สภาฯคว่ำ พิธา ไม่ผ่านโหวตนายกฯ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงมติว่า ยอมรับผลการลงมติที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่ามีการกดดัน ส.ว. และมี ส.ว. ไม่มาประชุมราว 40 คน ทำให้การลงคะแนนไม่ตรงตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณ ส.ว. ทั้ง 13 คนที่กล้าหาญและลงมติตามที่เคยสัญญากับประชาชน โดยตนยืนยันว่ายังไม่ยอมแพ้ จะใช้เวลาหลังจากนี้หายุทธศาสตร์เพื่อรวบรวมเสียง มุ่งหน้าสู่การลงมติครั้งที่ 2 ซึ่งขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภาว่าจะกำหนดเป็นวันใด
เมื่อถูกถามว่า ยังมีความมั่นใจในการจับมือกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ พิธากล่าวว่า "ผลโหวตบอกอย่างนั้น เรายังทำงานด้วยความเชื่อใจซึ่งกันและกันกับพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล"
เมื่อถูกถามว่า ในรอบหน้าพรรคก้าวไกลต้องยอมถอยนโยบายแก้ไข ม.112 หรือไม่ หรือจะปรับอย่างไรเพื่อหารือกับ ส.ว. พิธายืนยันว่ายังเหมือนเดิม เราได้สัญญากับประชาชนไว้อย่างไร เราก็ทำอย่างนั้น วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ได้มีโอกาสอธิบายชี้แจงเรื่องนี้ในสภาฯ ว่าสิ่งที่เราพยายามนำเสนอนั้น มีเป้าหมายเดียวกันกับวุฒิสภาหรือ ส.ส. หลายคน เพียงแต่อาจประเมินต่างกัน หรือเข้าใจคลาดเคลื่อน ถ้ามีเวลาจะทำความเข้าใจเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ ต้องขอบคุณ ส.ว. ทั้ง 13 คนที่กล้าหาญและลงมติตามที่เคยสัญญากับประชาชน
ส.ว. แจงสาเหตุโหวตให้ "พิธา" เป็นนายกฯ
ภายหลังการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนายพีระศักดิ์ พอจิต ส.ว. ให้สัมภาษณ์ว่า ตนโหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และได้ทำหน้าที่ในสมาชิกรัฐสภาโดยใช้ดุลยพินิจที่ไม่มีใครมาแทรกแซง คิดถึงหลักการ และศรัทธาที่ประชาชนมีต่อระบบ ให้ความสำคัญกับนายพิธาไป เพราะตนผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้งค่อนข้างเคารพเสียงประชาชน และฟังเสียงประชาชนมาหลายระดับ อยากให้ประเทศไทยเราเดินไปตามระบบไว้ก่อน
ด้านพลตํารวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เปิดเผยภายหลังการโหวตนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพียงคนเดียว ว่า ตนเองงดออกเสียง โดยไม่ขอให้เหตุผล พร้อมมองว่า นายพิธา ก็เป็นคนดี เพราะถ้าไม่ดี ประชาชนไม่เลือกเข้ามา แต่ความคิดเห็นทางการเมืองอาจจะไม่ตรงกัน ยืนยันว่าไม่มีใครแกล้งใครทั้งนั้น ส่วนจะมีการโหวตครั้งที่ 2 แล้วเสนอชื่อ นายพิธา อีกหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ
13 ส.ว. โหวตเลือกพิธาเป็นนายกฯ
ในการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี มีสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) เพียงแค่ 13 คนที่ลงคะแนนเห็นชอบให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย 1.ศ.เกียรติคุณ นพ.ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ 2.พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา 3.เฉลา พวงมาลัย 4.ซากีย์ พิทักษ์ชุมพล 5.พ.ต.ท.ณัฏฐวัฒก์ รอดบางยาง 6.พีระศักดิ์ พอจิต 7.พิศาล มาณวพัฒน์ 8.มณเฑียร บุญตัน 9.วันชัย สอนศิริ 10.วุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ 11.สุรเดช จิรัฐิติเจริญ12.อำพล จินดาวัฒนะ 13.ประภาศรี สุฉันทบุตร
ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุผลโหวตการเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า วันนี้เป็นไปตามคาดการณ์ หลังจากนี้ต้องรอดูว่าประธานรัฐสภาจะเรียกประชุมวันไหน และยืนยันพรรครวมไทยสร้างชาติจะไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืน จะไม่โหวตให้กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี และจะไม่เสนอชื่อแข่งเพราะเป็นพรรคการเมืองขนาดเล็ก และทั้งหมดเป็นไปตามที่หัวหน้าพรรคเคยระบุไว้ หากพรรคก้าวไกลยังคงยืนยันที่จะแก้ไขมาตรา 112 ไม่ลดเพดานลง
มวลชนยุติชุมนุม ไม่ยอมแพ้นัดรวมใหม่พรุ่งนี้
บรรยากาศที่ศูนย์ราชการเกียกกายตอนนี้ ยุติการรวมมวลชนวันนี้แล้วแต่แกนนำประกาศเดินหน้าผลัดดันนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ โดยรวมพลพรุ่งนี้ 18.00 น. ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ
นายธัชพงศ์ แกดำ หนึ่งในแกนนำ เผยว่า ส่วนตัวไม่เสียใจที่วันนี้นายพิธาแพ้การโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี ย้ำจุดยืนกลุ่มชุมนุมเดินหน้าต่อเพื่อประจานนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ ไม่สิ้นใจ เพราะยังเหลือนัดหน้าที่ทั้งสส.และส.ว. จะต้องโหวตนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เชื่อนายพิธาจะต้องได้เป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทยคนที่30
กลุ่มมวลชนหวิดปะทะก่อนลงมติโหวตนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ได้เกิดชุลมุนขึ้นที่บริเวณศูนย์ราชการเกียกกาย เหตุเกิดจากความเครียดที่ ส.ว อภิปรายไม่ไว้วางใจนายพิธา จนทำให้มีการเตะกรวยและปาป้ายทิ้ง มวลชนที่เห็นเหตุการณ์จึงได้เข้าไปทำร้ายร่างกายและมีประชาชนคอยกันออกให้
พ่อปารีณา โผล่รัฐสภาเชียร์ พิธา นั่งนายกฯ
ช่วง 14.00 น.วันนี้นายทวี ไกรคุปต์ อดีตรัฐมนตรีและอดีตส.ส.ราชบุรี และพ่อของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีตส.ส.ราชบุรี เดินทางมายังจุดชุมนมของมวลชนบริเวณฝั่งศูนย์ราชการเกียกกายเพื่อมาเชียร์นายพิธา เผย ตนออกจากบ้านตั้งเเต่ตี 4 เพื่อมาเป็นกำลังใจให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่ได้ปรึกษาลูกสาวก่อนออกมาจากบ้านเนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัวที่จะชื่นชอบพรรคการเมืองใด
ส่วนตัวชอบนายพิธาเพราะนายพิธาคือคนรุ่นใหม่ที่มีนโยบายมุ่งเน้นพัฒนาประเทศชาติ ซึ่งหลังได้รับเสียงสวรรค์จากประชาชนโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีขั้นตอนในการทำ MOU กับพรรคอื่นเพื่อร่วมเป็นรัฐบาล ซึ่งตนไม่เคยเห็นพรรคไหนที่เป็นรัฐบาลมีนโยบายทำแบบนี้ ยืนยันพรรคที่ชนะการเลือกตั้งอันดับ 1 คือพรรคก้าวไกล ที่สำคัญคือคะแนนที่พรรคก้าวไกลได้ มาจากเสียงประชาชน
สังคมตื่นตัวเฝ้าเกาะข่าวโหวตเลือกนายกฯ
