ภายหลังจากเกิดเหตุ นายยุทธนา หรือ แจ๊บ อายุ 29 ปี ก่อเหตุฆาตกรรม ด.ญ.อริศสา หรือ ใหม่ อายุ 12 ปี ลูกบุญธรรม โดยใช้ไม้เบสบอลตีจนเสียชีวิต ก่อนจับยัดถังพลาสติกโบกปูนทับ หลังจากนั้นทั้งคู่ได้เดินทางเพื่อไปสารภาพกับญาติเด็ก แต่นายยุทธนาออกอุบายว่าไปหาเพื่อนก่อนหลบหนีไป โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 01.00 น. วันที่ (2 ก.ค.) ที่ผ่านมา
กระทั่ง นายแจ๊บ ถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ ขณะหลบหนีในโรงแรมย่านอินทามระ โดยถูกแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย และ ฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย
*ซื้อถังน้ำแข็ง
ทีมข่าวช่อง8 ได้ภาพวงจรปิดที่บริเวณตลาดไท เช้าวันที่ 2 ก.ค.66 จะเห็นรถเก๋งสีบรอนทอง ขับเข้ามาจอดที่ลานจอด จากนั้นนายแจ๊บเปิดประตูลงมา แล้วเลือกดูถังที่วางอยู่หน้าร้าน ก่อนจะเดินไปคุบกับคนขายอยู่ซักครู่ จากนั้นก็เดินมาหานางสาวมิ้นที่นั่งอยู่ในรถ แล้วพูดคุยอยู่ซักครู่ ก็เดินออกมาเลือกดูถังหน้าร้านอีกครั้ง แล้วเดินเข้าไปในร้าน
จากนั้นวงจรปิดภายในร้าน จะเห็นว่าพอนายแจ๊บเดินเข้ามาภายในร้าน ก็เดินเลือกดูถังใส่น้ำแข็งที่วางไว้ โดยมีคนขายแนะนำ ซึ่งนายแจ๊บก็เลือกดูอยู่ซักครู่ นางสาวมิ้นก็เดินตามมาสมทบ นายแจ๊บก็ยังคงเลือกเปิดความลึกของถึงน้ำแข็ง อยู่ประมาณ 3 นาที แล้วก็เดินไปบริเวณหลังร้าน แต่ไม่มีวงจรปิด
จากนั้นวงจรปิดหน้าร้าน เวลา 07.24 น. จะเห็นนางสาวมิ้นเดินออกมาก่อน แล้วนายแจ๊บก็แบกถังน้ำแข็งขนาด 120 ลิตร ออกมาจากร้านเดินไปข้างรถ แล้ววางถังลง แล้วเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารด้านหลัง ยกถังน้ำแข็งใส่รถปิดประตู ส่วนนางสาวมิ้นก็ขึ้นไปนั่งในรถ แล้วนายแจ๊บก็ขึ้นรถขับออกไป
*ถังน้ำแข็ง
ล่าสุดทีมข่าวได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิด จับภาพในเวลา 08.30 น. ของวันที่ 2 ก.ค. นายแจ๊บ กำลังขนอุปกรณ์เพื่อใช้ในการอำพรางศพ โดยมีนางสาวมิ้น ซึ่งเป็นภรรยาของนางแจ๊บ นั่งสูบบุหรี่รออยู่ที่บ้าน
ต่อมาเห็นนายแจ๊บ ได้ยกถังน้ำแข็งสีน้ำเงิน เข้ามาในบ้าน และเดินตรงเข้าไปในห้องครัว จากนั้นนางสาวมิ้น มีการพูดคุยอะไรบางอย่างกับสามี ก่อนจะเดินมาช่วยยกถุงสีขาว คาดว่าน่าจะเป็นถุงบรรจุดินปลูกต้นไม้ เดินตามนายแจ๊บเข้าไปในห้องครัว และเห็นภาพนายแจ๊บ กำลังปูผ้าพร้อมกับลากสาวยางฉีดน้ำ เดินวนเวียนอยู่ในห้องครัว
ขณะที่นางสาวมิ้นต์ ได้ยกถุงสีขาว เข้าไปหลังบ้านหลายครั้ง เช่นเดียวกับนายแจ๊บ ก็เดินออกมาช่วยยกถุงสีขาวเข้าไปครัว ก่อนที่ทั้ง 2 คน จะเดินออกมาพูดคุย เหมือนปรึกษาอะไรบางอย่าง ท่าทีคล้ายกับปรึกษาถึงวิธีจัดการทำลายศพ
