ตำรวจเจอตัวแล้ว 5 คนที่เป็นเครือญาติหายตัวปริศนานาน 2 เดือน หลังไล่กล้องวงจรปิดทราบว่าไปอยู่แถวย่านลาดพร้าว ก่อนให้รถมาส่งที่วัดแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนนทบุรี

ซึ่งวันนี้หลังจากที่เจอทั้ง 5 คนแล้ว ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางกลับไปแจ้งข่าวดีให้กับ นางสุจิต (แม่ของอุษา) อายุ 76 ปี รับรู้ว่าทุกคนปลอดภัย โดยเมื่อไปถึงทีมข่าว ก็ได้เปิดภาพในขณะที่ทั้ง 5 คนคุยอยู่กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ดู ปรากฏว่าคุณยายสุจิต จำทุกคนได้แม่น โดยไล่เรียงชี้ภาพบอกชื่อทุกคนถูกหมด

โดยเมื่อคุณยายรู้ ก็ได้มีการยกมือไหว้ท่วมหัว และยังฝากขอบคุณตำรวจทุกคนที่ไปเจอลูกและหลานอย่างปลอดภัย ยายสุจิตยืนยันว่าบุคคลที่ได้เห็นจากภาพ เป็นลูกหลานของตนจริง แต่ไม่มีใครติดต่อมาหายายเลย หลานทั้งหมดอยู่ในวัยเรียนหนังสือ แต่หลังจากหายไป 69 วันก็ขาดเรียน ส่วนความคืบหน้าที่ตนไปแจ้งความคนหายไว้ ยายได้มีการติดตามกับเจ้าหน้าที่ตลอด ตำรวจก็รับเรื่องไว้ แต่ไม่มีความคืบหน้าอะไร และยังบอกต่อว่าไม่ต้องกังวลเพราะเด็กไปกับครอบครัว หลังจากลูกหลานหายไปจากบ้าน ตนร้องไห้ทุกวัน คิดถึงลูกคิดถึงหลานและเป็นห่วงว่าจะใช้ชีวิตกันอย่างไร ยืนยันอุษาไม่มีปัญหาและไม่มีคดีติดตัวอะไร

ขณะที่ร.ต.ต.สันติ ผู้เป็นเจ้าของรถเชฟโรเลตสีดำ  เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า  ตนเกษียณราชการมาหลายปีแล้ว  โดยอดีตเป็นผบ.หมู่ปราบปราบสภ. ศรีบุญเรือง  หลังเกษียณราชการได้โอนให้ภรรยาของตนเป็นฝ่ายจัดการและดูแลทรัพย์สิน   ต่อมาภรรยาก็ได้ให้นายพล เพื่อนของนางสาวมุกที่เป็นเพื่อนบ้าน  มาเช่ารถเชฟโรเลตสีดำ   เพราะที่บ้านก็ไม่มีใครใช้รถคันนี้แล้วจอดไว้เฉยๆในบ้านพัก ตอนแรกนายพลก็ส่งค่ารถปกติ  แต่ระยะหลังมาขอซื้อรถ  ตนก็เอะใจอยู่เพราะจากประสบการณ์ที่ตนเป็นตำรวจเหตุการณ์นี้เหมือนผิดปกติ  ตนจึงสอบถามนายพบตรงๆว่าสภาพรถของตนเป็นเช่นไรบ้าง  แต่นายพลก็บอกว่าเปลี่ยนล้อรถไปแล้วสองครั้ง  ซึ่งทำให้ตนแปลกใจมากเพราะที่ผ่านมาตอนดูแลรถอย่างดีถึงแม้จะเป็นรถเก่าแต่ก็สภาพดี  จึงเริ่มหวั่นว่านำรถของตนไปใช้ทำอะไรหรือใช้ผิดกฎหมายหรือไม่  ซึ่งเดือนที่แล้วนายพลก็ไม่ได้จ่ายค่าเช่ารถตนตามที่ตกลงไว้  และตนก็ไม่ทราบว่ารถของตนอยู่ที่จังหวัดใด

 

จนกระทั่งเป็นข่าวว่านำรถของตนไปก่อเหตุ  ตนขอยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุครั้งนี้  และไม่รู้มาก่อนว่านายพลจะเอาไปใช้ก่อเหตุดังกล่าว  สุดท้ายขอให้เจ้าตัวเอารถมาคืนตน  ยืนยันว่าจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีเพราะรถตนหายไป

