จากกรณีวานนี้ (1 ก.ค.) ร.ต.อ.อภิชาติ ภาพันธ์ รอง สวป.ฯ/ร้อยเวรป้องกันปราบปราม(วาริน20) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนที่ 3 สภ.วารินชำราบ รับแจ้งเหตุประทุษร้ายต่อร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยคนร้ายใช้อาวุธมีดสปาต้าทำร้ายร่างกายคู่กรณี จึงรุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบนายลุย แสนทวีสุข อายุ 67 ปี รับบาดเจ็บถูกทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีด โดยพบคนก่อเกตุ คือ นายจ่อง ไชยสา อายุ 57 ปี ซึ่งได้หลบหนี จึงร่วมกันปิดล้อม ตรวจค้น
ต่อมา 23.30 น. สามารถจับกุมนายจ่องได้ พร้อมของกลาง 1.อาวุธมีด ความยาวประมาณ 10 นิ้ว , 2.เสื้อแขนสั้นสีเทา (สวมใส่ขณะก่อเหตุ) 3.กางเกงขายาวสีดำ (สวมใส่ขณะก่อเหตุ)
ทีมข่าวช่อง 8 ได้คลิปเหตุการณ์ที่มีชาวบ้านบันทึกไว้ได้ เป็นภาพเหตุการณ์หลังนายลุย เสียชีวิตแล้ว จากในคลิปจะเห็นกองเลือดอยู่ตรงประตูรั้วบ้านพักนายลุย และจะเห็นนายวีระสิทธิ์ อายุ 39 ปี ลูกชายของนายลุยที่ไม่ใส่เสื้อรีบวิ่งหนีบางอย่างเข้าไปในบ้านพักเพื่อนบ้านเพื่อหนีตาย
แล้วจะเห็นนายจ่อง คนก่อเหตุถือมีดสปาต้าพยายามไล่ฟัน พอนายจ่องเห็นว่าไล่ฟันไม่ทัน ก็ถือมีดสปาต้าเดินออกจากจุดเกิดเหตุ เดินผ่านบ้านเพื่อนบ้านคนอื่นเพื่อเป็นหลบหนีในป่ากล้วยห่างจากจุดเกิดเหตุ 200 เมตร โดยชาวบ้านที่ถ่ายคลิปไว้ได้พยายามจะหลบในบ้านพักเพื่อไม่ให้นายจ่องเห็นและตั้งสติเรียกเจ้าหน้าที่มาที่เกิดเหตุ
ขณะที่คลิปเหตุการณ์ที่สองเป็นเหตุการณ์ตอนที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมาจุดเกิดเหตุและเร่งนำร่างนายลุยส่งรักษาเร็วที่สุด เนื่องจากตอนนั้นนายลุยยังไม่เสียชีวิต ถูกแทงแผลลึก 2 แผลที่บริเวณลิ้นปี่และแขนด้านซ้าย ส่วนนายจ่องคนก่อเหตุหลบหนีเข้าป่าในหมู่บ้านไป กระทั่งการดึกที่ผ่านมา แพทย์จากโรงพยาบาลแจ้งครอบครัวว่านายลุยเสียชีวิตแล้ว
ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้สำรวจภาพมุมสูงพบว่า บ้านพักของนายจ่องคนก่อเหตุ มีรั้วติดกับบ้านพักของนายลุย คนเสียชีวิต ซึ่งหลังบ้านพักนายลุย เป็นบ้านพักของนางวันดี พี่สาวคนก่อเหตุ โดยยังทราบข้อมูลอีกว่าเดิมบ้านพักของในลุยเป็นมรดกของพี่ชายนายจ่อง ต่อมาพี่ชายนายจ่องขายที่ดินพร้อมบ้านให้นายลุย ทางตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นปมก่อเหตุ นายจ่องหวงที่ดินมรดกพ่อ จึงฆ่านายลุยเจ้าของที่คนใหม่
ในส่วนเส้นทางหลบหนี นายจ่องใช้เส้นทางหลังบ้านพักในลุยแล้วไปหลบในป่ากล้วยของชาวบ้านห่างจากที่เกิดเหตุ 200 เมตร / ซ่อนตัวอยู่ประมาณ 4 ชั่วโมงก็ตัดสินใจกลับเข้ามาบ้านพักของตน จนกระทั่งถูกตำรวจรวบตัวได้ในที่สุด
ต่อมาช่วงเย็นวันนี้ทางตำรวจสภ.วารินชำราบ คุมตัวนายจ่อง ไชยสา มือแทงมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เกิดเหตุ นาทีที่ตำรวจคุมตัวคนก่อเหตุลงจากรถ ทั้งชาวบ้านและญาติผู้เสียชีวิต มามุงดูที่จุดเกิดเหตุ จำนวนมากทำให้ตำรวจต้องกระจายกำลังคุมสถานการณ์เพราะหวั่นถูกรุมประชาทัณฑ์
โดยตำรวจคุมตัวนายจ่องมาจำลองเหตุการณ์ขณะแทงนายลุยเสียชีวิต นายจ่องสารภาพว่ามีปากเสียงกันหน้าบ้านพักนายลุย ตนไม่พอใจจึงใช้มีดแทง
