ภายหลังจากที่พบ 5 คน ที่ตามหาแล้ว ขณะที่ แบงค์ ลมกรด ยังหาตัวไม่พบ ทีมข่าวช่อง8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดในช่วงก่อนที่ทั้ง 5 คน จะถูกแบงค์ ลมกรด นำไปทิ้งที่วัดช่องลม ปรากฏว่าในวงจรปิดที่ลาดพร้าว 130 ซึ่งน่าจะเป็นอีกหลักฐานชั้นดีว่า 5 ชีวิตไม่ได้โดนอุ้มตัวมา แต่ยังมีคำถามว่าแล้วทั้งหมดไปไหนกัน
ขณะที่วงจรปิดอีกมุม บันทึกภาพนาทีที่ทั้ง 5 คน เดินเข้ามาที่วัดช่องลม โดยทั้งหมดใช้ชีวิตปกติ
ทีมข่าวช่อง8 ได้พูดคุยกับนายพรหมแก้ว เล่าพฤติกรรมของแบงค์และน.ส.อุษา ซึ่งเป็นแม่ของชนนิกานต์ภรรยาของแบงค์ มายืมเงินก่อนหายตัว โดยเดือนมีนาคม 2566 ยืมเงินนายพรหมแก้ว 105,000 บาท และปลายเดือนมีนาคม 2566 ยืมเพิ่ม 20,000 บาท แต่นายพรหมไม่ให้ และในวันที่ 8 เมษายน 2566 แบงค์ทำทีโอนเงินคืน จำนวน 180,000 บาท แต่ไม่มียอดเข้าบัญชี
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวช่อง8 ตามไปเจอองุ่น (นามสมมติ) ที่จ.ลำพูน เป็นเจ้าของหอพัก โดยเผยพฤติกรรมของแบงค์ ชอบเที่ยวหรูอยู่สบาย ยืมเงินเพื่อนบ้านแต่ใช้คืน คุยโอ้อวดเก็บเงินกู้ มีลูกน้องเยอะ ชอบอ้างรู้จักคนมีสี และในช่วงที่แบงค์มาพักที่นี่ ก็มีพฤติกรรมแบบเดียวกันกับนายพรหม
ส่วนที่สภ.ปากเกร็ด นางอุษาพาตัวไปไว้ที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยปฏิเสธที่จะตอบคำถาม และจะนำตัวไปที่อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
ขณะที่นายนวพล คนขับรถ ยืนยันว่าบุคคลทั้ง5คน อยู่กันแบบครอบครัว ไม่มีการข่มขู่อะไรทั้งสิ้น โดยนัดหมายเจ้าหน้าที่ให้ไปเจอที่วัด เนื่องจากไม่พร้อมที่จะเจอสื่อมวลชน และยืนยันไม่ได้มีการโอนเงินให้ใครทั้งสิ้น ไม่กังวลมั่นใจในความบริสุทธิ์ใจ และไม่รู้จักกับแบงค์ โดยเพิ่งรู้จักเมื่อไม่นานมานี้ และเงิน 100,000 บาท ก็ยังไม่ได้คืน แต่น่าจะหมดหวังไม่ได้เงินคืนชีวิตพัง อีกทั้งเจ้าของรถยังจะแจ้งความจับด้วย อย่างไรก็ตามได้ฝากบอกแบงค์ คิดดีทำดีโดยการขยายผลจากนี้ นั่นคือนายนวพล ไปจอดส่งแบงค์ย่านมีนบุรีตรงจุดไหน
ทีมข่าวช่อง8 ไปพูดคุยกับนางสาวแอน (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี อดีตภรรยาของนายแบงค์ ที่ตกเป็นข่าว เล่าว่า ทราบว่าอดีตสามีตกเป็นข่าวคิดว่าทั้ง 5 ชีวิต ตกเป็นเหยื่อของอดีตสามี เพราะก่อนหน้านี้ประมาณ 4 ปี ตนเองอยู่กินกับนายแบงค์จนตั้งท้อง และเลิกรากันไปก่อนที่ตนเองจะคลอดลูก ส่วนอดีตสามี ก่อนที่จะมาคบกับตนเองทราบมาว่ามีภรรยาแล้วและมีลูกสาวด้วยคน 2 คน จนมาทราบว่านายแบงค์ชอบหลอกเหยื่อ โดยการแสดงเงินจำนวนในบัญชีหลายบัญชี แต่ละบัญชีจะมีเงินไม่ต่ำกว่า 1,000,000-50,000,000 บาท แล้วจะพาเหยื่อไปปรับยอดให้ดูว่ามีเงินในบัญชีจริง แต่ไม่สามารถเบิกได้ ทำให้เหยื่อตายใจ แต่กดเงินไม่ได้ ตอนที่อยู่ด้วยก็จะตระเวนไปธนาคารทุกธนาคารในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เอาเช็คไปเข้าไปปรับสมุด แต่ไม่มีเงินจริงๆ ตอนที่อยู่ด้วยกันก็เอะใจ แต่ไม่ถามจนเบื่อที่ต้องไปด้วยที่ธนาคารทุกวัน คิดว่าทำมีเงินแต่เอาออกมาได้สักที