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้คุยดกับนางจิ๊บ (นามสมมติ ) อายุ 60 ปี  อยากร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากช่อง 8 และอยากชี้แจงถึงประเด็นที่เกิดขึ้น  โดยนางจิ๊บเป็นภรรยาของ ร.ต.ต.สันติ เจ้าของรถเชฟโรเลตสีดำ  ซึ่งตนเองเป็นคนร่างสัญญาเพื่อให้นายพล อายุ 58 ปี  ทำสัญญาเช่ารถในวันที่ 22 พฤษภาคม 2565  ตกลงให้เช่าในราคา 5,000 บาทต่อเดือน 

 

ซึ่งนายพลทราบจากนางมุก เพื่อนบ้านของของตน  ว่าตนจะปล่อยให้เช่ารถ Chevrolet สีดำ  ทางด้านนางมุกจึงติดต่อตนเครื่องขอให้นายพลเช่ารถ หลังทำสัญญาเช่ารถ Chevrolet  นายพลจ่ายค่าเช่ารถตรงทุกเดือน ต่อมาก็อ้างว่า มีนายพลทหารท่านหนึ่ง ขอติดต่อซื้อรถ Chevrolet สีดำของตนเป็นเงินสดจำนวน 140,000 บาท  ตนก็ตอบตกลง แต่ต่อมา ขอต่อรองลดลงเงินอีกเหลือ 120,000 บาท  ตนก็ให้ก็ตอบตกลงไป ปรากฏว่าอีกฝ่ายไม่จ่ายเงินตนตามที่นัด  ทำให้ตนจะต้องทวงเงิน ตอนนั้นกลัวมากว่าอีกฝ่ายจะโกงไม่จ่ายเงินแล้วขโมยรถตนไป

 

กระทั่งช่อง 8 ออกข่าวรถของสามีตนเมื่อคืนนี้  ตอนจึงย้อนเปิดแชทเก่าดูและต้องตกใจเมื่อพบว่า ก่อนหน้านี้ช่วงวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 นายพลเคยส่งรูปลูกค้าคือนายลมกรดที่อ้างว่าเป็นลูกน้องของนายพลทหารท่านหนึ่ง  ซึ่งติดต่อซื้อรถของตนเป็นเงินสด  ก็คือคนร้ายที่อุ้มเด็กและญาติรวม 5 คนไป จึงขอเปิดเผยแชทที่ได้พูดคุยกับนายพล  รวมถึงรูปที่มีคนนั่งในรถ Chevrolet ของตน  ที่นายพลถ่ายให้ตนดู

 

นายพลบอกว่า “ ลูกค้ารอธนาคารเปิด หลับอยู่ในรถทั้งคืน เพราะไม่มีเงินเปิดห้องพัก ต้องนอนหลับกันอยู่ในรถ” ซึ่งในรูปถ่ายมีนายพลนั่งเบาะคนขับด้านหน้า และเบาะหลังมีนายลมกรดและนางอุษานั่งอยู่ และแชทล่าสุดวันนี้  นายพลทักแชทหานางจิ๊บว่า “ กำลังรอเจอนักข่าวช่อง 8 แล้วจะไปสน.ปากเกร็ดพร้อมนักข่าว   5 คนเต็มใจมาไม่ได้ถูกกักขังอะไร  ส่วนคนชื่อแบงค์ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ” ส่วนเหตุผลที่ตอนเปิดเผยแชทและร้องเรียนกับข่าวช่อง8 วันนี้  เพราะอยากได้รับความเป็นธรรม  ซึ่งสามีตนไม่ได้ร่วมก่อเหตุ  และตนกับสามีอยากได้รถ Chevrolet สีดำคืน

 

วันนี้ (30 มิ.ย.) ทีมข่าวช่องแปดลงพื้นที่ย้อนกลับไปยังซอยลาดพร้าว 130 แยก2 ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีโรงแรมที่พักและอพาร์ตเม้นท์ ซึ่งเป็นเบาะแสสุดท้ายตามที่ภาพกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ โดยจะเห็นกลุ่มบรรดาเด็กที่หายไปทั้ง5คน รวมถึงตัวนายแบงค์หรือลมกรด ซึ่งปรากฏอยู่เป็นเบาะแสสุดท้ายบริเวณซอยลาดพร้าวดังกล่าวก่อนที่จะขึ้นรถเซฟโลเลตสีดำหายไป

