ปมประเด็นร้อนการเมือง จับตาการโหวตนายกรัฐมนตรี ที่รัฐสภา ปรากฏว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ฝ่าด่านส.ว.ไม่ได้

จากนั้นได้มีการประกาศให้ส.ว. ส.ส. ทยอยออกจากรัฐสภา โดยปรากฏภาพของ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ที่เดินทางออกมาจากฝั่งวุฒิสภาเป็นคนแรก ทันทีที่เห็นทีมข่าวช่อง8 ที่ดักรออยู่ก็แสดงท่าทีตกใจ ก่อนจะโบกมือให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมารับ และให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขี่จักรยานยนต์ ไปส่งที่รถยนต์ส่วนตัว บริเวณอาคารจอดรถ โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด

นอกจากนี้ก็ยังมีส.ว. อีกหลายคนที่หนีสื่อมวลชนออกมาทางประตูด้านข้างโดยให้รถยนต์ส่วนตัวมารอรับที่ประตู ซึ่งก็ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกเช่นเดียวกัน


ขณะที่ฝั่งเสียงข้างน้อย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยไม่เห็นชอบ

ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยงดออกเสียง

ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนา ก็งดออกเสียง

ด้านน.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย บอกว่า แต่ละฝ่ายมีธงในใจอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีการอภิปราย ก็ไม่เปลี่ยนแปลงคำตอบเดิมที่มีอยู่ในใจ และกรณีการอภิปรายในวันนี้ ที่พรรคส่วนใหญ่ มีการพูดถึง ม.112 แล้วเป็นข้ออ้างที่จะไม่เลือกโหวตนายกรัฐมนตรี คือ นายพิธา นั้น ส่วนตัวมองว่า ตอนนี้อยู่ในประเด็นเรื่องของการโหวตผู้ที่จะมาทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ และตำแหน่งบริหาร แต่อย่าลืมว่าถ้าหากการจะเปลี่ยนแปลงกฎหมาย โดยเฉพาะมาตรา 112 คืออำนาจและหน้าที่ของนิติบัญญัติ ฉะนั้นจึงอยากให้แยกประเด็น ว่าอะไรควรที่จะโฟกัส หรืออะไรควรที่จะมองถึงประเทศ ไม่ใช่นำมารวมกันทั้งหมด เพราะตอนนี้กำลังหาคนทำหน้าที่ตำแหน่งบริหารอยู่

แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีประชาชนกว่า39ล้านคน ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ต้องไปจบที่ระบบของรัฐสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรีกันเอง และยังมีปัญหาเรื่องของกฎหมายที่มีการระบุนำเอาสว. เข้ามาร่วมในการโหวต จึงทำให้เป็นกระบวนการที่จะต้องทำให้การลงมติมีจำนวนกึ่งหนึ่งที่สูงขึ้น จากเดิมที่สส.เลือกกันเอง แต่วันนี้เมื่อถูกระบุไว้แบบนั้น ก็จะต้องทำให้ตัวเลขกึ่งหนึ่งสูงขึ้น , และการที่ สว.บางคน เลี่ยงแรงกดดันทางสังคม แล้วอ้างตัวเองว่าจะมีการปิดสวิตช์ตัวเอง โดยการ”งดออกเสียง” ส่วนตัวมองว่าการปิดสวิตช์คือการลาออกเหมือนส.ว. สุภาพสตรี ท่านหนึ่ง หรือการไปร่วมกันแก้กฎหมายก่อนที่จะมีการเลือกนายก โดยตัดส.ว.ออก ไม่ให้มีสิทธิ์ในการเลือก นั่นคือประเด็นที่เรียกว่าเป็นการปิดสวิตช์โดยแท้จริง แต่การที่งดออกเสียงจึงไม่ใช่การปิดสวิตช์ เพราะอย่าลืมว่า การงดออกเสียงจะทำให้การโหวตมีจำนวนตัวเลขไม่ถึง และที่สำคัญอย่าลืมว่าทุกวันนี้กฎหมายเขียนเอาไว้ กลายเป็นว่า ส.ว. คือคนเปิดประตูเพื่อที่จะเลือกคนเข้าสู่สภา ตราบใดที่มีการเสนอชื่อ ไม่ว่าจะกี่ครั้ง แล้ว ส.ว. ไม่เห็นด้วย ก็จะกลายเป็นการเลือกครั้งที่ 1 , 2 , และ3 ซึ่งก็ต้องเสนอไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้นจนกว่าสว.จะพอใจ

