จากเหตุการณ์คนร้ายบุกเข้ามาใช้มีดฟันและอาวุธปืนจ่อยิงนายประชันต์ วัย 66 ปี ขณะที่กำลังนอนอยู่ภายในกระท่อมไม่มีเลขที่ ในพื้นที่ หมู่ที่ 1 ตําบลแม่โป่ง อําเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่นั้น
จากนั้นพบว่าผู้ก่อเหตุคือนายไชยา เดนนรกที่เคยก่อเหตุสะเทือนขวัญมาหลายคดี โดยเมื่อปี พ.ศ. 2545 ขณะที่ยังเป็นเยาวชนอายุ 14 ปี ผู้ต้องหาได้ใช้มีดปลายแหลมฆ่าพ่อเลี้ยงของตนเอง และถูกจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว แต่ เนื่องจากเป็นเยาวชนจึงติดคุกเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น หลังจากพ้นโทษได้กลับมาอยู่บ้าน แต่ก็ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ทำตัวเกเร ดื่มสุรา หาเรื่องข่มขู่ทำร้ายชาวบ้านไม่เว้นวัน จนเป็นที่หวาดกลัวของชาวบ้าน
ต่อมาเพียงไม่นาน นายไชยา ก็ได้ก่อเหตุขึ้นอีกครั้งโดยข่มขืนแม่แท้ ๆ ของตัวเองเมื่อ 4 ปีก่อน เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 61 ที่บ้านตลาดขี้เหล็ก อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ (ดำเนินคดีติดคุกเมื่อ 15 มกรา 62 พ้นโทษเมื่อ 15 มกราคม 66) และมีคดีติดตัวอีกสิบกว่าคดี จนกระทั่งมาก่อเหตุซ้ำข้อหาพยายามฆ่าชายชราวัย 66 ปี เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา
หลังออกหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาเพียงสองวันในการติดตามจับกุมตัวนายไชยา โดยตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในพื้นที่บ้านตลาดขี้เหล็ก อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 21.00 น ของวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดยวันนี้ได้มีการนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ จุดเกิดเหตุขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังคุมตัวผู้ต้องหาเดินทางไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ทีมข่าวได้สอบถามว่ามีประเด็นหรือปัญหาอะไรกับผู้บาดเจ็บ โดยนายไชยา ผู้ต้องหา ได้ตอบว่า เรื่องแฟนและเรื่องเงิน
เมื่อเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุผู้ต้องหาได้ให้การต่อเจ้าหน้าที่จุดเกิดเหตุ ว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 กค. ตนได้นั่งดื่มเหล้าอยู่ที่บ้าน (คนเดียว) จากนั้นนายประชัน (ผู้บาดเจ็บ) ได้เดินมาหาตนที่บ้าน จนมีปากเสียงกันเกี่ยวกับเรื่องเงินที่นายประชันได้ยืมตนไปหลายครั้งและไม่ยอมจ่ายคืน ประกอบกับมีเรื่องค้างคาใจ ในช่วงที่ตนอยู่ในคุก ทราบว่านายประชันต์ได้แอบคบหาพูดคุยกับเมียของตน จนเกิดบันดาลโทสะ กลับเข้าไปหยิบปืนและมีดในห้องออกมา ไล่ยิงนายประชันต์ โดยกระสุนปืนถูกตัวนายประชันต์หนึ่งนัดบริเวณด้านหลังจากไหล่ลงมา โดยผู้บาดเจ็บ พยายามพาร่างเดินกลับไปยังบ้านของตนเอง โดยทรุดตัวนั่งอยู่ที่แคร่ไม่ไผ่หน้าบ้าน จากนั้นนายไชยาจึงคว้ามีดที่เตรียมมา ฟันไปที่หัวของนายประชันต์ หนึ่งครั้ง จากนั้นฟันไปที่ลำคอ เมื่อผู้บาดเจ็บยกมือเพื่อป้องกันตัว จึงฟันไปที่มือและนิ้ว โดยขณะที่นายประชันต์พยายามหนีตาย นายไชยา ได้ใช้มีดเล่มดังกล่าวฟันไปที่น่องและต้นขาซ้าย ของผู้บาดเจ็บอีก จากนั้นได้หลบหนีเข้าป่าไป
ประวัติของนายไชยา ต๊ะนา ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุ
ปี 2547
1.มีประวัติคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา(ฆ่าพ่อเลี้ยง)
2.ตอนนั้นอายุเพียง 17 ปีเศษ (ศาลพิพากษาอบรมสถานพินิจ 2 ปี)
ปี 2550
1.คดีผลิตนำเข้าสารระเหย
ปี 2553
1. ผลิตอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต
2. ทำร้ายร่างกายผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส
ปี 2555
ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น
ปี 2558
ข้อหาบุกรุกในเวลากลางคืน
ปี 2560
1. เสพสุราประพฤติวุ่นวาย
2. ทำให้เสียทรัพย์
ปี 2562
1. ข่มขืนกระทำชำเราแม่ของตัวเอง
2. ทำร้ายร่างกายผู้อื่น (จำคุก 15 ม.ค. 62 – 15 ม.ค. 66) รวม 4 ปี
โดยคดีสุดท้ายนี้ นายไชยยาฯ เพิ่งจะพ้นโทษประมาณต้นเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา
ภายหลังจากเสร็จสิ้นการทำแผนทีมข่าวช่อง 8 มีโอกาสได้พบกับนางไพรวัลย์ น้องสาวของผู้ต้องหาอีกครั้ง โดยนางไพรวัลย์ยังคงยืนยันว่าในวันเกิดเหตุ ตนไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เพราะทุกครั้งเมื่อพี่ชายกินเหล้าที่บ้าน ตนจะอุ้มลูกเข้าไปอยู่ในบ้านทันที ทำให้ตนไม่เห็นเหตุการณ์
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องอาวุธมีดและปืนที่ผู้ต้องหาใช้ในการก่อเหตุ นางไพรวัลย์ บอกว่า นายไชยา พี่ชายพกอาวุธมีดจริงเพราะใช้สำหรับหาของป่า เวลาเดินป่า ส่วนปืนตนไม่รู้ว่าเป็นของพี่ชายหรือของใคร ส่วนวันนี้ที่มาทำแผนแล้วหาปืนไม่เจอ ตนไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆทั้งสิ้น วันนี้ขณะตำรวจคุมตัวไปฝากขัง ตนได้เดินไปให้กำลังใจพี่ชายโดยบอกว่า “ตนภูมิใจในตัวพี่ชาย ที่ยอมออกมามอบตัว”
ทีมข่าวถามนางไพรวัลย์ ต่ออีกว่า รู้สึกยังไงที่สุดท้ายแล้ว พี่ชายของตน ก่อเหตุซ้ำอีก และอยากจะขอโทษหรือบอกอะไรกับญาติและผู้บาดเจ็บไหม ด้านนางไพรวัลย์ได้ตอบกับทีมข่าวว่า ตนไม่คาดคิดว่าพี่ชายจะลงมือก่อเหตุซ้ำอีก วันนี้ก็อยากจะขอโทษแทนพี่ชายตนที่ได้ไปลงมือทำร้ายนายประชันต์
ทีมข่าวถามต่อว่าหากพี่ชายพ้นโทษและกลับออกมาอีก ตนมั่นใจแค่ไหนว่าเขาจะไม่ไปทำร้ายใครอีก และวางแผนอนาคตอย่างไรต่อ นางไพรวัลย์ตอบเพียงว่าตอนนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ แต่ก็ยังมั่นใจในตัวพี่ชาย