"พิธา" ปฏิเสธตารางลงพื้นแน่นเพื่อปลุกระดมมวลชนก่อนโหวตนายก13 ก.ค.นี้ แต่รับเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ ยืนยันไม่ลดเพดานแก้ 112 แต่เชื่อส.ว.เข้าใจมากขึ้น บอกยังไม่มีแผนสำรองหากโหวตนายกครั้งแรกไม่ผ่าน แต่จะทำให้ดีที่สุด

นายพิธา  ลิ้มเจริญรัตน์  หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่พบประชาชนที่ลานย่าโม จังหวัดนครราชสีมา ถึงการตั้งข้อสังเกตการลงพื้นที่เดินสายจนยาวถึงวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีว่าเป็นการปลุกมวลชนโดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นการปลุกระดม แต่ยังมีเวลาว่าง และมีหลายพื้นที่ที่ได้ลงไปขอบคุณประชาชนแล้ว ที่นครราชสีมาก็มีการเรียกร้อง วันที่มีการเลือกประธานสภา ส.ส.โคราชก็ถามว่าเมื่อไหร่จะมาโคราช วันนี้ก็เลยถือโอกาสมา หารือกับภาคเอกชน หอการค้าและสภาอุตสาหกรรมโคราช มีหลายเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน เช่น ปัญหาภัยแล้ง

 

เมื่อถามว่าดูจากตารางการลงพื้นที่ยาวไปจนถึง ก่อนวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าปลุกระดมมวลชน  นายพิธา กล่าว ก็คงโดนวิพากษ์วิจารณ์ทุกเรื่อง ซึ่งไม่ได้กังวล เพราะเราก็ทำงานของเราไป

 

ส่วนความมั่นใจว่าจะได้เสียงสนับสนุนจากส.ว. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายพิธา  กล่าวว่ามีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ได้เห็นส.ว.หลายๆท่าน ส่งจดหมายเปิดผนึกออกมาแสดงจุดยืน ซึ่งท่านก็พูดชัดเจนแม้ไม่ได้เอ่ยชื่อตน และชื่อพรรคแต่มองว่าเป็นโอกาสที่จะคืนความปกติให้กับระบบการเมืองไทย และให้โอกาสประเทศไทย ที่ไม่ปกติมานาน ที่มีการล้มล้างทางการเมือง และรัฐประหาร นิติสงคราม มีการยุบพรรค เป็นสิ่งที่ไม่ปกติตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญปี 60 เชื่อว่าส.ส.และส.ว. มีโอกาสที่จะคืนความปกติให้การเมือง โดยเลือกมติของรัฐบาลเสียงข้างมาก 312 เสียงถือเป็น 75% ของ ส.ส.ทั้งหมด เป็นวาระสำคัญของประเทศที่จะบอก ว่าเราจะไปทิศทางไหน

 

ส่วนเงื่อนไขของส.ว.เรื่อง 112 ในฐานะหัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล จะยืนยันเดินหน้าแก้ไขหรือลดเพดานลง เพื่อให้ได้รับเสียงโหวตจากส.ว. นายพิธา กล่าวว่า เป็นเงื่อนไขที่อ่อนลงเรื่อยๆ เมื่อได้รับฟังคำชี้แจง และคำอธิบายถึงเหตุผล ส.ว. หลายท่านจะเริ่มเข้าใจ ว่าเรื่องนี้ไม่ได้อิงกับพรรคการเมืองหรือนโยบายของพรรค แต่เป็นเรื่องหลักการที่จะทำให้ระบบกลับมาปกติ   ที่เหลือก็ต้องใช้สภาซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางความคิด และไม่มีใครผูกขาดนโยบายทางความคิดได้ ขณะเดียวกันก็ยังมีกรรมาธิการเพื่อขับเคลื่อนงานในสภา เมื่ออธิบายให้ส.ว. หลายท่าน ก็มีความเบาใจและเข้าใจมากขึ้น ว่าการอนุรักษ์หรือรักษา คือทำให้เกิดการพัฒนา  เมื่อมีการพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะก็เข้าใจกันมากขึ้น