 

ซึ่งทีมข่าวลงพื้นที่มาวันนี้เจอกับนางแดงฉาย (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ ในฐานะกลุ่มพลเมืองที่มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบภายหลังปรากฏเป็นข่าวและเห็นใบหน้าของเด็กและนายแบงค์หรือลมกรด เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ช่วงเวลาประมาณ 11:50 น. ก่อนที่กลุ่มเด็กจะขึ้นรถเชฟโรเลตสีดำ ออกไปพร้อมกับนายแบงค์ ได้มีการมานั่งรวมตัวกันอยู่บริเวณด้านหน้าของโรงแรม บางส่วนแยกย้ายไปซื้อของกินก่อนที่จะขึ้นรถ ซึ่งตนเองได้มีการถ่ายติดผู้หญิงปริศนาใส่เสื้อสีแดง ซึ่งทราบจาก นางสาวชนิกานต์หรือน้องบีม คนที่ตัวของนายแบงค์ตามจีบ โดยทราบว่าผู้หญิงเสื้อแดงเป็นลูกพี่ลูกน้องของนายแบงค์และเป็นคนที่ใช้ชื่อเปิดโรงแรมให้พักอาศัย , และอีกภาพซึ่งเป็นภาพนิ่งที่ถ่ายติดนายแบงค์หรือลมกรด ซึ่งนั่งใส่ที่คาดผมสีขาวอยู่ด้านหลังป้ายทางเข้าโรงแรม โดยภาพดังกล่าวตนเองถ่ายเอาไว้เพื่อที่จะเป็นเบาะแส ให้กับทางนักข่าวและตำรวจ ก่อนที่จะพากันขึ้นรถหายไปจากซอยลาดพร้าว 130 นั่นก็เป็นภาพสุดท้าย ที่บันทึกได้

 

โดยพฤติกรรมของเด็กๆ หลังจากที่พากันเดินข้ามฝั่งถนนจากโรงแรมมาซื้อของกินเสร็จ ก็พากันไปนั่งรออยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าโรงแรม ก่อนที่จะเห็นรถเชฟโรเลตสีดำมาจอดและรับทุกคนขึ้นรถ ซึ่งคนขับไม่ใช่นายแบงค์หรือนายลมกรด แต่เป็นคนอื่นซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นใคร มาจอดแวะรับทั้งหมดขึ้นรถก่อนหายตัวไปจากซอยแห่งนี้ และถ้าดูจากพฤติกรรมของเด็กทั้งหมดก็ดูเหมือนใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้มีพฤติกรรมมาขอความช่วยเหลือ หรือจะมีลักษณะเหมือนถูกบังคับให้ขึ้นรถ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน

 

และกลุ่มเด็กรวมถึงนายแบงค์  ได้มีผู้หญิงที่บันทึกภาพเอาไว้ได้ใส่เสื้อสีแดง เข้าใจว่าเป็นลูกพี่ลูกน้อง ของนายแบงค์เอง เป็นคนมาเปิดโรงแรมให้เพราะไม่อยากให้มีการเช็คประวัติหรือตรวจสอบชื่อของนายแบงค์หรือใครในกลุ่มเด็กๆได้ โดยมีการเปิดห้องพักซึ่งอยู่ชั้น2 จะเห็นว่าบางครั้งเด็กก็จะเปลี่ยนหน้ากันออกมายืนเล่นที่ระเบียง และบางครั้งก็จะเห็นตัวของนางสาวอุษาและนายแบงค์ ออกมายืนอยู่ที่ระเบียงบ้างบางครั้งบางวัน จึงทำให้ชาวบ้านแน่ใจว่าเป็นกลุ่มคนที่หายไปตามที่มีการประกาศหา จึงตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ แต่เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่มาช้า ทำให้กลุ่มของนายแบงค์เคลื่อนไหวออกจากซอยลาดพร้าวไปก่อน

ลากไส้ "แบงค์ ลมกรด" ทำ 5 คนสาบสูญ หนี ตร.ได้ 2 เดือน อวดซี้นายพลจนแม่ยายเคลิ้ม