ทหารเมียนมาปะทะหนักชนกลุ่มน้อยในรัฐคะยา ทำให้ประชาชนหนีตายใกล้ชายแดนติดกับไทยกว่า 1,200 คน
5 ก.ค. 66 นายประเสริฐ ประดิษฐ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จากการสู้รบที่ บ้านใหม่ยัวติ๊ด ทำให้มีราษฎรชาวกะเหรี่ยงเผ่าปะต่อง (คอยาว) ในหมู่บ้านหนีเข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านห้วยโปงเลา ตรงข้ามช่องทางบ้านน้ำเพียงดิน ต.ผาบ่อง จำนวน 100 กว่าคน และอีกจำนวนประมาณ 1,000 คน เป็นชาวคะยา ได้พากันหนีไปอาศัยอยู่ที่บ้านใหม่ ดอยยามู ตรงข้ามบ้านแม่ส่วยอู ต.ผาบ่อง สำหรับชาวไทใหญ่ ทหารเมียนมาที่เข้ามาควบคุมหมู่บ้านใหม่ยัวติ๊ด จ.บอลาแคะ รัฐคะยา ได้ทำการคัดแยกราษฎรในหมู่บ้านที่เป็นคนเชื้อสายไทใหญ่ จำนวน 400 กว่าคน ให้ไปอาศัยอยู่ที่วัด จำนวน 3 แห่งคือ วัดจองคำ ป๊อกเหนือ วัดหย่องคำ บ้านหอ และ วัดจองหนองแสง ป๊อกตะวันออก
ซึ่งจากสถานการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านใหม่ยัวติ๊ดของ จ.บอลาแคะ รัฐคะยา ทำให้ราษฎรในหมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านพี่เมืองน้องของชาวแม่ฮ่องสอน และเป็นญาติกันกับคนในฝั่งไทยพื้นที่บ้านห้วยเดื่อ ทางเครือข่ายสภาวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ เครือข่ายชาวไต (ไทใหญ่) ในแม่ฮ่องสอน ขอเปิดรับบริจาคข้าวสารอาหารแห้ง และสิ่งของเครื่องใช้สำหรับเด็กและผู้หญิง ที่ประสบกับภาวะสงคราม โดยสามารถบริจาคได้ที่ บ้านของอาจารย์เก หรือนายประเสริฐ ประดิษฐ์ ที่บ้านห้วยเดื่อ หรือโทร 080-130-4141 เพื่อที่จะได้รวบรวมสิ่งของที่รับบริจาคส่งไปให้ราษฎรในรัฐคะยาที่กำลังประสบกับภาวะสงครามและต้องหนีมาอยู่ใกล้เขตไทย ทั้งนี้ยอดผู้ลี้ภัยในไทยล่าสุดอยู่ที่ 4,877 คน
ขณะที่แหล่งข่าวของ กองกำลังกะเหรี่ยงคะยา KA เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ทหารเมียนมาได้ถูกส่งเข้ามา ในพื้นที่ อ.แม่แจ๊ะ และ จ.บอลาแคะ จำนวน 2 กองพลทหารราบ ประกอบด้วย กองพลทหารราบเบา ที่ 44 ( พล.ร.เบา 44 ) และ กองพลทหารราบเบา ที่ 77 ( พล.ร.เบา 77) และมีการสู้รบกันระหว่างกองกำลัง KA KNDF และ PDF กับทหารเมียนมาที่เข้ามาใหม่ บริเวณ บ้านแม่แจ๊ะ และ บ้านใหม่ยัวติ๊ด
