นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศวางมือทางการเมือง ว่าตนทราบข่าวมาโดยตลอดเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมท่านก็วางมือทางการเมือง แต่ก็ยังให้กำลังใจพวกตนอยู่ ส่วนตัวตนเข้าใจว่าประชาชนอาจจะใจหาย เมื่อดูจากตามข่าวต่างๆ และประชาชนที่ฝากให้กำลังใจนายก ที่มองว่านายกคงต้องทำงานให้กับประเทศชาติต่อไป
เพราะฉะนั้นวันนี้ตนคิดว่าพลเอกประยุทธ์ก็ได้ทำตามในสิ่งที่ท่านได้คิดแล้ว และตลอดระยะเวลา 8-9 ปี ที่ผ่านมา เชื่อว่าพลเอกประยุทธ์ได้สร้างคุณงามความดี สร้างคุณูปการให้กับประเทศมากมาย หากมองด้วยใจที่เป็นธรรมและเป็นกลาง พลเอกประยุทธ์ได้วางรากฐานให้กับประเทศในทุกด้าน วันนี้จึงต้องขอบคุณพลเอกประยุทธ์ที่ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อประชาชนและประเทศชาติ และสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยทุกคนมาโดยตลอด วันนี้ตนคิดว่าท่านเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง
แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะฝากไปยังผู้เห็นต่างทางการเมือง ซึ่งความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ คือเมื่อคนคนหนึ่งได้ประกาศยุติบทบาททางการเมืองแล้ว ตนคิดว่าพรรคการเมืองต่างๆไม่ควรไปด้อยค่า หรือใช้วาจา วาทกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อพลเอกประยุทธ์ ในทางการเมืองเราเห็นต่างกันได้ แต่การกระทำของบุคคลที่เป็นตัวแทนของประชาชน บางอย่างไม่ควรทำ เรื่องการเมืองหากยุติบทบาทก็ควรที่จะจบ เราไม่ได้เห็นต่างในความรู้สึกส่วนตัว ทุกคนทำเพื่อประเทศชาติทั้งนั้น
ตนคิดว่าหลายคนเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ควรที่จะออกมาโจมตีพลเอกประยุทธ์อีก ควรมอง ด้วยใจเป็นธรรมและแฟร์ๆ วันนี้ท่านยุตติบทบาทแต่ความดียังคุ้มครองท่านอยู่ ไม่มีความจำเป็นที่จะออกมาพูดจาไม่เหมาะสม เราเป็นผู้ใหญ่แล้วจะทำอะไรก็ควรคิดก่อน อย่าทำไปด้วยจิตอกุศล
ส่วนการลาออกของพลเอกประยุทธ์จะเป็นปัจจัยที่ทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติไปร่วมกับพรรคการเมืองอื่น เพื่อผลักดันคนอื่นเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายธนกรกล่าวว่าเรื่องการเมืองเป็นไปได้หลายทาง แต่การลาออกของพลเอกประยุทธ์ไม่เกี่ยวกับรวมไทยสร้างชาติ เพราะการจะทำอะไรต้องเป็นมติพรรค และการเลือกนายกรัฐมนตรี พรรคมีจุดยืนที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่เห็นด้วยกับแคนดิเดตของพรรคก้าวไกล เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนใจพวกตนได้ทุกอย่างเป็นไปตามมติพรรค
นายธนกรยังระบุอีกว่าการลาออกของพลเอกประยุทธ์ ไม่ใช่การส่งสัญญาณอะไรทางการเมืองเพราะตลอดเวลาพลเอกประยุทธ์ได้คุยกับพวกตน ท่านไม่อยากเป็นคู่ขัดแย้ง บางครั้งท่านคิดว่าหลายอย่างไปกระทบพรรค ท่านเป็นสุภาพบุรุษทางการเมืองจึงตัดสินใจลาออก
ขณะที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางกลับจากเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต่างประเทศ ว่า เมื่อคืนนี้ได้พูดคุยกับคุณพ่อ ว่า เรื่องของการกลับประเทศไทย ได้บวกลบจากเวลาที่เคยประกาศไปไม่เยอะมาก ซึ่งก่อนหน้านี้คุณพ่อ ก็เคยให้สัมภาษณ์ ว่า แม้จะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่คนก็มองว่าเป็นการเมือง ดังนั้น คุณพ่อไม่ได้อยากกลับมา เพื่อทำให้เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ถ้ากลับมาแล้วช่วยแก้ปัญหาก็จะดีกว่า ไม่ใช่กลับมาในช่วงการเมืองยังไม่นิ่ง ไม่สงบ แล้วจะทำให้เกิดความวุ่นวาย คุณพ่อก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ส่วนตัวคิดว่า คงไม่ใช่เปลี่ยนวันกลับเป็นเมื่อเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ อาจจะบวกลบไม่เยอะ
