กรณีเมื่อเวลา 21.30น.วันที่ 7 กค.2566 ร.ต.ต.บุญธรรม แก้วรัตน์ รอง สวป.สภ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ทำหน้าที่ร้อยเวร 20 ได้รับแจ้งว่ามีเหตุลูกเมายาบ้าเกิดอาการอาละวาดคลุ้มคลั่งที่ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ร.ต.ต.บุญธรรม จึงนำกำลังตำรวจสายตรวจในปกครองเดินทางไปบ้านที่เกิดเหตุเพื่อระงับเหตุ
เมื่อไปถึงบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ภายในบ้านพบนายรพีพัฒน์ อายุ 28ปี ลูกชายเจ้าของบ้านมีอาการเมายาเสพติดกำลังอาละวาดส่งเสียงดังโวยวายอยู่ในบ้าน ซึ่งเมื่อ ร.ต.ต.บุญธรรมมาถึงได้สั่งวางกำลังตำรวจตามยุทธวิธีเพื่อเข้าระงับเหตุโดยมีอุปกรณ์เป็นไม้ง่ามเตรียมพร้อมเข้าระงับเหตุ ปรากฏว่าขณะที่ ร.ต.ต.บุญธรรม กำลังเจรจาได้พยายามเจรจาเข้าพูดคุยโดยตัวนายรพีพัฒน์ซึ่งกำลังแอบอยู่ในบ้าน ปรากฏว่าทันใดนั้นนายรพีพัฒน์ได้วิ่งออกจากบ้านพุ่งเข้าหา ร.ต.ต.บุญธรรม และใช้มีดเดือยไก่ยาวประมาณ24ซม.แทงเข้าไปที่ลำคอของ ร.ต.ต.บุญธรรม จำนวน1แผลฉกรรจ์ แผลกว้าง2ซม.ยาว2.5ซม.และลึก4ซม.ตัดเส้นเลือดใหญ่ที่ลำคอจนทำให้ ร.ต.ต.บุญธรรม ล้มฟุบจมกองเลือดหมดสติทันที ก่อนที่กำลังตำรวจทั้งหมดจะรุมบุกเข้าชาร์จ จับกุมตัวนายรพีพัฒน์ ไว้ได้ทันควัน พร้อมอาวุธมีดเดือยแก่ยาว24ซม.ของกลางที่ใช้ก่อเหตุและค้นตัวพบยาบ้าจำนวน4เม็ดด้วยนั้น
ด้านนายรพีพัฒน์ ผู้ก่อเหตุ ช่วงเช้าวันนี้ ก็ได้นั่งทานข้าวที่หน้าห้องขัง ในสภาพใบหน้ายังเปื้อนเลือดอยู่ ก่อนให้สัมภาษณ์สั้นๆว่า ตัวเองจำเหตุการณ์ไม่ได้ ตอนนี้ก็ยัง สะลึมสะลืออยู่ ยอมรับว่าทำผิดพลาดไป
ทีมข่าวได้กล้องวงจรปิดที่ล้านของยายผู้ก่อเหตุมาโดยไล่เรียงเหตุการณ์ตามนี้
เวลา 22.34.53 เป็นตอนที่น้าชายของผู้ก่อเหตุ โทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุเนื่องจากผู้ก่อเหตุกำลังคลั่ง ต่อมายายของผู้ก่อเหตุ และญาติพากันวิ่งเข้าบ้าน
เวลา 22.41.26 จับภาพผู้ก่อเหตุ เดินมาที่บ้านของญาติ ซึ่งจับภาพใบหน้าผู้ก่อเหตุได้ชัดเจน
เวลา 22.52.26 จับภาพรถกระของ ร.ต.ต.บุญธรรม และตำรวจชุดระงับเหตุ ขับมาถึงที่เกิดเหตุ
เวลา 22.54.53 จับภาพพ่อ แม่ และญาติคนก่อเหตุ ยืนคุยกัน
22.55.25 ร.ต.ต.บุญธรรม และชุดปฏิบัติงาน เข้าไประงับเหตุ ได้ยินเสียงชุลมุนคาดว่าน่าจะเกิดการแทงช่วงนี้
เวลา 23.00.03 จับภาพญาติของผู้ก่อเหตุ เดินมาบอกยายของผู้ก่อเหตุ ว่าหลานชายแทงตำรวจแล้ว ก่อนที่ เวลา 23.00.25 จะเห็นภาพยายของผู้ก่อเหตุ ทำท่าตกใจ แล้ววิ่งเข้าบ้าน
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายัง วัดร่อนนา อำเภอร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสถานที่เตรียมจัดงานศพของ ร.ต.ต.บุญธรรม แก้วรัตน์ รอง สวป.สภ.ร่อนพิบูลย์ ผู้เสียชีวิต