 

เมื่อถามย้ำว่ายืนยันจะเดินหน้าการแก้ไขมาตรา 112 ตามที่หาเสียงไว้กับประชาชนใช่หรือไม่  นายพิธา กล่าวว่า ”ครับ สัญญากับประชาชนไว้ ยังไงก็ต้องทำ”

 

เมื่อถามว่ามั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถได้รับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีผ่านตั้งแต่ครั้งแรก  นายพิธา  กล่าวว่า คิดว่าพยายามเต็มที่ที่สุด

 

ทั้งนี้หากไม่ผ่านในครั้งแรกคิดว่าจะให้โอกาสตัวเองกี่ครั้ง นายพิธา กล่าวว่า ตรงนี้ ต้องยึดความคิดของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล  ซึ่งเท่าพี่ฟังนายเศรษฐา ทวีสิน  แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย  นายประเสริฐ  จันทรรวงทอง เลขาธิดารพรรคเพื่อไทย   ก็พูดชัดเจนว่าตอนนี้ยังไม่มีแผนสอง  ดังนั้นก็จะโฟกัสเต็มที่ในวันที่ 13 กรกฎาคม  

 

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าต้องได้รับโอกาสอีกหากไม่ผ่านครั้งแรก นายพิธา ระบุว่า “ให้เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ พร้อมยกตัวอย่างประธานสภาสหรัฐที่โหวตมากถึง 15 ครั้ง  แต่ตนไม่ได้บอกว่าจะมากน้อย หรือตัวเลขควรจะเป็นเท่าไหร่ แต่ในมุมมองของตนมองว่าควรจะยึดมติของประชาชนเป็นหลักถ้าประชาชนไม่ถอยผมก็ไม่ถอย”

 

ส่วนกรณีที่นายธนากร  วังบุญคงชนะ  รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติออกมาแสดงความเห็นว่าหากตรวจครั้งแรกไม่ผ่านควรให้ให้โอกาสพรรคอันดับสองเสนอชื่อนายกฯ  ไม่ควรมีการโหวตซ้ำรอบที่สอง  นายพิธา ระบุว่า เป็นเพียงความเห็นของนายธนกรอย่างเดียว ไม่ได้เป็นหลักการหรือ ข้อกฎหมายใดๆ

 

ส่วนหวังหรือไม่ว่าจะได้เสียงจากขั้วรัฐบาลเดิม นายพิธาระบุว่าการโหวตครั้งนี้ไม่ได้โหวตให้ตน เป็นการโหวตเพื่อคืนความปกติในระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น  ไม่ได้คิดว่าเป็นการโหวตของฝ่ายค้านให้ตนแล้วจะเป็นการสนับสนุนตนหรือนโยบายของพรรคซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน แต่เป็นหลักการของระบอบประชาธิปไตยในสภาเสียงข้าง รัฐบาลผสม นี่คือหลักการที่สำคัญ เพราะเฉพาะนั้นสิ่งที่เขาจะให้คือหลักการไม่ใช่ตน

 

เมื่อถามว่าคิดว่าจะต้องโหวตเหลือกี่ครั้งถึงจะเปลี่ยนไปเป็นการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากพรรคอันดับสอง นายพิธาย้ำว่า ยังไม่มีแผนสอง ทำตามแผนแผนแรกที่พรรคร่วมได้พูดคุยกันไว้ก่อน

 

ในช่วงท้ายผู้สื่อขาวได้ถามว่ามาโคราชจะขอพรอะไรจากย่าโม   ขอให้ภัยแล้งไม่หนักมาก เมื่อถามย้ำว่าไม่ได้ขอให้ตนเองเป็นนายกหรือ นายพิธากล่าวว่าไม่หรอกครับต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง  ขอให้โคราชผ่านภัยแล้งและการท่องเที่ยวดีขึ้น