จากกรณี เมื่อเวลา 01.30 น.ของวันที่ 1 ก.ค.66 ร.ต.อ.ฐานิต ที่ภักดี รองสารวัตรสอบสวน สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกอาวุธปืนยิง ภายในซอยมั่นแก้ว ม.4 ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยในที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บ เป็นชายทราบชื่อ นายชวลิต อายุ 38 ปี ถูกอาวุธปืนยิงเข้าบริเวณท้อง จำนวน 1 นัด และ อัณฑะ 1 นัด รวม 2 นัด อาการสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ก่อนเข้าควบคุมตัว พันจ่าเอกทนงศักดิ์ อายุ 48 ปี ทหารเรือ สังกัดหน่วยงานหนึ่ง ยืนรอมอบตัว ในที่เกิดเหตุพร้อมอาวุธปืน
โดยเหตุเกิดขึ้นหลังจากนายชวลิต บุกยิงใส่รถและกระชากประตูทำร้าย นางสาวชณัศฎา อายุ 38 ปี จนทหารเรือรายนี้เข้ามาช่วยเหลือ และถูกยิงใส่ ก่อนทหารเรือจะยิงสวนจนทำให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว
จากการสอบถามพันจ่าเอกทนงศักดิ์ ให้การว่า ตนเองเห็นน้องผู้หญิงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ไม่ปลอดภัย ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองเห็นผู้บาดเจ็บมาต่อว่าและด่าทอฝ่ายหญิงถึงหน้าบ้าน วันนี้น้องผู้หญิงได้โทรศัพท์มาบอกตนเอง เพื่อให้ช่วยมาดูที่บ้านหน่อย เพราะกลัวจะมีคนมาดักรอทำร้าย ตนเองจึงออกไปดูและเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว จึงเข้าไปดึงตัวฝ่ายชายออกมา
ก่อนที่จะถูกฝ่ายชายหันกลับมายิงใส่ 2-3 นัด จากนั้นตนเองจึงชักปืนยิงสวนกลับไป ที่บริเวณช่วงล่างลำตัวของฝ่ายชาย เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น
ขณะที่ น.ส.ชณัศฎา อายุ 38 ปี ให้การว่า ขณะที่ตนเองกำลังขับรถกระบะเข้าบ้าน นายชวลิต (ผู้บาดเจ็บ) ซึ่งเป็นอดีตแฟนเก่าและเคยออกตามหาตนนานนับเดือนเพื่อจะง้อขอคืนดี และตามราวีไม่เลิก ซึ่งตนเองเคยแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว
วันนี้นายชวลิตพร้อมเพื่อน 1 คน ได้ขับรถมาจอดดักรอตนเองบริเวณทางเข้าบ้าน ตนเองเห็นจึงขับรถหนี แต่นายชวลิตได้ขับรถมาจอดปิดหน้ารถตนเองไว้ไม่ให้ขับหนีไปไหน จากนั้นเขาก็เดินลงมาจากรถ ส่วนเพื่อนของเขารออยู่บนรถ และวิ่งตรงมาหาก่อนจะยิงใส่รถตนเองจนกระจกแตก แล้วเปิดประตูรถลากตนเองลงไปซ้อม
ต่อมาพันจ่าเอกทนงศักดิ์ได้วิ่งมาช่วยเหลือ โดยดึงตัวนายชวลิตออกมาจากตนเอง จนถูกนายชวลิตยิงใส่ 2 นัด แต่โชคดีพันจ่าเอกทนงศักดิ์หลบทัน และชักปืนยิงป้องกันตัว กระสุนเข้าที่บริเวณช่วงล่างนายชวลิต 2 นัด จนล้มลงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนเพื่อนนายชวลิตที่อยู่บนรถ หลังเห็นเหตุการณ์ก็รีบขับรถหลบหนีไป