ซึ่งจากภาพจะเห็นว่านางสาวมิ้น ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัว หรือไม่ได้ถูกสามีข่มขู่แต่อย่างใด นำกรรไกรช่วยตัดเชือกถุงสีขาว ลักษณะคล้ายถุงปูนสำเร็จ ที่วางอยู่บนพื้น ก่อนจะยกถุงเดินเข้าไปในห้องครัว จากนั้นนางสาวมิ้นกลับมานั่ง บริเวณจุดแพ็คสินค้าออนไลน์ และนายแจ๊บ เดินออกมาหา นั่งปรึกษาอะไรกันบางอย่างกันอีกรอบ โดยนายแจ๊บ ได้หยิบน้ำกระท่อมขึ้นมาดื่ม แล้วนายแจ๊บ ก็เดินกลับเข้าไปในห้องครัวหลังบ้านอีกรอบ และมิ้นก็ได้เดินตามเข้าไปเช่นกัน ก่อนที่นายแจ๊บ จะหยิบกะละมังสีชมพู ใบใหญ่ให้กับมิ้นถือ และวางลงกับพื้น คาดว่าน่าจะเป็นอุปกรณ์ ที่มิ้นใช้ผสมปูน ใช้ในการโบกทับที่ศพ ซึ่งทั้ง 2 คนช่วยกันผสมปูน
ทั้งนี้จากหลักฐานกล้องวงจรปิดดังกล่าว มีรายงานว่า ตำรวจเตรียมรวบรวมหลักฐาน เพื่อเตรียมแจ้งข้อหา กับนางสาวมิ้น แฟนของนายแจ๊บ ฐานร่วมกันปิดบังซ่อนเร้น และไม่ใช่การช่วยเหลือผู้อื่นที่ตกอยู่ในภัยอันตราย
*แจ๊บนอนในคุก
ขณะที่นายแจ๊บ เข้าห้องควบคุมขัง พบว่ามีอาการเครียดเดินวนไปมาหลายรอบและลงตัวนอนเอามือก่ายหน้าผาก โดยมีเจ้าหน้าที่สิบเวรยาม เฝ้าดูกล้องวงจรปิดอย่างใกล้ชิดเพราะกลัวว่านายแจ๊บ อาจคิดฆ่าตัวตายระหว่างถูกคุมตัวที่โรงพัก เนื่องจากก่อนจะถูกตำรวจจับกุมได้โทรศัพท์บอกกับนายจ็อบ น้องชายว่า"พี่จะไม่อยู่ พี่จะผูกคอ"
*คุมแจ๊บสอบปากคำ
โดยตำรวจคุมตัวนายแจ๊บ มาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยนายแจ๊บไม่ได้พูดอะไร ทั้งนี้ นายแจ๊บปฏิเสธการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากกลัวถูกรุมประชาทัณฑ์ ส่วนถังน้ำแข็ง และวัตถุพยานอีกหลายชิ้น ส่งไปยังพฐ. เพื่อตรวจหาหลักฐานมาประกอบสำนวนคดี
ซึ่งนายแจ๊บ ให้การรับสารภาพว่า โกรธแค้นที่น้องใหม่เอาเงินไป และขโมยกินอาหารเสริมเสียหายไปกว่า 10,000 บาท
ขณะที่มิ้น ตำรวจกันตัวไว้เป็นพยาน แต่ตำรวจเตรียมจะขอหมายศาลออกหมายจับร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ
*คุยเจ้าของร้านถัง ตลาดไท
ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ไปที่ตลาดไท ไปพบกับร้านขายพลาสติกขึ้นรูปถังน้ำแข็งเพื่อนำไปอำพรางศพ โดยเจ้าของร้าน บอกว่า ปกติเธอจะเปิดร้านประมาณ 08.00 น. แต่ว่าได้มีวินมอเตอร์ไซค์โทรศัพท์มาบอกเธอ ว่ามีลูกค้ามาขอซื้อถัง เขามาไกล ให้รีบมาขายให้ด้วย จึงรีบมาที่ร้านในเวลา 08.19 น. หลังจากมาที่ร้านนายแจ๊บได้เริ่มเลือกถังน้ำแข็ง ซึ่งได้เลือกขนาดถังน้ำแข็งเอง ขนาด 120 ลิตรสีน้ำเงิน โดยผู้หญิงบนรถได้เดินทางลงมาดูถังน้ำแข็งใบนี้ด้วย เสร็จแล้วทั้ง2 คนก็ยกถังน้ำแข็งขึ้นรถแล้วก็จากไป ทั้งสองคนไม่มีพิรุธอะไรเธอคิดว่าเหมือนลูกค้าทั่วไปที่มาซื้อถังน้ำแข็งเอาไว้แช่ของ
