เมื่อช่วงเช้าวานนี้ คุณครูโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งย่านบางเขน พานักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วัย 14 ปี มาร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอด เนื่องจากนักเรียนถูก รปภ. โรงเรียนล่อลวงไปล่วงละเมิดทางเพศที่การเคหะออเงิน โชคดีที่นักเรียนสามารถหนีออกมาได้ แต่คดีไม่มีความคืบหน้าและถูกบุคลากรในโรงเรียนต่อว่า หาว่านักเรียนสมยอมเอง โดยไม่สนใจสภาพจิตใจของเด็ก จนเกิดความไม่สบายใจ จึงมาร้องเรียนเผื่อหวังว่าจะช่วยทำให้คดีเกิดความคืบหน้า
โดยคุณครูเปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนช่วงประมาณ 17:00 นักเรียนคนนี้กำลังนั่งชาร์จแบตโทรศัพท์หลังเลิกเรียนระหว่างรอกลับบ้านที่ป้อมรปภ. ซึ่งบริเวณตรงนี้นั้น ตัวนักเรียนชอบมานั่งเป็นปกติอยู่แล้ว ปรากฏว่า รปภ. คนดังกล่าว ได้มาพูดชักชวนกับนักเรียนว่า เอา Power Bank ดีไหม ชาร์จเร็วกว่า เดี๋ยว รปภ. จะพานักเรียนไปเอาพาวเวอร์แบงค์ที่หอพักย่านการเคหะชุมชนออเงิน ด้วยความที่ตัวนักเรียนเองก็รู้จัก รปภ. มานาน และมีความไว้ใจในตัว รปภ. จึงตัดสินใจซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ตาม รปภ. ไป
เมื่อไปถึงที่หอพัก รปภ. ล็อกห้องแล้วหยิบ Power Bank ให้นักเรียน ก่อนจะพูดกับนักเรียนว่า ตนคิดถึงลูกสาว แล้วจากนั้นจับนักเรียนผู้เสียหายมาโอบกอด นั่งตัก แล้วใช้มือกระทำอนาจาร จนนักเรียนขัดขืนและร้องขอว่าอย่า พอได้แล้ว ตัว รปภ. เองก็บอกให้นักเรียนเงียบ ๆ อย่าเสียงดัง ก่อนที่นักเรียนจะพูดโน้มน้าวว่า หนูต้องรีบกลับ เพราะคุณตาที่บ้านเป็นห่วง มันเย็นมากแล้ว ทางรปภ. ก็พานักเรียนกลับไปส่งที่บ้าน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน นักเรียนก็เล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง ทางคุณแม่จึงเกิดความไม่สบายใจ จึงพานักเรียนไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สายไหม แล้วแจ้งมายังตนในฐานะเป็นครูที่ปรึกษา ทางคุณครูเองจึงได้ประสานขอความช่วยเหลือไปทางโรงเรียน ช่วยวิ่งเรื่องคดี และพาน้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 เดือนผลถึงจะออก
ส่วนทางโรงเรียนเอง เบื้องต้นได้มาพูดคุยกับทางนักเรียนเพื่อหาทางช่วยเหลือเยียวยาและแจ้งกับทางคุณครูว่า ตอนนี้ไม่ให้ รปภ. คนดังกล่าวทำงานที่โรงเรียนแล้ว แต่ไม่สามารถที่จะไปจับกุมหรือนำตัวมาส่งตำรวจ ได้ อ้างว่า รปภ. คนดังกล่าว ไม่ใช่ลูกจ้างของโรงเรียนโดยตรง แต่เป็น รปภ. จากบริษัท outsource ซึ่งตอนนี้ทางบริษัท outsource ก็เอา รปภ. คนนี้ออกจากโรงเรียนแล้ว
