เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 ก.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน กทม.
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมพร้อมผู้เสียหาย เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม เพื่อขอให้ติดตามจับกุมตัวนาย "เต้ จิรากร" มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากกรณีที่ผู้เสียหายถูกนายจิรากร เข้ามาตีสนิทอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส. นอกเครื่องแบบ และประกอบธุรกิจส่วนตัวปล่อยรถให้เช่า หลอกคบหาเป็นแฟน และให้ช่วยเช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ป้ายแดง คนละ 5-6 คัน โดยอ้างว่าทำธุรกิจปล่อยเช่ารถ แล้วเชิดรถหลบหนีไป จนทำให้ผู้เสียหายถูกฟ้องร้อง ถูกดำเนินคดีมีผู้เสียหายเป็นหญิงเบื้องต้น 17 คน มูลค่าความเสียหายเกือบ 50 ล้านบาท
3 ผู้เสียหายจาก 17 ราย ที่ถูกผู้ชายคนหนึ่งอ้างตัวเป็นตำรวจ ปส.และข้าราชการหลายแห่ง หลอกมาตีสนิทแล้วให้ไปออกรถยนต์ป้ายแดง ก่อนจะนำไปขายต่อ นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้สืบสวนดำเนินคดี หลังมีผู้เสียหายถูกหลอกในลักษณะเดียวกันเบื้องต้นแล้วกว่า 20 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท
น.ส.เวียร์ อายุ 32 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า รู้จักกับนายเต้ จิรากร ผ่านทางแอพพลิเคชั่นหาคู่ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตำรวจได้มาตีสนิทชักชวนให้ไปร่วมธุรกิจหลายอย่าง เช่น ร้านอาหาร และธุรกิจเช่ารถยนต์ โดยอ้างว่าตัวเองไม่สามารถออกรถยนต์ได้ เพราะติดเครดิตบูโร จึงมาให้ตนมาออกรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ให้ จากโชว์รูมต่างๆ อ้างว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการเช่ารถ ตนถูกนายเต้ จิรากรหลอกให้ไปออกรถยนต์ 6 คัน จากนั้นก็ตีตัวออกห่างไป ทำให้ต้องเป็นหนี้จากไฟแนนซ์กว่า 5 ล้านบาท
ด้าน น.ส.หนึ่ง อายุ 29 ปีเล่าว่าผู้ชายคนนี้เข้ามาจีบตั้งแต่ธันวาคมปี 2564 ตกลงเป็นแฟนกันตั้งแต่สองเดือน เขาอ้างว่าเป็นพนักงานฉุกเฉินทางการแพทย์ และยังทำธุรกจิส่วนตัวผักปลอดสารพิษ ทำธุรกิจเช่ารถ เปิดร้านอาหาร เปิดร้านเหล้า โดยเต้มาชวนทำธุรกิจเช่ารถ เห็นว่าโปรไฟล์ดีจึงเชื่อใจ หลังจากนั้นก็บอกให้ตนดาวน์รถ โดยเจ้าตัวออกรถให้ 4 คัน จยย.อีก 2 คัน ตอนนี้เดือดร้อนมาก ตอนที่รู้ว่าโดนหลอกบอกพี่สาวได้เพียงคนเดียว ก่อนนำเรื่องไปแจ้งความ สภ.เมืองขอนแก่น แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ ลงบันทึกประจำวัน โดยเจ้าหน้าที่แนะนำให้ไกล่เกลี่ย
โดยรถที่ซื้อเป็นชื่อตน แต่ตำรวจไม่ทำอะไรให้จนรถหายสืบไปสืบมาจึงได้รู้ว่าคนอื่นก็โดนหลอก จึงแท็กทีมกันมาหาทนายรณรงค์
ด้านน.ส.แอน ซึ่งไปดาวน์รถมาแล้วสุดท้ายรถหายไปเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งหมดเสียรถยนต์ไป 4 คัน บิ๊กไบค์อีก 3 คัน มูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 5 ล้านบาท
ด้านเอมอรก็เป็นอีก 1 ในผุ้เสียหายบอกว่าผู้ก่อเหตุดูไม่สำนึกผิดที่ออกมาหลอกคนอื่นซ้ำๆ และมักอ้างว่าเป็นการให้ด้วยการเสน่หา ส่วนตัวเชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการ เพราะความเสียหายรถรวมเกือบ 30 คันไม่น่าจะทำคนเดียวได้ ตนเองคนเดียวโดนหลอกรถยนต์ 4 คัน จยย. 1 คัน รวมกว่า 6 ล้าน 8 แสนบาท
ทีมข่าวและผู้เสียหายเดินทางไปยังบ้านของนายเต้ ได้พบกับคุณแม่ ซึ่งแม่ได้เปิดใจว่ามีผู้เสียหายมาตามแบบนี้หลายคนแล้ว ลูกชายเคยติดคุกมาแล้ว 2 ครั้งคดีฉ้อโกง ซ้ำร้ายพ่อแท้ๆ ยังโดนลูกชายหลอกให้กู้เงินแล้วไปปล่อยต่อ และยังเอารถของที่บ้านไปอีก ทำให้พ่อเครียดจนฆ่าตัวตายเมื่อปี 2558 สุดท้ายอยากให้ลูกมอบตัวรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำ ไม่ต้องมาบอกให้แม่ช่วยเหลือ เพราะแม่ก็ไม่มีเงินแล้ว
และทีมข่าวยังไม่พบกับผู้เสียหายอีก 1 คน รายนี้เป็นผู้ชายชื่อคุณกิตติพงษ์โดนหลอกให้ลงทุนทำรถเช่าและเช่าแท็กซี่ รวมถึง หลอกให้ใช้ชื่อจัดตั้งบริษัท โดยพฤติการณ์จะคล้ายๆกันเอาเรื่องรถเช่ามาอ้างหลอกให้ลงทุน ซึ่งแรกๆตนก็ได้ค่าตอบแทนดี แต่เมื่อผ่อนรถหมด กลับพบว่ารถนั้นเป็นรถเช่ามาอีกทีทำให้ไม่สามารถโอนเป็นชื่อตนเองได้ แล้วแม่ตนก็โดนหลอกเหมือนกัน ทำให้ต้องไปแจ้งความ ไว้ถึง 3 คดี ความเสียหายประมาณ 2 ล้านบาท
โดยตนเองหลงเชื่อเพราะผู้ก่อเหตุมีการพูดจาที่น่าเชื่อถือ แล้วยังอ้างว่าขับรถให้นายที่ DSI จึงทำให้เสียรู้