้ามาใกล้กับเตียงผู้ป่วยที่ตาชานอนอยู่ก็มีอาการเหมือนสัมผัสอะไรบางสิ่งบางอย่างได้ โดยมีลักษณะน้ำหูน้ำตาใหลและคลื่นไส้เหมือนจะอาเจียน และหมอปลาบอกกับทีมข่าวว่าเหม็นมาก จากนั้นจึงเข้าไปพูด คุยกับตาชาและสอบถามตอนเช้าวันนี้ใช่ตาชาหรือไม่ ซึ่งตาชาก็ตอบว่าใช่และเมื่อสอบถามถึงณรงค์ตาชาก็ตอบว่าไม่อยู่ไปเที่ยวชลบุรียังไม่กลับ
จากนั้นหมอปลาก็เรียกลูกหลานของตาชาและญาติทั้งหมดมาคุย เพื่อปรึกษากันว่าจะให้หมอปลาช่วยอย่างไร เมื่อหมอปลาได้พูดคุยกับทางญาติเสร็จจึงสรุปได้ว่าให้ช่วยปลดปล่อยตาชาไม่ให้ทรมานแบบนี้ซึ่งทางญาติทั้งหมดได้ทำใจแล้ว และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากหมอปลาทำพิธีทางญาติก็รับได้ จากนั้นระหว่างที่หมอปลาคุยกับญาติทางผู้สื่อข่าวก็ได้มีโอกาสคุยกับตาชา โดยพูดคุยกับตาชาว่า สอบถามตาชาว่าตาจำได้ไหมว่าเมื่อวานผมเข้ามาพบ ตาชาก็พยักหน้าตอบรับและลืมตามองหน้า และเมื่อถามตาชาว่าวันนี้ณรงค์กลับมาหรือยัง ตาชาตอบกลับมาว่ายังไม่กลับมาไปเที่ยวอยู่จังหวัดชลบุรีไม่รู้กลับเมื่อไหร่
จากนั้นหมอปลา ก็ได้ให้ลูกหลาน ของตาชาเข้าไปกราบขอขมา และล้างเท้าก่อนที่หมอปลาจะทำพิธี ซึ่งบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ทีมข่าวจึงได้สอบถามคุณต้อย ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ คนชื่อณรงค์ที่ตาชากล่าวอ้างถึง คุณต้อยจึงเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ก่อนหน้านี้ณรงค์เป็นเพื่อนของตน เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกันและเคยพามาบ้านครั้งหนึ่งตอนที่คุณแม่ของตนเสีย ซึ่งพี่ณรงค์เป็นคนชอบดื่มเหล้าและเสียชีวิตที่บ้าน สาเหตุน่าจะจากการที่ดื่มเหล้าเยอะ ซึ่งเสียชีวิตได้ประมาณสองปีแล้ว และพี่น้องที่บ้านนี้รวมถึงตาชาผู้เป็นพ่อก็ไม่มีใครรู้จักกับพี่ณรงค์มาก่อน แต่ข้อมูลที่ตาชาพูดออกมาเป็นข้อมูลที่ตรงกับข้อมูลพี่ณรงค์ทั้งหมด ตน ก็ตกใจแล้วขนลุกจึงมาตอนที่หมอปลาลงทำพิธี ซึ่งก่อนหน้านี้ตนยอมรับว่าไม่พอใจที่หมอปลามา เพราะตนเป็นคนไม่เชื่อเรื่องอะไรพวกนี้ จนกระทั่งข้อมูลมันตรงกันจึงทำให้ตนตกใจและเชื่อ
จากนั้นหมอปลาถึงเริ่มทำพิธี โดยการนำสายสิญจน์มาพันบริเวณรอบหัวตาชา แล้วจึงจุดธูปหนึ่งดอกเทียนหนึ่งเล่ม และเริ่มทำน้ำมนต์และท่องคาถาเป่าสิ่งไม่ดีออกจากตัวตาชา ซึ่งขนาดหมอปลาทำพิธี เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของตาชาเปลี่ยนไปมีอาการเหมือนลักษณะเจ็บปวดและหงุดหงิด ซึ่งหมอปลาใช้เวลาทำพิธีประมาณ 15 นาที ถึงเสร็จพิธีและให้ญาตินำน้ำมนต์ที่หมอปลาได้ทำขึ้นมาพรมบริเวณที่นอนของตาชา
จากนั้นหมอปลาได้สอบถามข้อมูลของผู้ที่ชื่อณรงค์ที่อ้างว่าเป็นวิญญาณมาแฝงร่างตาชาอยู่ จึงได้ให้คุณต้อยนำทางไปบ้านของณรงค์ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของตาชาประมาณ 10 กิโลเมตร
จากนั้นหมอปลาจึงได้ให้ญาติของณรงค์นำรูป และโกศอัฐิ และน้ำเปล่าหนึ่งแก้วธูปหนึ่งดอก มาให้เพื่อทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณ เมื่อญาตินำของที่หมอปลาแจ้งมาให้ทั้งหมดหมอปลาจึงเริ่มทำพิธีโดยยการธูปและบริกรรมคาถา และให้ญาติเรียกชื่อ ของณรงค์จนกว่าหมอปลาจะทำพิธีเสร็จ บ่อปลาใช้เวลาประมาณ 10 นาทีจึงเสร็จพิธี และได้ให้ญาตินำน้ำในแก้วไปกรวดอุทิศส่วนกุศลให้ณรงค์ บริเวณโคนต้นไม้ใหญ่ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ไปอยู่ภพภูมิที่ดี