ทางคุณครูระบุอีกว่า นักเรียนหญิงคนนี้ ที่บ้านมีฐานะยากจนมาก พ่อแม่แทบไม่มีเวลาในการดูแลลูก เนื่องจากต้องทำงานรับจ้าง ตนจึงต้องมาช่วยดูแลนักเรียนเอง ส่วนตัวนักเรียนเอง ปกติแล้วก็รู้จักกับ รปภ. คนนี้ดี เพราะชอบมานั่งที่ป้อมยามบ่อยครั้ง บางที รปภ. เองก็ให้เงินนักเรียน เพราะนักเรียนยากจนและไม่ค่อยมีเงิน ซึ่งตัวนักเรียนเองก็ยังมีวุฒิภาวะที่ยังไม่โตพอที่จะแยกแยะว่า รปภ. คนนี้สมควรที่จะไว้วางใจหรือไม่ พอ รปภ. ชักชวน ก็เลยตามไป ส่วนตัว รปภ. คนดังกล่าว ทราบว่าทำงานที่โรงเรียนนี้มานานเกิน 3 ปีแล้ว และเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปของนักเรียนหลายคน บางทีก็ชอบให้เงินนักเรียนคนอื่น ๆ ด้วย แต่ไม่ทราบประวัติมาก่อนว่าเคยก่อเหตุในลักษณะนี้กับนักเรียนคนอื่นหรือไม่
อย่างไรก็ตามทางคุณครูระบุด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออีกว่า ไม่มีใครมาถามถึงสภาพจิตใจของนักเรียนคนนี้เลย หลังเกิดเหตุน้องนักเรียนคนนี้นอนไม่หลับ กินข้าวไม่ได้ และหวาดกลัวไม่กล้าที่จะมาเรียน อีกครั้งยังถูกบุคลากรในโรงเรียนตำหนิต่อว่า หาว่าสมยอมไปกับ รปภ. เอง โดยไม่มาสอบถามสภาพจิตใจของน้องว่ารู้สึกอย่างไร มีแต่เพียงตนในฐานะที่ปรึกษาที่คอยห่วงใยความรู้สึกและรับฟังน้อง อีกทั้งคุณครูเองยังมีความกังวลในเรื่องของทางคดี เพราะผ่านมาแล้วหลายวัน ทางตำรวจเองก็ยังไม่ทำหนังสือขอภาพวงจรปิดจากในโรงเรียนและยังไม่เชิญตัวน้องและครอบครัว มาสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพ จึงเกรงว่า คนร้ายจะไหวตัวแล้วหลบหนีไปหรืออาจจะกลับมาทำอันตรายกับน้องได้ เพราะ รปภ. ก็รู้แหล่งที่อยู่ของน้อง
ด้าน พันตำรวจเอก รังสรรค์ สอนสิงห์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลสายไหม เปิดเผยว่า หลังจากที่วันนี้พนักงานสอบสวนร่วมกับสหวิชาชีพสอบปากคำเด็กหญิงที่จะหายแล้วจะรวบรวมพยานหลักฐานเข้าขอศาลขออนุมัติออกหมายจับ นายสันติ รปภ. ที่ก่อเหตุในข้อหา กระทำอนาจาร และ พรากผู้เยาว์เด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี แต่หากพบว่ามีความผิดในเรื่องอื่นอีกก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ซึ่งขณะที่ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนติดตามตัวเพราะหลังเกิดเหตุ นายสันติ ได้หลบหนีไป แต่คาดว่าจะได้ตัวในไม่ช้านี้
ล่าสุดทีมข่าวได้พบกับญาติของนายสันติ โดยได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า นายสันติเคยมีภรรยาแต่ภรรยาเสียชีวิตไปแล้ว แต่ไม่มั่นใจว่าตอนนี้มีภรรยาใหม่แล้วหรือยัง ก็ขาดการติดต่อกันไป หลังเกิดเรื่องตนยืนยันว่านายสันติไม่ได้ติดต่อมาหาคนในครอบครัวเลย เหตุการณ์นี้ขอให้ไปจัดการกันเอง ส่วนตัวอยากให้นายสันติเข้ามอบตัว หากไม่ผิดก็ให้เข้าไปชี้แจง