ขณะเดียวกันท่าที ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการทำบุญเปิดอาคารสำนักงานแห่งใหม่ สำนักงบประมาณ ถนนพหลโยธิน

โดยหลังเสร็จพิธีพลเอกประยุทธ์ ได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับคณะผู้บริหาร ได้เดินเข้าไปหานักเรียนวงโยธวาทิต เพื่อถ่ายรูปร่วมกันอย่างเป็นกันเอง โดยมานายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับเด็ก ๆ ว่า  "เชื่อฟังคุณครู รักพ่อแม่ให้มากๆนะ" ก่อนที่จะเดินเข้ามาไปภายในอาคาร

ระหว่างพักประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง บนสำนักงาน พลเอกประยุทธ์ได้รับชมการอภิปราย ก่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยก่อนเดินทางกลับ ได้รับมอบดอกไม้ให้กำลังใจจากข้าราชการ สำนักงบประมาณ และนำดอกกุหลาบขึ้นรถ กลับบ้านไปด้วย ซึ่งข้าราชการบางราย ถึงกับขอกอดนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีก็ให้กอดและร่วมถ่ายรูปกันอย่างเป็นกันเอง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีมีอะไรจะพูดหลังจากประกาศวางมือทางการเมืองหรือไม่ พลเแกประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่มีอะไร ก็ประกาศไปแล้วก็คือประกาศไปแล้ว ตามนั้นเลยจ้ะ" ส่วนจะวางแผนใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างไรนั้นพลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีแผน

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะวางแผนไปพักผ่อนที่ไหนพลเอกประยุทธ์ ถามกลับว่า ไปพักผ่อนที่ไหนอีก เดี๋ยวค่อยบอกอีกทีจะไปพักผ่อนไหน เมื่อถามว่าจะพักทางการเมืองจริงหรือไม่ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ตอนนั้นแหละก็พูดไปแล้วล่ะจ้ะ

ส่วนจะไม่อยู่เบื้องหลังการเมืองต่อใช่หรือไม่ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยอยู่เบื้องหลังใครทั้งสิ้นส่วนห่วงหรือไม่การชุมนุมกดดันนอกสภาฯในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เขาดูแลอยู่แล้วแหละ ขณะนี้ยังไม่มีรายงานอะไรที่เป็นปัญหา อย่าเอาเราไปยุ่งเลย

เมื่อถามว่าวันนี้ จะสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวแล้วไง ก็ลาออกไปแล้วไง

เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่าแต่ท่านยังเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการอยู่ พลเอกประยุทธ์ ได้แต่เพียงยิ้มเท่านั้น

ส่วนจะมีการแถลงประกาศวางมือทางการเมืองอย่างเป็นทางการหรือไม่ พลเอกประยุทธ์ ระบุว่า ไม่มีแล้ว และตนไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกับผู้สื่อข่าวแล้ว

และเมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า นายกรัฐมนตรีจะแถลงขอบคุณประชาชนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ขอบคุณไปแล้ว ก่อนที่จะเดินทางกลับในทันที


ขณะที่ผศ.ดร.ธนพร ศรียากูล นักวิชาการ ที่มาร่วมรายการสภาชี้ชะตาเลือกนายก บอกว่า นี่คือการออกแขก ให้จับตาอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าเสนอชื่อนายพิธาเพียงคนเดียว ก็จะมีปัญหา คือวันนี้มติสภาเสนอชื่อนายพิธาได้รอบเดียวครั้งเดียว ก็จะม้วนเดียวจบก็จะตกไป

นอกจากนี้ ผศ.ดร.ธนพร ยังกล่าวถึงระเบิดลูกที่2 ต้องจับตาดี ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยไม่ใช่แค่เรื่องถือหุ้นมีเรื่องมาตรา 112 ที่ร้องว่าทางก้าวไกล เป็นผู้ล้มล้างสถาบันและระเบิดลูกที่ 2 ถ้าศาลบอกว่าล้มล้างไปยังกฎหมายอีกหลายฉบับ รวมทั้งอาจจะมีการแจ้งข้อหากำหนดด้วย ซึ่งระเบิดลูกที่ 2 อาจจะนำไปสู่การยุบพรรคก้าวไกลกรรมการบริหารพรรคและ 150 คน อาจจะต้องคดี

เตือนระเบิดลูก 2 ถล่มก้าวไกลสูญพันธุ์หมด แต่ประยุทธ์ชิลๆ วางมือสบายใจ