ส่วนนายแบงค์ที่ไปเดี่ยวข้องกับ 5 คนนั้น คิดว่าน่าจะเป็นแฟนใหม่ แล้วหลอกลวงเหยื่อเหมือนกับทุกรายที่ผ่านมา ที่หายตัวไปคิดว่ายังอยู่ด้วยกัน และจะทำเหมือนกับทำกับตนเอง พาไปที่ธนาคารเพื่อปรับยอดและไปคุยเรื่องกองทุน แต่ไม่มีเงิน
การติดตามตัว 5 คนที่สูญหาย โดย 1 ในนั้นคือนางอุษา ที่ตัดขาดจากสามี ล่าสุดทีมข่าวช่อง8 พูดคุยกับ นายสุพจน์ สามีของนางอุษา พร้อมทั้งให้ดูคลิปวิดีโอว่าทั้งหมดยังไม่เสียชีวิต โดยนายสุพจน์ เปิดใจทั้งน้ำตา ยืนยันคลิปกล้องวงจรปิดที่ปั๊มจังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 คือ ศิระประภา หรือ ฟ้าใส ลูกสาว ส่วนเด็กผู้หญิงอีกรายที่ยืนอยู่หน้ากระจก คือ ญาสุมินร์ หรือ รุ้ง เพื่อนสนิทของชนนิกานต์
นายสุพจน์ ยังบอกกับทีมข่าวอีกว่า ส่วนตัวเชื่อว่าทุกคนยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่เชื่อเรื่องที่ อุษา โทรศัพท์ไปขอให้พี่สาวถอนแจ้งความ จริงๆแล้ว ตนรู้อยู่แล้ว ว่า ภรรยาของตนวางแผนเอาไว้ว่าจะไปกับนายแบงค์ โดยถือเงิน 1 แสนบาท ที่ไปยืมตาแก้วมา เพื่อเดินทาง ซึ่งตนคิดว่าถ้าเงินหมด ทุกคนคงกลับบ้าน แต่เรื่องไม่เป็นแบบนั้น ซึ่งภรรยากลับพาลูก-หลาน หนีเที่ยวไปเรื่อย ไม่สามารถติดต่อได้ ขนาดนักข่าวนำเสนอข่าวแฉพฤิกรรมและประวัติที่ไม่ดีของนายแบงค์ ยังไม่ยอมแยกตัวออกมา
ส่วนเรื่องให้ถอนแจ้งความ ในส่วนตัวที่รู้ความจริงมาตลอด มองว่า ไม่ควรไปแจ้งความให้อายชาวบ้านเขาด้วยซ้ำ ตอนนี้ตนสนใจแค่น้องฟ้าใสลูกสาว ขอแค่อุษา ส่งลูกกลับมาที่บ้านก็พอ
ขณะเดียวกันวันนี้ ทีมข่าวได้มีโอกาสวิดีโอคอลไปพูดคุยกับ นางสาวปริวรดา อายุ 22 ปี เป็นเพื่อนของน้องรุ้ง ซึ่งรุ้งเป็นเพื่อนสนิทของชนนิการต์ บอกว่าเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา น้องรุ้งได้ติดต่อหาเพื่อนเพื่อขอยืมเงิน 200 บาท เพื่อเติมน้ำมัน และยังแชตมายืมเงิน 30 บาท เพื่อใส่ในบัญชี แต่ไม่มีเพื่อนคนไหนตอบกลับ เนื่องจากติดเรียนกันอยู่ แล้วหลังจากนั้นรุ้งก็ตอบกลับมาเองว่า ได้เงินแล้วนะ ไม่เป็นไร จากนั้นก็หายไปโดยไม่มีใครติดต่อได้ ซึ่งที่ผ่านมา ยืนยันว่าเพื่อนทุกคนช่วยกันพยายามติดต่อกับรุ้ง แต่รุ้งไปออนเฟซบุ๊ก ไม่อ่านไลน์ใคร ทำให้เพื่อนทุกคนมองว่าทุกอย่างมันดูแปลกไปหมด ถ้าไปเที่ยวด้วยความยินยอม แล้วเหตุผลใดทุกคนต้องปิดเป็นความลับ อย่างรุ้งที่ติดต่อมาได้ แต่ไม่ได้ขอความช่วยเหลือ นอกจากจะยืมเงินกับเพื่อนเท่านั้น
น.ส.ปริวรดา ยืนยันก่อนที่รุ้งจะหายไปพร้อมกับครอบครัวของนางอุษา รุ้งไม่เคยมาบอกเพื่อนๆว่าจะไปไหนทำอะไร ซึ่งวันนี้หลังทราบข่าวดีว่าตำรวจได้เจอรุ้งแล้ว ส่วนตัวรู้สึกดีใจมาก และอยากให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนของรุ้ง ว่าวันข้างหน้าไม่ควรที่จะไว้ใจใคร ซึ่งต้องเอะใจตั้งแต่แรกแล้วว่าทำไมคนที่พาไปถึงไม่ให้ใช้โทรศัพท์