จากเหตุสลดที่จ.สุราษฎร์ธานี ตำรวจ สภ.เสวียด อ.ท่าฉาง เข้าตรวจสอบบ้านพักหลังหนึ่ง พบศพนางดลฤดี อายุ 34 ปี อยู่ลานหน้าบ้าน ส่วนหลังบ้านพบศพเด็กหญิงชนิสรา อายุขวบเศษ
ก่อนที่จะรวบตัวนายสิทธิชัย อายุ 31 ปี สามีและพ่อของผู้เสียชีวิตดำเนินคดี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุด ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยัง สภ.เสวียด ทีมข่าวได้มีโอกาสสอบถามนายสิทธิชัย ที่ยังอยู่ในอาการค่อนข้างจะหลอน บอกกับทีมข่าวว่า วันเกิดเหตุใช้ท่อนเหล็กตีเมียก่อนหลายครั้ง จากนั้นพอเมียแน่นิ่งไป ก็ใช้ท่อนเหล็กที่ตีเมีย เดินเข้าไปตีลูกในบ้าน ส่วนที่ต้องอยู่กินกับศพตลอดระยะเวลาเกือบ 4 วัน เป็นเพราะว่า ไม่มีใครเข้าไปช่วยผม ผมก็เลยอยากจะเฝ้าศพลูกกับเมียจนได้ไปที่วัดก่อน อีกอย่างที่อยากให้ศพเมียกับลูกอยู่ที่บ้านนานๆ ก็เป็นเพราะว่าอยากจะให้วิญญาณของลูกกับเมียได้พ้นทุกข์ เกิดใหม่จะได้มาอยู่ด้วยกันที่บ้าน และผมทำหน้าที่พ่อได้ดีแล้ว
ซึ่งนายสิทธิชัย ที่พูดจาเพ้อเจ้อ ก็ขอโทษครอบครัวของเมีย ปัดเสพยาบ้า แต่ยอมรับว่าเสพกัญชาจนหลอนคิดว่าจะมีคนมาทำร้าย แล้วก็ทิ้งท้ายไว้ว่า ที่จริงแล้วเมียผมมันดีแต่เพื่อนมันเยอะไปหน่อย เมื่อคืนผมสารภาพกับตำรวจไปหมดแล้วว่าผมลงมือก่อเหตุเพราะอะไร
โดยหลังจากมีการสอบปากคำเสร็จ พ.ต.ต.นพรัตน์ ชูเพชรพงษ์ สารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเสวียด เปิดเผยว่า หลังจากนำตัวนายสิทธิชัย กลับมาที่โรงพัก ยืนยันว่าเขาพูดจาไม่รู้เรื่อง กระทั่งตำรวจต้องช่วยกันกล่อมให้พูดความจริง จนสารภาพว่า ก่อนก่อเหตุได้ทะเลาะกับภรรยาเรื่องเงินในครอบครัว ในช่วงค่ำของวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน
จนกระทั่งเมื่อมีปากเสียงกันรุนแรงขึ้น ทำให้ระหว่างที่ภรรยากำลังจะเดินออกไปจากบ้าน จึงใช้ท่อนเหล็กวิ่งไปตีภรรยาที่หน้าบ้านจนล้มแน่นิ่งไปกับพื้น จากนั้นได้เดินย้อนกลับเข้าไปในบ้านอุ้มลูกที่อยู่บนที่นอนวางกับพื้นแล้วก็ใช้ท่อนเหล็กอันเดียวกัน ตีลูกจนตาย พอลูกตาย แล้วได้อุ้มศพลูกไปวางที่หลังบ้าน แล้วก็นำหลังคากระเบื้องวางทับจากนั้นก็เอาผ้าไปคลุมเอาไว้
ซึ่งหลังจากอำพรางศพลูกแล้ว ยังไม่หยุดหลอน เดินถือท่อนเหล็กออกไปตีภรรยาซ้ำจนเสียชีวิตอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วก็อ้างว่า ที่ไม่ยอมใช้ชีวิตอยู่กินกับศพโดยไม่แจ้งกับใคร เป็นเพราะว่า เชื่อไสยศาสตร์ หากไม่มีใครมาพบศพ จะสะกดวิญญาณทั้งสองอยู่ด้วยที่บ้าน
เบื้องต้นทางตำรวจได้แจ้งข้อหากับนายสิทธิชัย ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลในวันพรุ่งนี้ (6ก.ค.66)