นางสาวแพทองธาร ยังยืนยัน คุณพ่อจะกลับมา แต่ถ้าไม่ใช่เดือนกรกฎาคม ก็คิดว่าอาจจะห่างออกไปไม่มากนัก ต้องดูก่อนว่าจะจบแบบไหน พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรต้องดูอีกที ส่วนจะต้องกลับมาเมื่อตั้งรัฐบาลเรียบร้อยหรือไม่นั้น คุณพ่อไม่ได้พูดว่าตั้งรัฐบาลก่อนแล้วกลับมา ไม่ได้มีโจทย์นั้น เพียงแต่ให้สถานการณ์นิ่งกว่านี้ จะได้ไม่เป็นตัวกระตุ้นทางการเมือง พร้อมย้ำว่า ปัจจัยหลักในการกลับมาขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเมือง เพราะการกลับมาของคุณพ่อต้องประเด็นอยู่แล้ว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่อยากทำให้เกิดความวุ่นวาย คุณพ่อห่วงประเทศในเรื่องนี้ อยากทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีเอกสารหลุดของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ถึงแผนรักษาความปลอดภัย กรณีมีผู้ต้องหาตามหมายจำคุกเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยเครื่องบินโดยสาร ว่า ก็เป็นธรรมดา เพราะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประกาศเองว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยช่วงวันคล้ายวันเกิดวันที่ 26 ก.ค.นี้ แต่ขณะนี้ใกล้ถึงวันเกิดก็ยังไม่ได้ข่าวคืบหน้า ซึ่งหากเดินทางกลับมาเมื่อไหร่ เขาก็คงติดต่อมาและจะได้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอน ก็เป็นเรื่องธรรมดาซึ่งการเดินทางกลับมาก็เกี่ยวพันกับตำรวจ กรมราชทัณฑ์ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องเตรียมการในส่วนของเขา
เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าการข่าวมีความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ท่านเป็นคนพูดเอง ถ้าท่านไม่พูดก็คงไม่มีอะไรต้องทำ ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่มีการขยับหรือเคลื่อนไหวอะไร ตนในฐานะรักษาการรมว.ยุติธรรมก็ต้องได้รับรายงาน ซึ่งจากที่ตนได้สอบถามก็ยังไม่มีรายงานว่าจะกลับหรือไม่เมื่อไหร่ เพราะที่บอกว่าจะกลับท่านเป็นคนพูดเอง ว่าจะกลับก่อนวันเกิด แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ซึ่งก็ไม่ทราบอาจจะกลับก่อนหรือหลังก็ได้
เมื่อถามอีกว่าโดยหลักการแล้วหากนายทักษิณจะเดินทางกลับจะต้องมีการประสานตรงจุดไหนอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ขอไม่ตอบตรงนี้ เพราะมันไม่ดีกับตัวนายทักษิณและรัฐบาล ซึ่งหากนายทักษิณกลับมาก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการ และตัวนายทักษิณเองก็ทราบว่าจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
ขณะที่ นายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงผลการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีมติเอกฉันท์ ให้ความเห็นชอบ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ เป็นนายกรัฐมนตรี ในการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรจะได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนรีของประเทศไทย ในวันที่ 13 ก.ค. 2566
นอกจากนี้ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวถึงกรณีกกต.ส่งเรื่องการถือหุ้นของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จะมีผลต่อการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้หรือไม่นั้น ว่า ในขั้นตอนของการเสนอชื่อไม่เป็นปัญหา โดยขั้นตอนการโหวตนายกรัฐมนตรียังดำเนินต่อไปตามที่ประธานรัฐสภานัดหมายไว้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ขั้นตอนการเสนอชื่อ ขั้นตอนการอภิปราย ขั้นตอนการซักถาม ยังคงเป็นไปตามที่กำหนดไว้
ส่วนหากวันพรุ่งนี้นายพิธาผ่านการโหวตจะมีเรื่องการร้องเรียนตามมาภายหลังหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน ระบุว่า ไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะเป็นกระบวนการในเรื่องของข้อกฎหมาย และเราก็ยังไม่สามารถคาดการได้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร จึงต้องรอดูข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้น
ส่วนคำร้องเรื่องการให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า เป็นคำร้องตามปกติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ ม.82 เมื่อมีการให้วินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติก็สามารถร้องขอให้ศาลวินิจฉัยโดยขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ขณะรอฟังคำวินิจฉัยได้
ส่วนขณะนี้ทางพรรคเพื่อไทยได้ให้ฝ่ายกฎหมายวิเคราะห์กรณีที่ ส.ว.ให้ความเห็นบ้างหรือยังถึงประเด็นรู้ว่าขาดคุณสมบัติอาจบานปลายถึงขั้นเสี่ยงยุบพรรค นายแพทย์ชลน่าน ระบุว่า พรรคเพื่อไทยได้มีการปรึกษาหารือ ไม่ถึงขั้นวิเคราะห์ เพราะสิ่งที่ส.ว.ออกมาระบุเป็นเพียงการตั้งข้อสันนิษฐานของส.ว.เพียงบางคน ซึ่งได้ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้ว ก็มั่นใจว่าการกระทำชอบด้วยกฎหมาย