สามีวัย 77 รีบบึ่งรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ ล่วงหน้ารถพยาบาลที่พาภรรยาส่งตัวผ่าตัด แต่ไปไม่ถึงถูกรถพ่วงเหยียบดับสลดคาสี่แยก
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 9 กรกฎาคม 2566 ร.ต.อ.ณัฐพล ขวัญเซ่ง ร้อยเวร สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้รับแจ้งจากตำรวจจราจว่า มีอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วงเหยียบคนตาย ที่บริเวณแยกสัญญาณไฟสี่แยกเดชาติวงศ์ ฝั่งขาล่อง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย และแพทย์เวรโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ พบศพนายเดช อายุ 77 ปี ชาว อ.เมืองนครสวรรค์ เสียชีวิตอยู่ในสภาพสยดสยอง เพราะร่างกายตั้งแต่ช่วงบนจนถึงช่วงล่าง อยู่ในสภาพถูกของหนักทับจนแหลกเหลวไปหมด
ที่เกิดเหตุมีรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ล้มคว่ำอยู่ข้างศพ ส่วนคู่กรณีพบว่า เป็นรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ มีนายวราเทพ อายุ 33 ปี ชาวเมืองลพบุรี เป็นคนขับ จึงได้ยึดรถพ่วงไว้ตรวจสอบ พร้อมกับนำตัวมาสอบปากคำยังโรงพัก
เบื้องต้น ทราบว่า นายเดช ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักในพื้นที่ ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เพื่อติดตามภรรยา ที่ก่อนหน้านี้ภรรยาถูกนำตัวขึ้นรถของโรงพยาบาล นำไปส่งยังโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ (เขาเขียว) เพื่อไปรับการผ่าตัดนิ่ว ซึ่งใช้เส้นทางถนนหลวงขับขี่จากบ้าน และนำรถของโรงพยาบาลล่วงหน้ามาก่อน เพื่อไปรอติดตามภรรยาด้วยใจเป็นห่วง แต่เมื่อมาจอดติดไฟแดงอยู่ที่บริเวณแยกเดชาติวงศ์ โดยจอดอยู่ที่บริเวณด้านหน้าข้างรถพ่วงของคู่กรณี กระทั่งเมื่อปล่อยสัญญาณไฟเขียว ปรากฏว่า เจ้าตัวยังไม่ทันได้ออกรถ ก็ถูกล้อด้านข้างฝั่งซายของรถบรรทุกพ่วงคู่กรณีเหยียบทับ จนเสียชีวิตอย่างสยดสยอง
จากการสอบถามนายวราเทพ คนขับรถบรรทุกพ่วง ให้การว่า ขับรถเดินทางมาคนเดียว และเพิ่งจะเดินทางไปส่งสินค้าที่ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ก่อนจะตีรถเปล่าเดินทางกับไปยังกรุงเทพฯ เพื่อเตรียมรับสินค้าไปส่งต่อ แต่เมื่อรถมาจอดติดไฟแดงแยกเดชาติวงศ์เป็นคันที่ 3 ของขบวน ก็ไม่ทราบว่า มีรถจักรยานยนต์ของผู้ตายขี่มาจอดอยู่ที่ด้านหน้าข้างซอยของรถตอนไหน เพราะมองไม่เห็น มุมนั้นมันอับสายตามาก ซึ่งพอถึงเวลาจังหวะที่ไฟเขียวให้รถเคลื่อนตัว ตนก็ขับออกไปตามปกติ โดยเกียร์แรกไม่มีอะไร แต่เมื่อรถเขยื้อนตัวออกไปได้ 2 เกียร์ ก็ต้องตกใจ เมื่อล้อช่วงกลางรถ มันสะดุดแล้วรถกระเด้งดังฮึ่ม เหมือนไปเหยียบกับอะไรบางอย่าง จึงได้รีบจอดรถแล้วออกมาดู ก็ต้องตกใจหนักเข้าไปอีก เมื่อพบว่า มีศพคนตายคาล้อรถพ่วง
ด้านนายกฤษฎา อายุ 49 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนได้เหมารถของโรงพยายาบาล เพื่อให้นำตัวแม่ส่งไปผ่าตัดรักษาอาการนิ่ว ยังโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ โดยให้พ่อขับขี่รถจักรยานยนต์นำหน้ารถพยาบาลมาก่อน แต่กลายเป็นว่า แม่เดินทางไปถึงโรงพยาบาล ส่วนพ่อต้องมาประสบอุบัติเหตุถูกรถพ่วงทับจนเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ ทำให้ตนเสียใจมาก
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ของนายวราเทพ คนขับรถบรรทุกพ่วง พบว่า ปริมาณเป็นศูนย์ จึงเตรียมไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด ในบริเวณแยกที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดให้แน่ชัดว่าฝ่ายใดขับขี่โดยประมาท ส่วนทางฝั่งของคนขับรถพ่วง พบว่า มีพ่อของคนขับรถได้เดินทางตามมายังโรงพัก เพื่อสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมกับเข้าไปกล่าวขอโทษกับลูกชายของผู้เสียชีวิตแล้ว