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ค้นในเฟซบุ๊กของนายชวลิต ผู้ตาย พบว่า เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 66 ก่อนที่นายชวลิต จะถูกเสียชีวิต ก่อนหน้านี้ เจ้าตัวเคยโพสต์คลิปเสียงสนทนาของชายปริศนาคนหนึ่ง ซึ่งอ้างตัวว่า เป็นทหาร ขู่ให้เลิกยุ่งกับ น.ส.ชณัศฎา โดยอ้างว่า “เป็นลูกพี่ลูกน้องของ น.ส.ชณัศฎา และบอกว่า “กูเป็นทหาร” ถ้ามึงไม่เลิกยุ่งกับน้องกู มึงเตรียมตัวไว้เลย กูไม่ได้ขู่ กูจะเอามึง มึงจะลองใช่ไหม”
โดยในคลิปนายชวลิตผู้ตาย พยายามจะถาม ชายปริศนาในสายว่า เป็นใคร ให้เปิดหน้าสู้มาเลย แต่ชายปริศนาไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร และบอกว่า กูรู้บ้านมึงอยู่พื้นที่ หากยังไม่เลิกยุ่ง มึงซวย
นอกจากนี้ในคลิปเสียงดังกล่าว นายชวลิตผู้ตาย ยังได้เขียนข้อความ ส่งถึง ผบ.ทร. อีกด้วย โดยบอกว่า ตัวเองถูกข่มขู่และกลัวที่จะถูกอุ้มฆ่า เนื่องจากไปยุ่งกับน้องสาวของชายปริศนาคนหนึ่ง ซึ่งโทรศัพท์มาข่มขู่ และแอบอ้างว่าเป็น ข้าราชการทหาร และฝากถึง ผบ.ทร. และทุกคนว่า หากตัวเองหายไป หรือ เสียชีวิต ให้รู้ไว้”
นอกจากนี้ใต้โพสต์ของคลิปเสียงของผู้ตาย นายชวลิตยังได้นำเบอร์โทรศัพท์ชายปริศนาที่โทรมา ค้นหาในไลน์ และปรากฏรูปภาพชายคนหนึ่ง ใส่แว่นตาดำ และสวมเสื้อผ้าที่มีชื่อเขียนว่า “Navy seal” อีกด้วย
ส่วนบรรยากาศที่ สภ.สัตหีบ ทีมข่าวเดินทางขึ้นไปบนชั้น 2 หน้าห้องสอบสวน พบว่า พันจ่าเอกทนงศักดิ์ ได้ถูกตำรวจปล่อยตัวออกมา โดยยังไม่มีแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจาก เป็นทหารเรือ ตำรวจต้องทำเรื่องถึงผู้บังคับบัญชาก่อน แต่ระหว่างการสอบปากคำ ทีมข่าวช่อง 8 สังเกตถึงความผิดปกติ เนื่องจาก พบว่า มีชายหัวเกรียนจำนวนมาก เฝ้าอยู่รอบโรงพัก โดยภายในห้องสอบสวน มีชายหัวเกรียน 2 คน ได้นั่งเฝ้าหน้าประตูห้องสอบสวนของตำรวจ
เมื่อทีมข่าวได้ถ่ายโทรศัพท์บันทึกภาพบรรยากาศในหัองสอบสวน จู่ๆ ชายหัวเกรียนรายหนึ่งที่เฝ้าในห้องสอบสวน ได้เดินมากันทีมข่าวไม่ให้เข้าห้อง พร้อมกับ ถ่ายรูปหน้าของทีมข่าวช่อง 8 เอาไว้ พร้อมกับแจ้งตำรวจนายหนึ่ง และทั้งสองได้นำกระดาษมาปิดกระจกหน้าห้องสอบสวนทันที โดยมีตำรวจถือสก็อตเทปให้ชายหัวเกรียนแปะกระดาษปิดกระจกไว้จนทึบ ทำให้ทีมข่าวไม่สามารถบันทึกภาพอะไรได้อีก
จากนั้นไม่นาน พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้เดินออกจากห้องสอบสวน ก่อนที่จะปล่อยตัวทั้งหมด คือ พันจ่าเอกทนงศักดิ์ ภรรยาของพันจ่าเอกทนงศักดิ์ และ น.ส.ชณัศฎา อดีตแฟนสาวของนายชวลิตออกจากโรงพักไป โดยบุคคลแรกที่ออกจากห้องสอบสวน คือ น.ส.ชณัศฎา ซึ่งมีชายหัวเกรียนคนเดิม เป็นคนพาขึ้นรถ คล้ายกับเป็นบอดี้การ์ดให้
ทีมข่าวพยายามสอบถาม น.ส.ชณัศฎา ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆกับทีมข่าว ทีมข่าวพยายามถามถึงคลิปเสียงชายปริศนาที่โทรมาข่มขู่อดีตแฟนหนุ่ม เธอได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร โดยมีชายหัวเกรียนกันไว้ตลอดเวลา