โดยเวลา 15.00 น. ครอบครัวได้รับศพ ร.ต.ต.บุญธรรม กลับมาถึงที่วัด บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า โดยมีภรรยาและลูกชายทั้ง 2 ของ ร.ต.ต.บุญธรรม ก็ร้องไห้เสียใจ เมื่อเห็นศพของผู้พ่อเคลื่อนมาถึงวัด
ทีมข่าวได้พูดคุยนางกับจรวยพร อายุ 51 ภรรยาผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวานนี้หลังเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งข่าวว่าสามีไปปฏิบัติหน้าที่แล้วถูกคนร้ายแทงได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตอนนั้นตัวเองก็ไม่คิดว่าสามีจะสาหัส จนกระทั่งเสียชีวิตแบบนี้
ภรรยาผู้เสียชีวิตบอกกับทีมข่าวว่า สามีตัวเองเป็นตำรวจที่ชอบปฏิบัติหน้าที่ในการระงับเหตุแบบนี้อยู่แล้ว และเป็นที่รัก ที่รู้จักกับชาวบ้านแทบทุกคน และสาทีก็จริงตังกับการทำงาน โดยเฉพาะการระงับเหตุคนคลั่ง สามีเป็นมือปราบอันดับ 1 ของ สภ.ร่อนพิบูลย์ก็ว่าได้ เมื่อคืนนี้คาดว่าสามีไปปฏิบัติหน้าที่แบบไม่ทันตั้งตัว กระทั่งถูกคนร้ายบุกเข้ามาแทง
โดยก่อนจะเกิดเหตุ สามีก็โทรศัพท์มาหาตัวเอง บอกให้อุ่นอาหารไว้ให้เขาด้วย เดี๋ยวเขาจะกลับมาทาน แต่สามียังไม่ทันได้ทาน ก็มาเกิดเหตุเสียก่อน
โดยหลังจากนี้ นายนนทพัทธ์ อายุ 19 ลูกชายคนโตของตัวเอง ก็จะเข้ารับราชการเป็นตำรวจ สานฝันต่อจากพ่อที่เสียชีวิตไป ซึ่งลูกชายก็เต็มใจที่จะรับราชการตำรวจ
สามีชอบพูดเสมอว่า “พี่ช่วยเหลือประชาชนได้หมด ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร อยู่พื้นที่ไหน” ซึ่งก็เป็นคำพูดที่สามียึดมั่นมาตลอด ตัวเองก็เคยพูดกับสามีว่า “อย่าทุ่มเทให้มันมากเกิน กลัวอันตรายบ้าง” เพราะทุกครั้งเวลาที่มีเหตุแบบนี้ สามีจะอยู่แถวหน้า ใกล้ชิดคนร้ายตลอด
และที่ผ่านมาสามีก็ได้รับรางวัลตำรวจดีเด่นมาตลอด
วันนี้ตัวเองก็ได้บอกกับศพสามีว่า “ขอให้พี่ไปสู่สุขคติ ไม่ต้องเป็นห่วงเมียและลูก ตัวเองจะไม่ปล่อยให้ลูกลำบากแน่นอน
โดยนายนนทพัทธ์ แก้วรัตน์ อายุ 19 ปี ลูกชายคนโตของผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาพ่อจะสอนตัวเองให้เป็นคนดี ให้รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น รวมถึงสอนเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน
ตัวเองประทับใจในตัวพ่อมาก เพราะพ่อเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่น พ่อเป็นคนดี เป็นแบบอย่างที่ดีให้ตัวเอง ทำให้ที่ผ่านมาตัวเองจะได้ยินชาวบ้านมาเล่าความดีของพ่อให้ฟังเสมอ
