ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้ส่งหนังสือด่วนไปยัง กกต. เพื่อคัดค้านการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยกรณีหุ่นสื่อของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดขั้นตอนที่ระเบียบ กกต. ระบุไว้เอง มีความเร่งรัดเกินกว่าเหตุ จน่าสงสัยในเจตนาของ กกต. ว่ากระทำโดยความเป็นกลางหรือไม่
ชัยธวัชอธิบายว่า ตามระเบียบของ กกต. เมื่อมีการร้องเรียนผู้สมัครคนใดเกี่ยวกับการกระทำหรือการขาดคุณสมบัติ คณะกรมการต้องไต่สวน สืบสวน รวบรวมข้อเท็จจริง จากนั้นให้แจ้งข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ รวมถึงข้อกฎหมายทีเกี่ยวข้องให้ผู้ถูกร้องทราบ และให้ผู้ถูกร้องเข้าไปชี้แจง จากนั้นจึงดำเนินการต่อไปในการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
แต่ในกรณีนี้ เมื่อมีการไต่สวนรวบรวมข้อเท็จจริงแล้ว ยังไม่มีการแจ้งข้อเท็จจริงให้พิธาทราบ และยังไม่มีการเรียกเจ้าตัวไปชี้แจงด้วย แต่กลับจะมีการเร่งรัดส่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเท่ากับ กกต. กำลังทำผิดระเบียบของตนเองอยู่
“ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ อีกเพียง 4 วัน ก็จะถึงการโหวตนายกรัฐมนตรี การที่จู่ๆ กกต. จะเร่งรัด ทำข้ามขั้นตอน ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยทันที อาจทำให้สังคมตั้งคำถามได้ว่าองค์กรอิสระทำหน้าที่อย่างไม่เป็นกลาง มีเป้าประสงค์ทางการเมืองหรือไม่ ผมเชื่อว่าประชาชนเฝ้ารอการโหวตนายกรัฐมนตรีกันทั้งประเทศ จึงไม่ควรมีการกระทำใดๆ ที่จะขัดขวางการตั้งรัฐบาลตามครรลองประชาธิปไตย” ชัยธวัชกล่าว
นอกจากนี้มีรายงานว่า กลุ่มมวลชนทั้งสิ้น 14 กลุ่ม จะมีการรวมตัวกันเพื่อมาแสดงเจตจำนงบริเวณลานหน้ารัฐสภา เพื่อให้ที่ประชุมรัฐสภาสนับสนุน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกล นัดหมายมวลชนมาให้กำลังนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ ที่หน้ารัฐสภาในวันที่ 13 ก.ค.นี้นั้น นายวันมูหะมัดนอร์ ระบุว่า เบื้องต้นได้มีการหารือร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่สภา และตำรวจ เพื่อวางแผน และเตรียมการอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยแก่มวลชนที่จะเดินทางมาในวันดังกล่าว
ขณะที่ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล แกนนำพรรคก้าวไกล เปิดเผยกับรายการ ลุยชนข่าว ว่า วันที่ 13 ก.ค.ไม่ได้เป็นแกนนำ โดยวันนี้ได้ประชุมกับประธานสภาฯ วันนี้ได้เตรียมพื้นที่บริเวณถนนทหารรองรับประชาชนได้ 4,000 คน ไม่รวมพื้นที่บนถนน นอกจากนี้ยังเตรียมจอแอลอีดีขนาดใหญ่ไว้ให้ประชาชนติดตามด้านนอก