จากกรณีครอบครัว นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค อายุ 62 ปี ชาวเยอรมัน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่หายออกจากบ้าน พบเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 4 ก.ค.66 เวลา12.41 น.
ขณะที่ส่วนของคดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า น่าจะเป็นสัญญาณอันตราย เชื่อว่ารอยคราบที่อยู่ในรถ น่าจะเป็นความพยายามในการทำลายดีเอ็นเอ และวันนี้ได้เชิญเพื่อนของนายฮันส์ปีเตอร์มาสอบปากคำ แต่ไม่ยอมให้การใดๆทั้งสิ้น โดยจะให้คุยกับทนายเท่านั้น ส่วนปมน่าจะเป็นเรื่องหักกันเรื่องที่ดินสนามมวย
"ชาวเยอรมันที่หายตัวไปยังไม่พบร่องรอย และพบตัวนกต่อ และผู้ที่โอนเงินไปให้พบตัวแล้ว ดดยกำลังไล่หาความเชื่อมโยง เพื่อหาตัวชายเยอรมันให้พบ ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตก็ตาม" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
โดยในวันนี้ ตำรวจเชิญตัวนายโอลาฟ และนายริโก้ เข้าให้ปากคำ พร้อมทั้งขู่หากนำหน้าไปออกข่าว จะฟ้องให้หมด
ทีมข่าวช่อง8 ได้วงจรปิดพบว่านายโอลาฟไปคุยธุรกิจกับนายฮันส์ ก่อนที่จะไปเจอมาดามเพทา ไปที่ค่ายมวยของนายฮันส์ปีเตอร์ โดยพบว่ามีรถของนายฮันส์ขับเข้ามาจอดด้วย
โดยวงจรปิด 4 ก.ค. เมื่อเวลา 09.29น. จับภาพรถของนายโอลาฟ ขับมาที่สนามมวยของฮันส์
และเมื่อ 09.39 น. พบรถของเพื่อนชาวต่างชาติของนายฮันส์ ขับเข้ามาอีก
โดยเมื่อ 10.36 น. รถของโฟล์คของนายฮันส์ ขับตามหลังรถของเพื่อน เข้ามาในสนามมวยที่เซ้งกิจการและเปิดเอาไว้
และช่วงเวลาเกือบเที่ยง พบมีรถฟอร์ดสีเทาซึ่งเป็นรถเพื่อนขับออกมา ขับไปส่งนายฮันส์เพื่อไปเอารถเบนซ์ เพื่อไปพบมาดามเพทาที่ร้านกาแฟหลังจากนี้
ทีมข่าวช่อง8 ได้สอบถามคุณชบา ชาวบ้านในพื้นที่ เป็นคนทำงานในค่ายมวยของนายฮันส์ โดยบอกว่า สนามมวยแห่งนี้เปลี่ยนเจ้าของมาแล้วหลายครั้ง จนมาถึงฮันส์ แต่ช่วงหลังๆ ไปต่อไม่ได้ จึงมีการประกาศขาย โดยมีการเอารถมาขนข้าวของออกไป
ส่วนคนที่เกี่ยวสนามมวย โดยเฉพาะรถที่มีการขับเข้าออก เป็นรถของนายโอลาฟ ซึ่งนายโอลาฟเป็นคนสนิทของนายฮันส์ ขับเข้ามารอที่สนามมวย โดยมีการพูดคุยกัน ก่อนจะเปลี่ยนรถออกไป
ทีมข่าวช่อง8 ลงพื้นที่ไปที่สนามมวย โดยนายฮันส์ซื้อกิจการมาบริหาร และเดิมทีเปิดเป็นพูลวิลล่าแล้วเปลี่ยนมาเป็นสนามมวย
โดยทีมข่าวพบกับ นายเนย (นามสมมติ) ชาวบ้านติดกับสนามมวย เปิดใจว่า สนามมวยดังกล่าวมีการเปลี่ยนมือมาแล้วหลายครั้ง เปลี่ยนเจ้าของมาแล้วหลายคน แต่เจ้าของคนล่าสุดคือฮันส์ปีเตอร์ ซึ่งเจ้าตัวเข้ามาซื้อและบริหารงาน เปิดเป็นวิลล่า และเปิดเป็นสนามมวย
ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ช่วงสาย เจ้าตัวยังได้เดินทางมาดูแลที่วิลล่าและสนามมวย โดยมีการขับรถสีดำคันใหญ่ ซึ่งไม่ใช่รถเบนซ์คันที่ร้านกาแฟ โดยเข้ามาดูที่วิลล่า ช่วงสาย จากนั้นก็ไม่ได้มีการทักทายพูดคุยกับตนเอง ซึ่งโดยปกติก็จะยิ้มทักทายพูดคุยกันตามปกติแบบนี้เป็นประจำ จากนั้นก็เข้าใจว่าน่าจะกลับไปเปลี่ยนรถที่บ้าน เพื่อที่จะใช้รถเบนซ์ออกไปนัดเจอแพทา นายหน้าขายที่ เพราะฮันส์ปีเตอร์ ได้มีการประกาศขายและหาเจ้าของคนใหม่มาซักระยะแล้ว
สำหรับการบริหารงาน และการเปิดวิลล่ารวมถึงสนามมวย ตนเองก็เห็นว่ามีการบริหารงานเพียงคนเดียว จึงเชื่อว่าคงไม่มีปัญหาทางธุรกิจกับใครเนื่องจากไม่ได้มีหุ้นส่วน แล้วโดยปกติก็ไม่เคยเห็นทะเลาะกับใคร และก่อนที่จะหายไป วันที่ 2 กค. ก็มีการจัดปาร์ตี้กลุ่มใหญ่ซึ่งมีเพื่อนชาวต่างชาติมาร่วมงาน และกลุ่มที่มาส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มที่ขับช็อปเปอร์หรือรถมีราคาเข้ามาร่วมสังสรรค์ในวันนั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อทีมข่าวเอาภาพของนายโอลาฟ และนายริโก้ รวมทั้งนางสาวแพทา ให้นายเนยดู เจ้าตัวยืนยันว่าไม่เคยเห็นบุคคลเหล่านี้เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่แน่ใจว่า ทุกครั้งที่มาอาจจะขับรถผ่านเข้าไป ไม่ได้มาโผล่ตัวให้เห็นเป็นไปได้หรือไม่ เพราะกลุ่มที่ขับช็อปเปอร์ส่วนใหญ่เวลามาก็จะใส่หมวกกันน็อคเต็มใบหรือไม่ก็ใส่ผ้าโพกใบหน้า , แต่สิ่งที่ผิดปกติ คือ หลังวันที่4 ก.ค. ช่วงเย็น มีรถสีดำคันใหญ่ เป็นลักษณะรถครอบครัว ซึ่งมีผู้หญิง2คน เข้ามาจอดที่บริเวณรั้ว และลงมาดูสนามมวย แต่ไม่ได้เข้าไปภายใน ตนเองก็ไม่รู้จักเพราะเนื่องจากไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน จึงไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องอะไรกับการหายตัวไปหรือไม่