ต่อมานายจ่องเดินเข้าบ้านพักตัวเองเพื่อจำลองเหตุการณ์ก่อนแทงนายลุย เนื่องจากตนไม่พอใจเรื่องส่วนตัว ขณะนั้นอยู่ในบ้านพักก็เลยลุกขึ้นไปหยิบขวดเบียร์ ก่อนเขวี้ยงใส่บ้านพักนายลุยจนถูกกระจกหน้าต่างชั้นสองบ้านนายลุยแตก ตอนนั้นนายลุยตะโกนด่าตนกลับ ตนเลยโมโหหยิบมีดออกจากบ้านพักตนแล้วไปแทง ซึ่งตอนที่จำลองเหตุการณ์ นายจงยิ้มแล้วหัวเราะ ไม่มีท่าทีสลดหรือสำนึกว่าแทงนายลุยเสียชีวิต
ระหว่างที่ตำรวจคุมตัวนายลุยออกจากบ้านพัก เพื่อไปชี้เส้นทางที่หลบหนี ก็เกิดเหตุชุลมุนเมื่อนางสาวรัตนา ทองถม น้องสาวนายลุยไม่พอใจที่ฆ่าพี่สาวตน บุกเข้าไปถีบนายจ่องเข้าอย่างจัง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งกันตัวนายจ่องออก ซึ่งญาติตอนนั้นก็ลุกฮือหวังจะเข้ามาทำร้ายเพิ่ม ตำรวจห้ามวุ่น สุดท้ายคุมสถานการณ์ได้
จากนั้นนายจ่องก็ไปชี้จุดเส้นทางที่หลบหนี ซึ่งเจ้าตัวหลบหนีกบดานในป่ากล้วยห่างบ้านที่เกิดเหตุ 200 เมตร โดยหลบอยู่ 4 ชั่วโมง ต่อมาหิวข้าวจึงเดินกลับบ้านพัก ช่วง 22.00 น. ของวันเกิดเหตุ สุดท้ายไม่รอดถูกตำรวจที่ล้อมจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก
ระหว่างที่ถูกคุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทีมข่าวได้สอบถามนายจ่อง ซึ่งได้พูดกับเราวกวน บอกว่าทำไปเพราะว่าไม่พอใจ ปมเหตุเรื่องผู้หญิง และเมื่อถามว่าอยากจะขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตไม่ ก็ตอบว่า”ไม่”
ต่อมาตำรวจคุมตัวนายจ่องกลับโรงพักเพื่อคุมตัวขังชั่วคราว โดยเจ้าตัวไม่มีท่าทีเครียดหลังเสร็จทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งขณะทำแผนก็มีญาติผู้เสียชีวิตหวังรุมประชาทัณฑ์ เมื่อมาถึงโรงพักทีมข่าวได้สอบถามนายจ่องอีกครั้งถึงสาเหตุที่ลงมือ ปรากฏว่านายจ่องก็กลับคำให้สัมภาษณ์ จากตอนที่ทำแผนบอกกับเราว่าเป็นปมก่อเหตุเรื่องผู้หญิง พอมาที่โรงพักก็บอกว่า ขัดแย้งกันเรื่องเงิน 200 บาท
ทีมข่าวยังได้มีโอกาสพูดคุยกับนายวีระสิทธิ์ อายุ 39 ปี ลูกชายของนายลุย ซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเปิดบาดแผล ร่องรอยจากการถูกนายจ่องฟันที่บริเวณต้นแขนด้านซ้าย แต่โชคดีที่หนีทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักเหมือนพ่อที่เสียชีวิต
จากนั้นพาทีมข่าวขึ้นไปดูความเสียหายที่เกิดขึ้นบนบ้านพักชั้นสอง โดยก่อนเกิดเหตุนายจ่องเขวี้ยงขวดใส่บ้านพักมาถูกกระจกชั้นสองบ้านพักตนแตกเสียหาย ซึ่งโชคดีที่ไม่มีใครนอนบนที่นอนชั้นสองจึงไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ / ทำให้พ่อของตนโมโห เพราะไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่ไหนจ่องก่อเหตุ แต่ก่อเหตุหลายครั้งแล้ว พ่อตนจึงด่ากลับด้วยถ้อยคำรุนแรง ทั้งสองตอบโต้กันสักพัก ก่อนที่นายจ่องจะมาก่อเหตุหน้าบ้านพักตน
ต่อมาตนเป็นคนไปรับหน้านายจ่อง ตอนนั้นนายจ่องถือมีดมาด้วย จึงพยายามไล่ฟันตน ตนจึงหนีออกมาหวุดหวิด ซึ่งจังหวะนั้นพ่อของตนที่ยืนดูเหตุการณ์และด่านายจ่องหน้าบ้านพัก ก็คงไม่คาดคิดว่านายจ่องจะเข้าไปฟัน จึงหนีไม่ทันถูกฟัน ตนจึงพยายามเข้าห้ามและต่อสู้แต่สู้แรงไม่ไหวเพราะอีกฝ่ายถืออาวุธมีดก็หนีตายไปหลบในบ้านพักของเพื่อนบ้าน
ตนยืนยันว่าสภาพจิตใจของนายจ่องเป็นคนปกติไม่ได้เป็นผู้ป่วยทางจิตเวช อยากให้ถูกลงโทษประหารชีวิต
ด้านนายสมชัย (นามสมมติ) พี่เขยผู้ต้องหา บอกว่า ตนไม่เข้าข้างน้องชายภรรยา ส่วนตัวอยากให้ติดคุกไปนานๆไม่ต้องออกมา เพราะน้องชายเคยทำร้ายพี่สาวแท้ๆ รวมทั้งตนเองที่เป็นพี่เขย จนทำให้ที่บ้านก็หวาดระแวง ต้องล็อกไว้ตลอด เพราะกลัวนายจ่องเข้ามา