ภายหลังจากที่กกต. ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปมพิธาถือครองหุ้นไอทีวี โดยทางพรรคก้าวไกล เคลื่อนไหวประกาศเชิญชวน ก้าวไกลเชิญทุกคนร่วมทำภารกิจด่วน พฤหัสสีส้ม ส่งพิธาเป็นนายก วันที่ 13 กรกฎาคม 2566
พลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชากาตำรวจนครบาล หรือ ผบช.น. และพลตำรวจตรีโชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น.ดูแลงานมั่นคง ลงนามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล เรื่องการห้ามชุมนุมสาธารณะ ในรัศมีไม่เกิน 50 เมตรรอบรัฐสภา ตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ เนื่องด้วยในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 รัฐสภากำหนดให้มีการประชุม เพื่อพิจารณาลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี และจะมีการชุมนุมเพื่อเรียกร้องทางการเมืองของกลุ่มต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก อันจะส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้น เพื่อประโยชน์แห่งการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน รวมถึงเพื่อให้การบริหารการจัดการการชุมนุมสาธารณะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
จึงประกาศห้ามชุมนุมสาธารณะในรัศมีไม่เกิน 50 เมตร รอบรัฐสภา ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2566 เวลา 06.00 น. ถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2566 เวลา 24.00 น.
นอกจากนั้น สถานีตำรวจนครบาลบางโพ หรือ สน.บางโพ ยังได้ออกประกาศปิด และปรับเส้นทางการจราจร เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกของประชาชนในการดูแลการชุมนุม จึงห้ามรถทุกชนิด เดินรถ หยุดรถ หรือจอดรถบนถนนสามเสน ตั้งแต่แยกเกียกกาย ถึงถนนสามเสน บริเวณทางเข้า-ออกบริษัทบุญรอดฯ ประตู 3 และให้มีการวางอุปกรณ์กีดขวางตามความจำเป็น ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม เวลา 00.00 น. จนถึงวันที่ 14 กรกฎาคม เวลา 06.00 น. หรือจนกว่าการชุมนุมจะเสร็จสิ้น
ขณะเดียวกันมีการซักซ้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสภาฯ เรื่องของการตรวจตราการเข้าออกภายในอาคารรัฐสภา จะอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่มีบัตร ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
อานนท์เขียนอานนท์ นำภา ทนายอาสาฯและแกนนำด้อมส้ม เขียนด้วยลายมือโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดีย เนื้อหาในข้อความเชิญชวนของอานนท์ นำภา ระบุว่า การต่อสู้ปลายทางไม้รู้ว่าแพ้ หรือชนะ แต่การถูกหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ครั้งแล้ว ครั้งเล่า เป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้ การตอบโต้ต่ออำนาจที่คอยทำลายประชาธิปไตย มีความจำเป็นต้องก่อเกิด ไม่ว่าบทสรุป จะเป็นอย่างไร ให้ทุกคนรู้ว่า การต่อสู้ได้เริ่มต้นแล้ว วันนี้ 18.00 น. เจอกันหน้าหอศิลปีกทม. พร้อมกระดาษและปากกา ส่งข้อความถึง กกต. และส.ว.