วันนี้ที่ศาลาเดิม มหาวิทยาลัยขอนแก่น กลุ่มดาวดิน กลุ่มราษฏรขอนแก่นและกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีการจัดกิจกรรมเรียงตัวอักษรภาษาอังกฤษคำว่า R I P ( REST IN PEACE พักผ่อนให้สงบ) ก่อนที่จะมีการยืนตรงเพื่อแสดงความไว้อาลัยประกอบกับเพลงธรณีกันแสง เพื่อแสดงออกถึฃความล้มเหลวและไว้อาลัยกับคะแนนเสียงที่ไม่เห็นด้วย
ไม่ผิดโผ ชลน่านเสนอพิธาชิงนายกฯ
ขณะที่วันนี้ในนเวลา 10.00 น. นายแพทย์ชนน่านศรีแก้วหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นผู้มีคุณสมบัติไม่มีคุณสมบัติต้องห้าม ตามมาตรา 160
ปรากฎว่า มีผู้แสดงตนรับรองการเสนอชื่อ นายพิธา ทั้งสิ้น 302 คน ก่อน ประธานรัฐสภา จะเปิดโอกาสให้ ผู้ที่ต้องการเสนอชื่อ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติม แต่ไม่มีผู้เสนอชื่อ จึงมีชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เพียงคนเดียว และเข้าวาระการอภิปรายของสมาชิก
ภูมิใจไทยเตือนพิธาอย่าระเริงเสนอยิงคนหมิ่นสถาบัน
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นอภิปรายเป็นคนแรก ในนามของพรรคภูมิใจไทย และได้ย้ำจุดยืนของพรรคที่ไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองที่มีจุดยืนแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และหากพรรคก้าวไกลร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ พรรคภูมิใจไทยพร้อมเป็นฝ่ายค้าน และขอทราบว่าจุดยืนของพรรคร่วมรัฐบาลอีก 7 พรรคเป็นอย่างไร
นายชาดา ย้ำว่า การที่ นายพิธา อ้าง 14 ล้านเสียง แต่ตนเชื่อว่าจำนวนประชาชนไม่ได้เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 ทั้งหมด และที่สำคัญคือ นายพิธา ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่นายกฯ เพียงของพรรคใดพรรคหนึ่ง อย่าหลงระเริงกับ 14 ล้านเสียง เพราะเป็นเพียง 20% ของทั้งหมด พร้อมย้ำว่า เจตนาของพรรคก้าวไกลไม่ใช่เพียงการแก้ไข แต่คือการยกเลิกมาตรา 112
ก่อนทิ้งท้าย ว่า “ผมอาจจะขอเขาออกกฎหมายใหม่ ยิงคนที่หมิ่นสถาบันฯ แล้วไม่ติดคุก ดีไหม มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว วันนี้เราอยู่ได้ด้วยสถาบันกษัตริย์ปกปักษ์รักษาเรามา อย่าให้ผมไปคิดเลยว่า ก้าวไกล อนาคตใหม่ เกิดมาเพื่อล้มล้างหรือเปล่า วันนี้ท่านยืนเด่นชนทุกคนที่ขวาง นี่ไม่ใช่บุคลิกของคนบริหารประเทศ” นายชาดา กล่าว
พิธา ลุงโต้ ชาดา อึ้งคิดสั่งยิงคนหมิ่นสถาบัน
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นใช้สิทธิชี้แจงว่า ตนก็กำลังพัฒนาอยู่เช่นกัน คือพยามยามให้ตนเป็นคนที่ฟังมากกว่าพูด และต้องเป็นรักษาคำพูด เหมือนสโลแกนของพรรคภูมิใจไทยว่า “พูดแล้วทำ” ที่สำคัญผู้นำต้องเป็นผู้นำที่อดทนอดกลั้นต่อข้อกล่าวหา ไม่ว่าจะจริงหรือไม่
“และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการมีคนพูดว่าใครหมิ่นสถาบันกษัตริย์ ให้เอาปืนยิงเลย ผมไม่แน่ใจว่า คนที่สูญเสียไปโดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิงเมื่อหลายปีก่อน 99 ศพ ที่ราชประสงค์ และย้อนหลังไปถึง 6 ตุลา 14 ตุลา เขาจะรู้สึกอย่างไรเมื่อมีคนอภิปรายในสภาอย่างนี้ เป็นสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วย”