น้องนนทพัทธ์ บอกกับทีมข่าวต่อว่า หลังจากนี้ ตัวเองจะเข้ารับหน้าที่เป็นตำรวจเพื่อสานต่อความฝันต่อจากพ่อ และวันที่ตัวเองได้เป็นตำรวจจริงๆ ตัวเองอยากจะบอกพ่อว่า “ผมสานต่อหน้าที่ให้แล้วนะพ่อ ผมดีใจมากที่ได้เกิดเป็นลูกพ่อ”
วันนี้ 8 กรกฎาคม 2566 ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านของผู้ก่อเหตุ ได้พูดคุยกับนางหนูพัน อายุ 82 ปี ยายของนายรพีพัฒน์ ผู้ก่อเหตุ คุณยายได้พาเข้าห้องผู้ก่อเหตุ และได้ไปเจอกับสมุดโน้ตได้เขียนข้อความเอาไว้ว่า
“และได้พูดว่ามึงเป็นอะไรมึงพูดไม่รู้เรื่องหรือไง ผมก็ตอบไปว่า เปล่าพี่ ผมเวียนหัวครับ เดินไม่ค่อยไหว ทีนี้เขาตีหัวผมล้มลงไป ผมลุกขึ้นได้ ก็โดนตีกับเหล็กเข้าที่หัวจนเลือดไหล ผมก็ได้วิ่งไปหลังร้าน”
“และได้หยิบมีดออกมาแทงไป 1 ครั้ง และมีคนเข้ามาทุบตรงผมอีก ผมก็ได้แทงไปอีกคน 1 ครั้งทีนี้พวกเขาก็เข้ามาตะลุมบอนผมเฃยแทงไปอีกด้วยที่โมโหที่ผมได้วิ่งออดมาได้ จึงได้ขึ้นรถแท็กซี่...ไปจากที่นั่น”
ต่อมาคุณยายได้ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 22.00 น. นายรพีพัฒน์ หลานชายตัวเองได้มีอาการคลั่ง จะทำร้ายพ่อแม่ และน้องสาว ทำให้ทั้ง 3 คน วิ่งมาหลบที่บ้านของตัวเอง ซึ่งอยู่ข้างๆกัน จากนั้นจึงมีการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้มายังที่เกิดเหตุ จนตำรวจชุดของ ร.ต.ต.บุญธรรม ผู้เสียชีวิต มาถึงที่เกิดเหตุ แล้ว ร.ต.ต.บุญธรรม ก็เดินเข้าไปที่ประตูหน้าบ้าน
นางหนูพัน เล่าทั้งน้ำตาว่า หลังจากนั้นก็เห็นหลานชายยืนแอบอยู่หลังประตู แล้วเอามีดเดือยเข้ามาแทงที่ลำคอด้านขวาของ ร.ต.ต.บุญธรรม จน ร.ต.ต.บุญธรรม ล้มลงที่หน้าบ้าน จากนั้นตำรวจที่เหลือก็เข้ามาควบคุมตัวหลานชายไปที่โรงพัก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวตำรวจที่เสียชีวิต ปกติแล้วหลานชายตัวเองก็นิสัยดี ไม่ได้คลั่งแบบเมื่อคืนนี้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับพ่อของผู้ก่อเหตุ พ่อของผู้ก่อเหตุ บอกกับทีมข่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ลูกชายได้ได้เกิดอาการคลั่ง จนตัวเอง ภรรยาและน้องสาวของผู้ก่อเหตุ ต้องวิ่งไปขอความช่วยเหลือ ที่บ้านของยาย กระทั่งโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาระงับเหตุ ซึ่งพอตำรวจมาถึง
ร.ต.ต.บุญธรรม ก็ได้เดินมาระงับเหตุที่หน้าประตู โดยมามือเปล่า จึงโดนลูกชายที่ยืนอยู่หลังประตู เข้ามาแทงคอจนเสียชีวิต
เหตุที่เกิดขึ้น ตัวเองรู้สึกเสียใจและอยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตแทนลูกชายด้วย คาดว่าลูกชายน่าจะอารมณ์ชั่ววูบ ที่ผ่านมาลูกชายก็ปกติดีไม่เคยมีอาการคลั่งหรือหลอนแต่อย่างใด ส่วนเรื่องเสพยา ตัวเองก็ไม่รู้มาก่อน เพราะไม่ค่อยได้สังเกตลูก