ซึ่งระหว่างที่ น.ส.ชณัศฎา ในอีกทางหนึ่ง พันจ่าเอกทนงศักดิ์ ได้แอบเดินลงอีกทาง เพื่อหนีนักข่าว โดยเจ้าตัวรีบเดินกึ่งวิ่ง รีบขึ้นรถกระบะสีดำออกไปทันที
แต่สิ่งที่ทีมข่าวแปลกใจ ทันทีที่ทีมข่าวช่อง 8 เห็น พันจ่าเอกทนงศักดิ์ วิ่งหนีขึ้นรถ ได้มีชายหัวเกรียนปริศนา ได้เดินปรี่เช้ามากันทีมข่าวไม่ให้เข้าใกล้ พันจ่าเอกทนงศักดิ์ได้ และมีชายหัวเกรียนอีก 2-3 คน ซึ่งยืนกระจายกำลังอยู่ทั่วหน้าโรงพัก อีกคนโบกรถให้ จากนั้นต่างคนก็ต่างทยอยขึ้นรถกันออกไป บางคนเดินออกจากโรงพักไปทันที ซึ่งไม่รู้ว่า ชายปริศนาพวกนั้นคือใคร ทำไมต้องมากันทีมข่าว
ยิ่งไปกว่านั้น ชายปริศนาบางคนที่เดินออกจากโรงพัก ทีมข่าวสังเกตว่า ชายคนนี้จับอะไรบางอย่างบริเวณเอวด้านขวาตลอดเวลา ซึ่งก็ไม่รู้ว่า เป็นกลุ่มทหารเรือ หรือ ตำรวจ ที่คอยมาเป็นบอดี้การ์ดให้กับพันจ่าเอกทนงศักดิ์
นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง8 ได้สอบถามข้อมูลกับ นายต้น (นามสมมุติ) เพื่อนสนิทของผู้ตาย ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อคืนนี้ นายชวลิต ซึ่งเป็นรุ่นพี่คนสนิทได้โทรศัพท์มาหา และบ่นอยากกินโค้ก ตนเองจึงขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปหาที่บ้านพักช่วงประมาณ 4-5 ทุ่ม เมื่อไปถึง ก็พบว่า นายชวลิต มีสีหน้าที่เศร้าหมอง แต่ก็ไม่ได้ตัดพ้ออะไรให้ตนเองฟัง จากนั้นตนเองจึงเดินทางกลับมาทราบข่าวตอนเช้าว่า นายชวลิตถูกยิงและเสียชีวิตแล้วตนเองตกใจมาก
เพราะที่ผ่านมา นายชวลิตจะเป็นคนร่าเริง และไม่ค่อยเล่าเรื่องปัญหาชีวิตให้ใครฟัง ส่วนใหญ่จะโพสต์ระบายผ่านเฟซบุ๊กเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวก็เคยโพสต์ถึงอดีตแฟนสาว ซึ่งได้มีปัญหากัน จากนั้นชายปริศนาได้มีชายปริศนาอ้างว่าเป็นทหาร ได้โทรศัพท์ข่มขู่ โดยนายชวลิตได้อัดคลิปเสียงไว้เป็นหลักฐาน ซึ่ง ตนเองเชื่อมากว่าบุคคลที่ยิงพี่ชายของตนเอง คือ คนเดียวกับคนที่โทรศัพท์ไปข่มขู่ เพราะพี่ชายที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหากับใคร และมีศัตรูเพียงคนเดียวที่ขู่ฆ่าเอาชีวิต
นอกจากนี้เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาตนเองได้รับการติดต่อกับเพื่อนอีกคนนึงที่ไปด้วยกับนายชวลิต โดยเพื่อนคนนี้ชื่อนายดำ (นามสมมุติ) ได้เล่าเรื่องราวเมื่อคืนให้ตัวเองฟังว่า ช่วงที่เกิดเหตุนายชวลิตได้ยิงปืนขึ้นฟ้าขณะมีปากเสียงกับฝ่ายหญิงเท่านั้น
แต่ระหว่างนั้นมีพันจ่าเอกคนดังกล่าวพร้อมพวกอีกจำนวนหนึ่ง เดินทางตามมาทีหลัง และใช้ปืนยิงปืนใส่นายชวลิตทันที ด้วยความตกใจ นายดำซึ่งอยู่บนรถกระบะได้ขับรถหลบหนี และขณะนี้กำลังขอติดต่อเข้ามอบตัวกับตำรวจ