อย่างไรก็ตาม ถนนที่เชื่อมระหว่าง จ.บอลาแคะ ไปจนถึง จ.ลอยก่อว์ ขณะนี้ กองกำลัง KA KNDF และ PDF สามารถควบคุมได้แล้ว ทำให้ทหารเมียนมา ไม่สามารถส่งกำลังบำรุงเข้ามาในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำสาละวิน และรวมไปถึง ในฝั่งรอยต่อรัฐคะยากับรัฐฉาน ตรงข้ามบ้านรักไทย ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ทหารเมียนมาในภาคตะวันออกเขตรัฐฉาน ได้พยายามส่งกำลังเข้ามาช่วยเหลือ แต่ยังไม่สามารถเข้ามาในพื้นที่รัฐคะยาได้ การส่งกำลังบำรุงให้กับทหารเมียนมา ทำได้คือใช้เฮลิคอปเตอร์แต่เพียงอย่างเดียว สำหรับทหารเมียนมาในด้านทิศตะวันออกของรัฐคะยา ติดกับรัฐฉาน ประกอบด้วย พัน คร.514 ฐานดอยสามเมือง พัน.ร.เบา134 พัน.คร.337 และ พัน.คร.429 ตั้งฐานปฏิบัติการ ตั้งแต่ตรงข้ามช่องทางบ้านดอยแสง ต.ปางหมู ไปจนถึงตรงข้าม ดอยสามเมือง ตรงข้ามบ้านรักไทย ต.หมอกจำแป่ ซึ่งคาดว่าทางทหารกะเหรี่ยงคะยา จะทำการเข้าโจมตีเพื่อกวาดล้างให้ออกไปนอกพื้นที่รัฐคะยา โดยฝ่ายชนกลุ่มน้อยแต่ละรัฐกำลังพยายามที่จะผลักดันทหารเมียนมาออกจากพื้นที่ของตนเองให้หมดในสิ้นปีนี้
ขณะเดียวกัน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นมา กองกำลังทหารกะเหรี่ยงคะยาและพันธมิตร สามารถยึดฐานที่มั่นของทหารเมียนมา ได้จำนวน 8 ฐานที่มั่น และสามารถยึด ปืน ค. 120 มม.ของ ทหารเมียนมาสังกัดกองพัน ป. 356 ได้จำนวน 6 กระบอก พร้อมด้วยกระสุนค.ขนาด 120 มม. จำนวน 12,000 นัด (ค.120 มม.1 กระบอกมีกระสุนพิกัดโหลดจำนวน 200 นัด) ประกอบด้วย ฐานแม่แจ๊ะ ปืน ค.120 มม. 2 กระบอก ฐานฯ ดอยน้ำพอง ตรงข้ามช่องทางห้วยต้นนุ่น จำนวน 2 กระบอก ฐานฯแม่ตะนอย ใกล้กับผาตั้ง จำนวน 2 กระบอก
ในส่วนของข่าวที่ว่ามีการยิงเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ของทหารเมียนมาตกบริเวณพื้นที่ บ้านใหม่ยัวติ๊ด โดยกลุ่ม KNPLF ( กาลาลาต๊ะ หรือดาวแดง ) เป็นข่าวปล่อยทางโซเชียลเท่านั้น เนื่องจากได้มีการสอบสวนและใช้โดรนบินตรวจสอบจุดที่คาดว่า เฮลิคอปเตอร์ตก ไม่พบซากเครื่องบินแต่อย่างใด เมื่อสอบสวนไปยังทีมหน่วย KNPLF แล้ว ได้อ้างว่าใช้ปืนพกสั้นขนาด .38 มม.ยิงเฮลิคอปเตอร์ ทำให้การค้นหาต้องยุติลง
สำหรับสถานการณ์ที่บ้านใหม่ยัวติ๊ด พบว่า กองทัพอากาศเมียนมา ได้ทิ้งระเบิดใส่บ้านเรือนประชาชน ทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 4 ราย ทำให้มีผู้อพยพหนีเข้าสู่ไทย บริเวณช่องทางบ้านน้ำเพียงดิน (เนิน 585) จำนวน 100 กว่าคน แต่ทางการไทยปฏิเสธ ทำให้ผู้อพยพเหล่านั้นได้พักหลบภัยที่บริเวณที่ราบเชิงเขา เขตพื้นที่บ้านห้วยโปงเลา รัฐคะยา ห่างจากฐานที่มั่นทหารไทยลงไปในเขตรัฐคะยาประมาณ 5 กม.