จากกรณีที่นายศรันยู อายุ 30 ปี ได้หายออกจากบ้านพักที่ตำบลศรีสงคราม อ.วังสะพุง จ.เลย เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2566 หลังจากนั้นได้ขาดการติดต่อ ญาติเกรงว่าจะเกิดอันตรายจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองเลย

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566 มีผู้พบโทรศัพท์มือถือของนายศรันยูที่สวนยางพารา ห่างจากบ้านน้ำแคม ต.น้ำแคม อ.ท่าลี่ จ.เลย ประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งผู้ที่พบโทรศัพท์ได้นำมาฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าลี่ ต่อมาภรรยาของนายศรันยูได้เดินทางไปรับโทรศัพท์มาเก็บไว้แล้ว แต่ยังไม่พบตัวนายศรันยูจนกระทั่งถึง 30 มิ.ย. 2566

ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 เวลาประมาณ 16.30น. มีผู้พบศพผู้เสียชีวิตในบริเวณป้าสัก ริมถนนระหว่างบ้านเมียงกับบ้านน้ำแคม ท้องที่บ้านเมี่ยง ต.หนองผือ อ.ท่าลี จ.เลย ผู้ตายสวมเสื้อสีแดง สภาพศพเริ่มแห้งเหลือแค่โครงกระดูก ซึ่งญาติได้เดินทางไปตรวจสอบ ยืนยันว่าเป็นศพนายศรันยูจริง

วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เราได้คุยกับนายจักราวุธ พี่ชายผู้ตาย เผยว่า วันที่น้องชายตนเองจะหายตัวไป วันที่ 20 มิถุนายน ช่วงเวลาประมาณ 12.00น.พ่อได้โทรศัพท์หาน้องชาย แต่น้องชายตอบกลับว่ากำลังไปเก็บเงินกู้กับลูกพี่อยู่บนเขา แต่ไม่ได้ระบุว่าอยู่จุดไหน จากนั้นน้องชายตนเองก็วางสายไป ก่อนจะขาดการติดต่อกันไป

จนกระทั่งวันที่ 27 มิถุนายน มีชาวบ้านที่บ้านน้ำแคม ตำบลหนองผือ อำเภอท่าลี่ เก็บโทรศัพท์น้องชายของตนเองได้ในสวน จากนั้นชาวบ้านได้นำโทรศัพท์ไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พอทราบว่ามีคนเก็บโทรศัพท์น้องชายได้ ตนเองจึงได้รีบเดินทางไปที่สภ.ท่าลี่ เพื่อติดต่อขอรับโทรศัพท์น้องชายคืน แต่ปรากฏว่า น.ส.อุ้ม ได้มาติดต่อขอรับโทรศัพท์น้องชายไปก่อนหน้านี้ จากนั้นตนเองจึงได้ไปขอโทรศัพท์คืน แต่น.ส.อุ้ม ไม่ยอมให้คืน และมีท่าทางลักษณะร้อนรน เหมือนปิดบังอะไรไว้ ไม่อยากให้ใครรู้

ซึ่งตนเองสงสัยว่าทำไม น.ส.อุ้มจึงต้องมาเอาโทรศัพท์น้องชายตนเองไปและไม่ยอมให้โทรศัพท์ตนเองคืนมา ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ตาย ตนเองยังคงเชื่อที่น้องชายตนเองเสียชีวิต น.ส.อุ้ม มีส่วนเกี่ยวข้อง



ส่วนประเด็นขัดแย้งกับนายจ้าง ที่น้องชายตนเองไปยักยอกเงินนายจ้างตนเองไม่ทราบ แต่ก็คาดว่าน่าจะมีความเป็นไปได้ แต่ตนเองยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะจากการพูดคุยกับนายจ้างมีท่าทีแสดงความเป็นห่วงเป็นใยน้องชายตนเองมากกว่าและมีพิรุธน้อยกว่า น.ส.อุ้ม เพราะตนเองทราบมาว่าน.ส.อุ้มและน้องชายตนเองมีปัญหาทะเลาะกันบ่อยครั้งและทราบมาว่า น.ส.อุ้มเคยจะขับรถชนน้องชายตนเอง และยังเคยโดนลูกติด น.ส. ยกพวก 30 คนมารุมทำร้ายร่างกายน้องชายตนเองด้วย

ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เราได้เดินทางไปคุยกับ น.ส.อุ้ม นามสมมุติ อายุ 48 ปี เปิดใจว่า ตนเองรู้จักกับนายศรัณยู มาได้ประมาณ 1 ปีกว่า เพราะตนเองเป็นลูกหนี้เงินกู้รายวัน โดยนายศรัณยูจะเป็นคนที่มาเก็บหนี้รายวันกับตนเอง วันละ 2,500 บาท จากนั้นจึงได้คุยติดต่อกัน ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่าตนเองเริ่มมีปัญหากับสามีเรื่องสามีมีกิ๊ก ก่อนจะมาตัดสินใจหย่ากับสามี และมาคบกับนายศรัณยู

วันที่ 21 มิ.ย. ช่วง 9 โมง นายยูทักแชทมา แต่เธอไม่ได้ตอบเพราะอยู่กับลูกชาย ซึ่งลูกชายไม่ให้ยุ่งกับนายยู กระทั่ง ติดต่อไม่ได้ ครอบครัวพยายามตามหา กระทั่งมีคนไปเจอโทรศัพท์นายยู

น.ส.อุ้ม บอกว่า สาเหตุที่ไม่ให้พี่ชายเพราะต้องการดูข้อมูลการติดต่อ ว่านายยูไปกับใคร ไม่ได้ตั้งใจปกปิด ซึ่งจากการตรวจดูประวัติการติดต่อก็ไปพบว่า นายยูยังยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย เธอยืนยันว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน

ส่วนประเด็นที่พี่ชายนายยูสงสัยเรื่องที่ตนเองไม่ยอมให้โทรศัพท์ ตนเองไม่ได้มีเจตนาจะไม่ให้ แต่เนื่องจากตนเองอยากรู้ว่านายยูแอบคุยกับ

นอกจากนี้ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เคยพากันไปจำนองที่ของพ่อนายยู ตั้งใจจะเอามาปล่อยเงินกู้ แต่พอเริ่มเก็บเงินคืนไม่ได้จึงตัดสินใจหยุด และเก็บเงินที่เหลือไว้ นำไปซื้อทองมาใส่กัน หลังจากนั้น นายยูเริ่มจะโกงเงินกู้โดยนำเงินลูกหนี้ที่ปิดบัญชีมาใช้ และจะส่งวันละ 2,000 บาท อีกบัญชีหนึ่ง ส่ง 500 บาท ตนเองรับรู้แค่นั้น ไม่รู้ว่า จะเอาเงินไปถึง 2 แสนบาท และใช้บัญชีผี จนกระทั่งก่อนหน้านี้นายยูเริ่มมาขอยืมเงินเธอหลักหมื่น ท่าทางร้อนใจ บอกว่าหากหาเงินใช้หนี้ไม่ได้ ไม่รอดแน่ๆ เพราะมีคนมาดักหน้าห้อง 3 คน แล้วซึ่งเธอก็งง ว่าเงินจำนวนน้อยแต่ทำไมจะเอาถึงชีวิต

ต่อมาเราได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดนิมถนน เวลา 08.08 น. ของวันที่ 21 มิถุนายน ซึ่งช้ากว่าเวลาจริง 1 ชม. โดยเวลาจริง 09.08 น. ที่สามารถจับภาพรถยนต์กระบะสีแดง กระโปรงดำ ทะเบียน กธ 416 ไม่ทราบหมวดอักษร ซึ่งเป็นรถของนายจี๊ด นายจ้างผู้ตาย และเป็นรถต้องสงสัย วที่คาดน่าจะขับมารับนายศรัณยู หรือ ยู ผู้ตาย ออกจากห้องพักไป ก่อนที่นายยูจะหายตัวไป

