นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ทีมงานเพจสายไหมต้องรอด พานางสาวกัญญ์วรา อายุ 26 ผู้ช่วยพยาบาลโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง นำหลักฐานภาพถ่ายสภาพบาดแผล พร้อมกับกล้องวงจรปิด ที่ถูก นายวีระ อายุ 39 ปี เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตหลักสี่ ทำร้ายร่างกายต่อหน้าลูกสาววัย 7 ขวบ และขู่ฆ่าหลายครั้งทั้งที่เลิกกันมา 2 ปีแล้ว เกิดเหตุบริเวณริมถนนซอยเพิ่มสิน 15 ย่านสายไหม เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา จนได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าและตาบวมช้ำนอกจากนี้ยังมีร่องรอยบาดแผลบริเวณลำคอ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ให้ดำเนินคดีกับนายวีระ อดีตสามี หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยแจ้งความไว้หลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่ถูกดำเนินคดี
นางสาวกัญญ์วรา ผู้เสียหายเล่าว่า ตนเองเคยคบหากับอดีตสามีรายที่ก่อเหตุมานาน 5 ปี และมีลูกด้วยกัน 1 คน และตลอดเวลาที่คบกัน อดีตสามีมีอารมณ์รุนแรง มักจะด่าทอ ทำร้ายร่างกายตนเองต่อหน้าลูกสาวเป็นประจำ จนตนเองทนไม่ไหว ตัดสินใจเลิกรากันเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ก็ถูกอดีตสามีตามรังควาน ผ่านทางโซเชียลมีเดีย ซึ่ง ตนก็พยายามหลบหน้ามาตลอด และเมื่อฝ่ายชายหาตนไม่เจอ ก็จะโทรศัพท์ไปข่มขู่จะฆ่าตนผ่านทางพ่อแม่ ทำให้พ่อแม่ต้องมารับรู้เรื่องเหล่านี้จนไม่สบายใจ บางครั้งก็ข่มขู่จะทำร้ายแฟนคนปัจจุบันของตนเองอีก และถ้าหากบางครั้งอดีตสามีเห็นรถจักรยานยนต์ของตนจอดอยู่ก็จะเข้าไปทำลายรถจักรยานยนต์ตนทันที ซึ่งตนเคยเข้าแจ้งความไปแล้วเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่คดีก็ยังไม่คืบหน้า และอดีตสามียังบอกอีกว่า ไม่กลัวติดคุก เพราะเคยติดคุกมากแล้ว
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ขณะที่ตนเองกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านย่านเพิ่มสิน ระหว่างทางบังเอิญเจอกับอดีตสามี ฝ่ายชายจึงตะโกนด่าทวงรถจักรยานยนต์อีกคันที่อดีตสามีเคยให้พ่อตัวเองใช้ แต่พังไปแล้ว ก่อนที่ฝ่ายชายจะเข้ามาถีบรถจักรยานยนต์ที่ตนที่ขี่อยู่จนล้ม และขับรถออกไปรับลูกสาวที่โรงเรียน
หลังจากนั้น ฝ่ายชายได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาหาตน แล้วปรี่เข้ามาทำร้ายร่างกาย บีบคอ ตีหน้า ต่อหน้าลูกสาว 7 ขวบที่พยายามเข้ามาห้ามผู้เป็นพ่อด้วยความหวาดกลัวสุดขีด จึงทำให้ตนเองสงสารลูกเป็นอย่างมาก เพราะลูกต้องอยู่กับความรุนแรงของพ่อมาโดยตลอด และหลังเกิดเหตุอดีตสามียังโพสต์เฟซบุ๊กว่า "ได้ออกกำลังกายรู้สึกดี" ไม่ได้สำนึกผิด
น.ส.กัญญ์วรา เผยต่อว่า ปัจจุบันลูกสาวตนก็ยังอยู่กับอดีตสามี ซึ่งมีครั้งนึงลูกถูกเพื่อนที่โรงเรียนแกล้ง อดีตสามีจึงโพสต์ลงโซเชียลมีเดียว่าจะให้ลูกพกมีดไปโรงเรียน ตนกลัวว่าลูกจะซึมซับพฤติกรรมความรุนแรง พร้อมกับยังพยายามพูดว่าตนเองกับลูกในทางไม่ดีเพื่อจะทำให้ลูกเกลียดตนเอง จึงได้ไปร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามอดีตสามีเข้าใกล้ตนเอง และศาลให้มีคำสั่งห้ามเข้าใกล้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่ยังไม่มีคำสั่งเรื่องการเลี้ยงดูบุตร
ขณะเดียวกันทีมข่าว ได้ภาพกล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุ ที่ร้านทำผมแห่งหนึ่ง จะเห็นได้ว่า ช่วงเวลาประมาณ 15.16 น. น.ส.กัญญ์วรา ได้สวมชุดสีฟ้ายืนคุยกับ นายวีระ (อดีตสามี) และได้มีการนำหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย ก่อนที่ นายวีระจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย น.ส.กัญญ์วรา ด้วยการตบ และชกต่อยบริเวณใบหน้าของ น.ส.กัญญ์วรา
จากนั้น น.ส.กัญญ์วรา ก็ล้มลงไปที่พื้น จนกระทั่ง ลูกสาววัย 7 ปี และชาวบ้านละแวกดังกล่าวเข้ามาช่วยห้ามจับทั้งคู่แยกออกจากกัน