ส่วนบรรยากาศที่สกายวอร์ก หน้าหอศิลป์ มีการนัดรวมตัวกัน
โดยคุณสิกิตตรี เกิดมงคล ผู้สื่อข่าวช่อง8 รายงานบรรยากาศงสดเข้ามา โดยระบุว่า ถือว่าแกนนำรุ่นใหม่มารวมตัวจำนวนมากในวันนี้ โดยมีแกนนำสำคัญคือ นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และแกนนำกลุ่มราษฎร ที่มานำรวมตัวแกนนำรุ่นใหม่ ชี้เป็นเพื่อการแสดงเจตนารมย์ในวันนี้ สำหรับการเดินต่อแผนพรุ่งนี้ที่นัดรวมตัวกลุ่มชุมนุมหน้ารัฐสภา มีคนรุ่นใหม่หลายคนมาร่วม ทั้งนางสาวธนพร วิจันทร์ หรือไหม นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิแรงงาน , นายวิญญู วงศ์สุรวัฒน์ หรือ “จอห์น วิญญู” นักจัดรายการชื่อดัง
กิจกรรมแรกคือการแสดงปราศรัยของนางสาวธนพร วิจันทร์ หรือไหม นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิแรงงาน ชี้พรุ่งนี้เป็นการชุมนุมเพื่อไปฟังและให้กำลังใจเพื่อรอผลโหวตเท่านั้นยืนยันไม่ก่อความวุ่นวาย และชุมนุมอย่างสงบ โดยจะขอรอฟังผลการโหวตนายกรัฐมนตรีพรุ่งนี้ก่อน หากไม่เป็นตามคาดหวัง อาจยกระดับการชุมนุมต่อไป โดยขอร้องให้สว.มาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ระบุต้องเป็นนายพิธา แต่ทางกลุ่มชุมนุมจะจับตามองว่าสว.แต่ละท่านโหวตเสียงให้ใคร
และกิจกรรมที่สอง นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และแกนนำกลุ่มราษฎร แกนนำหลัก เปิดแนวทางการชุมนุมพรุ่งนี้ ย้ำจุดยืน 2 อย่าง 1.ไม่มีการปิดกั้นการเข้าออกทางรัฐสภา หากสว.ไม่โหวตนายพิธาจะไม่มีการขวางสว.เข้าออกรัฐสภาเด็ดขาด ถึงแม้จะถูกบางฝ่ายขัดขวางประชาธิปไตยมาตลอด 2.ยืนยันจะแสดงออกต่อสู้ประชาธิปไตยอย่างสันติ โดยเปิดโอกาสให้ส.ส.และส.ว.แสดงออกทางโหวตนายกรัฐมนตรี ว่าจะเห็นด้วยกับกลุ่มชุมนุมหรือไม่ โดยจะเริ่มชุมนุมหน้ารัฐสภาตั้งแต่ช่วง 15.00 น. วันพรุ่งนี้
นอกจากนั้นยังมีแกนนำเยาวชนรุ่นใหม่อื่นที่มาแสดงความคิดเห็นอื่น ซึ่งส่วนใหญ่ไม่วางใจที่พลเอกประยุทธ์ออกมาประกาศวางมือทางการเมือง รอจับตามองทุกย่างก้าว พร้อมทั้งมีกิจกรรมที่สามเปิดให้ทุกคนที่ร่วมชุมนุมวันนี้โหวตใส่กระดาษ ตั้งคำถามโหวต ส.ว.ควรโหวตเลือกนายกตามเสียงตัวเองหรือเสียงประชาชน ยืนยันอำนาจยังเป็นของประชาชน
วันนี้ (12 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเคลื่อนไหวของประชาชนกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ก่อนที่จะถึงวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) หลายกลุ่มได้มีการเตรียมจัดกิจกรรมติดตามการโหวตนายกรัฐมนตรีคู่ขนานกับพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างคึกคักโดยเฉพาะกลุ่มต้อมสู้ม ในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา ได้มีการนัต3กันไปรวมกลุ่มรอลุ้นกัน 2 จุด ได้แก่ ที่ร้านคลาสคาเฟ หน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนาร และที่ศูนย์ประสานงานพรรคก้าวไกล ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารพาณิชย์ ข้างวัดหนองจะบก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
โดย พ.ต.วินัย สายต่างใจ อายุ 61 ปี แกนนำกลุ่มต้อมส้ม อ.เมืองนครราชสีมา เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค .) ซึ่งเป็นวันประชุมสภาเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นวันสำคัญ ชี้ซะตาการเมืองไทยว่าจะไปทิศทางไหน ตนเชื่อว่าชาวโคราชทุกคน จะนั่งติดจอโทรทัศน์ชมการถ่ายทอดสดการโหวตนายกรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด
ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีพรุ่งนี้ จะผ่านไปด้วยดี และจะจบลงในครั้งเดียว ได้นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แน่นอน 100% เพราะมั่นใจว่าส.ว.ส่วนใหญ่ ท่านมีวุฒิภาวะ และมีความเห็นชอบตามมติเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน เพื่อให้การเมืองไทยเดินหน้าไปได้ตามระบอบประซาธิปไตยปกติ ส่วน ส.ว.คนที่ออกมาพูดว่าไม่โหวตให้นายพิธาฯ มีเพียงไมกี่คนเท่านั้น ซึ่งหากผลออกมาเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้บ้านเมืองไม่เกิดความวุ่นวาย พร้อมกับขอฝากถึงนายพิธาฯ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทยว่า เมื่อได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ขอให้ทำตามคำมั่นสัญญาที่เคยหาเสียงไว้กับประชาชนด้วยเพราะครั้งนี้ถือว่าเป็นความหวังเดียวที่ประชาชนอยากเห็นประเทศไทย มีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้
คุณมัตติกา คละจิตร ผู้สื่อข่าวช่อง8 รายงานบรรยากาศที่ลานย่าโม จ.นครราชสีมา โดยระบุว่า บรรยากาศที่ลานย่าโม จ.นครราชสีมา ประชาชนจำนวนหนึ่ง ออกมาแสดงจุดยืน ไม่พอใจ หลัง กกต.มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล กรณีมีชื่อถือครองหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัดมหาชน และได้มีการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
ขณะที่บรรยากาศที่ลานย่าโม ตอนนี้จะว่ามีชาวโคราช จำนวนหนึ่ง ออกมาแสดงจุดยืน ไม่พอใจ หลังกกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย หุ้นไอทีวี ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมกับเผย ที่ออกมาเรียกร้องในครั้ง แค่อยากเห็นประเทศหน้าเท่านั้น
การออกมาแสดงจุดยืนในครั้งนี้ ผลพวงจากการที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ตีความคุณสมบัติ สส. ของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล ก่อนโหวตนายกฯ เพียง 1 วัน ก็ทำให้หลายจังหวัด ออกมาแสดงจุดยืนเรียกร้องประชาธิปไตย
อย่างเช่นที่คุณผู้ชมเห็นตอนนี้ คือ กลุ่มคนโคราชที่อยากเห็นโคราชพัฒนา ได้ออกมาชุมชนแสดงจุดยืน ไม่พอใจ หลังกกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย หุ้นไอทีวี ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมกับเผยว่า การออกมาชุมนุมแสดงจุดยืนในครั้งนี้ เป็นเพียงการเรียกร้องประชาธิปไตยในฐานะประชาชนคนไทยที่อยากเห็นประเทศชาติเดินหน้า อยากเห็นบ้านเมืองพัฒนาก็เท่านั้น
และบางส่วนที่ออกมา ก็เพื่อต้องการให้กำลัง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ด้วย พร้อมกับเรียกร้องให้ กกต. หรือ ส.ว. มองอนาคตของเยาวชนรุ่นใหม่ และอนาคตของประเทศชาติเป็นหลัก อีกทั้งยังมองว่าเรื่องนี้ พิธา ไม่ได้รับความเป็นธรรม แม้จะเป็น ส.ส.มา 1 สมัยแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่เคยถูกตรวจสอบ แต่พอได้รับเลือกให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล กลับมีการตรวจสอบที่ไม่เป็นธรรม
นอกจากนี้กลุ่มคนโคราชที่อยากเห็นโคราชพัฒนา ยังบอกอีกว่า หาก พิธา ถูกตัดสิทธิ์การเป็นนายกรัฐมนตรี เชื่อว่า ต้องมีการรวมตัวกันชุมนุมครั้งใหญ่แน่นอน
ส่วนเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านตั้งแต่ที่มีการนัดชุมนุมเพื่อแสดงจุดยืน จนถึงขณะนี้ก็ยังคงมีประชาชนทยอยออกมารวมตัวกันบางส่วน เพื่อแสดงจุดยืนและกำลังใจพิธา ส่วนประชาชนที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมด้วย บางคนก็ขับรถแวะเวียนมาส่งกำลังใจ พร้อมกับโบกมือทักทายให้กำลังใจผู้ชุมนุมกันอย่างคึกคัก ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยบ้างบางส่วน ซึ่งก็ไม่ได้มีเหตุการณ์บานปลายหรือเหตุการณ์กระทบกระทั่งกับฝั่งไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด
ขณะที่จ.อุบลราชธานี มีการขึ้นป้ายบนสะพานลอย หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และมีการขึ้นป้ายอีกในหลายจุด