ทีมข่าวถามต่อเกี่ยวกับคุณสมบัติของถังน้ำแข็งชนิดนี้ว่าเป็นอย่างไร เธอเล่าว่าถังน้ำแข็งปกติแล้วถ้าแช่น้ำแข็งและแช่ของสดไว้จะสามารถอยู่ได้โดยไม่เน่าเสีย และไม่ส่งกลิ่นเหม็นประมาณ 2-3 วัน ส่วนถ้าถังน้ำแข็งแบบนี้ไม่ใส่น้ำแข็งแต่ใส่ของสดไว้ในข้างในของสดข้างในที่เน่าเสีย ก็จะไม่ค่อยส่งกลิ่นเหม็นออกมา เนื่องจากทางชนิดนี้เก็บกักทั้งความเย็นและกลิ่นเอาไว้ถึงกลิ่นออกมาได้ยากมาก
ส่วนถังน้ำแข็งที่นายแจ๊บซื้อมาเป็นขนาด 120 ลิตร ขายในราคา 2,400 บาท หลังจากนั้นเธอมาดูข่าวเธอก็ไม่คิดว่าเป็นถังน้ำแข็ง ที่อยู่ในข่าวเส้นทางน้ำแข็งที่มาจากร้านของเธอ เนื่องจากถังน้ำแข็งยี่ห้อนี้มีจำหน่ายทั่วไปอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุที่เธอคิดว่านายแจ๊บขับรถมาไกลถึง ตลาดไท ปทุมธานี เพื่อซื้อถังน้ำแข็ง เนื่องจากที่นี่เป็นจุดศูนย์รวมของสินค้าน่าจะราคาถูกและมีให้เลือกขนาดที่เยอะกว่าที่อื่นๆ
*ซื้อปูน
นอกจากนี้ภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพของนายแจ๊บ ขับรถมาที่ร้านขายวัสดุก่อสร้างเพื่อซื้อปูน
*สัมคนขายดิน
ทีมข่าวได้สอบถามข้อมูลจากคุณหญิง ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายดิน โดยบอกว่า ซื้อดินไป 14 ถุง ราคา 200 บาท ตอนนั้นคิดว่าเอาไปปลูกต้นไม้ ไม่คาดคิดว่าจะนำไปก่อเหตุ
ส่วนร้านวัสดุก่อสร้าง บอกว่า นายแจ๊บมาขอซื้อปูน 4 ถุง ถุงละ 5 กิโลกรัม โดยพบว่านายแจ๊บขับรถวนหน้าร้านประมาณ3-4ครั้ง
*จ๊อบ น้องแจ๊บ
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายจ๊อบ น้องชายของแจ๊บ เปิดเผยว่า ก่อนที่พี่ชายจะใช้ไม้เบสบอลตีผู้ตาย น.ส.มิ้น ซึ่งเป็นภรรยาได้มีปากเสียงกับผู้ตายก่อน และได้ใช้ไม้เบสบอลตีผู้ตายจนล้มลงกับพื้น จากนั้นนายแจ๊บก่อเหตุต่อด้วยความที่ทะเลาะกับน.ส.มิ้น ตนจึงบันดาลโทสะ จึงหยิบไม้เบสบอลไปฟาดผู้ตายซ้ำจนเสียชีวิต
นายจ๊อบยังเล่าอีกว่า พี่ชายบอกว่า น.ส.มิ้นเป็นคนชักชวนให้อำพรางศพ โดยการบอกให้พี่ชายไปยืมเลื่อยจากบ้านนายแบงค์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชาย แต่พี่ชายไม่กล้าลงมือทำ จึงใช้วิธีใส่ถังและโบกปูนทับ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพี่ชายมักจะมาเล่าให้ฟังว่ามีปัญหากับน้องผู้ตายและน.ส.มิ้นบ่อยครั้ง ในเรื่องเล่นพนันออนไลน์ รวมถึงผู้ตายชอบขโมยเงินไปปั่นสล๊อต โดยอ้างว่าจะนำเงินไปช่วยเหลือค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ส่วน น.ส.มิ้น ติดการพนันมากจนเป็นเหตุให้ทะเลาะกันบ่อย ซึ่งที่บ้านของทั้งสองก็ทราบดีว่าทั้งคู่ติดการพนัน ทั้งนี้ตนยืนยันว่าสิ่งที่พูดคือความจริงที่ตนได้ยินมาจากพี่ชาย ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือพี่ชาย หรือใส่ร้ายน.ส.มิ้น และผู้ตาย