ในขณะเดียวกันภาพวงจรปิดอีกมุมนึงจะ สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าวได้ โดยจะเห็นได้ว่า ช่วงเวลาประมาณ 15.07 น. จะเห็น นายวีระสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น ขี่รถจักรยานยนต์สีน้ำเงินมาพร้อมกับลูกสาววัย 7 ปี ก่อนจะจอดรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวและปรี่เดินเข้ามาทำร้ายผู้เสียหาย หลังจากนั้น ลูกสาววัย 7 ขวบ ก็ได้มีการลงรถจักรยานยนต์มาห้ามผู้เป็นพ่อ ก่อนที่นายวีระ และลูกสาวจะกลับขึ้นรถจักรยานยนต์และขี่รถออกไป
ในขณะเดียวกันทีมข่าวได้ภาพคลิปมือถือที่ทาง น.ส.กัญญ์วรา ผู้บาดเจ็บ ได้ถ่ายไว้ขณะที่ถูกนายวีระเข้ามาปัดมือถือ ก่อนจะมีการทำร้ายร่างกาย
น.ส.กัญญ์วรา เล่าอีกว่า ที่ผ่านมาลูกสาวเคยเจอเพื่อนแกล้ง พอนายวีระรู้ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่าจะให้ลูกพกมีดไปโรงเรียน ปรากฏคนเป็นแม่ตกใจ เหมือนไปซึมซับความรุนแรงกับลูก แต่นายวีระไม่เข้าใจ เพราะคิดว่าแม่เป่าหูลูกให้เกลียดพ่อ สุดท้ายต้องไปร้องศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ขอให้มีคำสั่งห้ามสามีเข้าใกล้ โดยศาลมีคำสั่งแล้วในวันนี้ โดยขอดูแลลูกสาวโดยชอบธรรม ยอมรับว่าห่วงชีวิตของลูกมาก กลัวจะสอนอะไรที่ผิดๆอีก
ทั้งนี้ ปัจจุบันลูกสาวมีอาการป่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ต้องทำความสะอาดทุกวัน ตนเองในฐานะเป็นแม่และเป็นผู้หญิง จึงอยากให้ลูกมาอยู่ในความดูแลของตนเอง
นอกจากนี้ เมื่อเช้าที่ผ่านมา ตนได้แจ้งเรื่องไปยังสำนักงานเขตหลักสี่ เพื่อให้ต้นสังกัดรับทราบพฤติกรรมของสามี แต่ได้รับแจ้งว่าอดีตสามีเป็นเพียงลูกจ้างชั่วคราว ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ และปัจจุบันอดีตสามีก็ยังทำงานอยู่ เกี่ยวกับดูแลพัฒนาชุมชน
เมื่อย้อนดูโพสต์ของนายวีระ พบมีการโพสต์ข่มขู่ด้วย
ต่อมาตำรวจสน.สายไหม คุมตัวนายวีระมาสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย นายวีระ เปิดผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทธรรมดา ซึ่งตนขอไม่ลงรายละเอียดอะไรมาก แต่ยอมรับว่าปมเหตุเกิดจากปัญหาสะสมที่มีกันมายาวนานแล้ว โดยหนึ่งในนั้นเป็นเรื่องของลูกสาววัย 7 ขวบด้วย ซึ่งอดีตภรรยาอยากได้ลูกสาวไปเลี้ยงดู แต่ตนเองไม่ให้ เพราะเกรงว่าจะดูแลลูกสาวไม่ได้ดีเท่าที่ควร เนื่องจากอดีตภรรยามีอาชีพเป็นผู้ช่วยพยาบาล จึงทำให้ไม่มีเวลาในการเลี้ยงดูลูกสาวได้อย่างเต็มที่
ในส่วนเหตุการณ์เมื่อวันที่5 ก.ค. ขณะ ต้นกำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปรับลูกที่โรงเรียน ระหว่างทางตนบังเอิญพบกับอดีตภรรยาคนดังกล่าว จึงตะโกนสอบถามเรื่องรถจักรยานยนต์ ที่ก่อนหน้านี้ตนได้มีการให้ยืมรถจักรยานยนต์กับอดีตพ่อตา ซึ่งเป็นพ่อของอดีตของภรรยา แต่ทางอดีตภรรยากับตะโกนด่าทอต่อว่า ตนต่างต่างนานา จึงทำให้ตนเกิดบันดาลโทสะ และปรี่ลงเข้าไปทำร้ายร่างกายอดีตภรรยาจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่ง ณ ตอนนั้นด้วยความโมโหตน จึงไม่ได้คิดอะไรว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็น พฤติกรรมที่รุนแรงที่ทำร้ายอดีตภรรยาต่อหน้าลูกสาววัย 7 ขวบ ซึ่งขณะนั้น ลูกสาวตนได้มีอาการผวา และร้องไห้
ในส่วนประเด็นที่อดีตภรรยา อ้างว่า ตนมีการข่มขู่นั้น ตนยอมรับว่า เป็นเรื่องจริงแต่เป็นเหตุการณ์ที่นานมาแล้ว เป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก มันไม่มีอะไรจริง ๆ และอดีตภรรยาก็ไม่ได้ตาย หลังจากนี้หากอดีตภรรยาไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับตน และลูกสาวนั้น ตนก็จะไม่ทำร้ายร่างกายเขาอีก ซึ่งที่ผ่านมาตนมองว่า อดีตภรรยาไม่มีความเป็นแม่แต่อย่างใด ไม่เคยเลี้ยงดูลูกสาวเลยสักครั้ง
ในส่วนของคดีนายวีระ ถูกดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกายและทำให้เสียทรัพย์