ล่าสุดทีมข่าวได้ไปเจอนายกฤษ หัวหน้าผู้ตาย เผยว่า ก่อนหน้านี้นายยูผู้ตายเป็นลูกน้องของนายจี๊ด ซึ่งเป็นน้องชายของตนเอง จนกระทั่งช่วงก่อนปีใหม่ตนเองมาทำงานช่วยน้องชาย ก่อนที่นายยูจะขอมาเป็นลูกน้องตนเอง โดยจะนั่งรถไปด้วยกันเวลาไปเก็บเงินลูกค้า

วันก่อนที่นายยูจะหายไป ตนเองเจอนายยู ครั้งสุดท้ายคือวันที่ 20 มิถุนายน ตนเองและนายศรัณยูหรือยูนั่งดื่มเหล้าอยู่หน้าบ้านพัก จนเวลาประมาณเที่ยงคืนถึงตี1 เห็นนายศรัณยูนั่งคุยโทรศัพท์ทะเลาะแฟนที่ชื่ออุ้ม ตนเองจึงได้บอกให้กลับห้องพักไป จากนั้นตนเองก็ไม่รู้อะไรเลย จนกระทั่งวันที่ 21 มิถุนายน ประมาณบ่ายๆตนเองตื่นขึ้นมา จะไปเรียกนายยูผู้ตายมาสอบถามเรื่องเก็บเงินกู้จากลูกหนี้ แต่ตลอดทั้งวันก็ติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ก็ยังติดต่อไม่ได้

ส่วนเรื่องแฟนนายยูตั้งแต่เลิกกับภรรยาเก่า ก็มาคบกับ น.ส.อุ้ม ซึ่งมีอายุมากกว่า โดยตนเองจะชอบเรียกเจ้ปกติ น.ส.อุ้ม จะขับรถเก๋งมารับนายยูที่หน้าห้องพัก โดยจะไม่ค่อยเข้ามาในบริเวณห้องพัก ตนเองจึงไม่ค่อยรู้จักและไม่ค่อยได้คุยกับน.ส.อุ้มมากหนัก แต่ตนเองมักจะเห็นว่าทั้งคู่ทะเลาะกันทางโทรศัพท์ประจำวาเหตุมาจากเรื่องหึงหวง เพราะนายยู เคยมาเล่าให้ฟังว่าฝ่ายครอบครัวฝั่งผู้หญิงยกพวกมารุมทำร้าย สั่งให้เลิก แต่ก็ไม่รู้ว่า ครั้งนี้จะเกี่ยวข้องหรือไม่

ส่วนเรื่องนายยูจะไปทำงานปล่อยเงินกู้กับเจ้าอื่นหรือนำเงินมาปล่อยเอง ตนเองไม่ทราบ

แต่ประเด็นที่นายยูยักยอกเงินกู้ ยอมรับว่า น้องชาย คือ นายจี๊ด จับได้จริง ว่ายู ยักยอกเงินกู้ไป คิดรวมๆแล้วเป็นเงินจำนวน กว่า 2 แสนบาท โดยใช้วิธีเปิดบัญชีผี แล้วรับเงินโอน หรือวิธีใช้บัญชีลูกค้าเก่ารับโอนแล้วแจ้งกับลูกค้าว่าโอนผิด ให้โอนกลับมาที่นายยู แต่ก็ยืนยันว่าไม่น่าจะใช่ ปมเหตุอุ้มฆ่าโหด

ฆ่าหนุ่มเงินกู้ใช้น้ำกรดย่อยร่าง แฟนสาวโต้เป็นนกต่อ แฉปมเชิดเงินดอกล่าฆาตกร