"ปิยบุตร" โต้นอกสภาฯแจงยิบ 3 ประเด็น ปม "ชาดา-วิทยา-สมชาย" อภิปราย ยกแก้ ม.112 กระทบสถาบันฯ เป็นข้ออ้างไม่โหวต "พิธา" เป็นนายกฯ
วันที่ 14 ก.ค. 2566 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ไลฟ์เฟซบุ๊ก ออกอภิปรายนอกรัฐสภา ที่สมาชิกรัฐสภา นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส. พรรคภูมิใจไทย นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส. พรรครวมไทยสร้างชาติ และ สมาชิกวุฒิสภา นายสมชาย แสวงการ หลังอภิปรายยกเหตุการณ์แก้มาตรา 112 มาเป็นเหตุผลไม่โหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ชี้การโหวตนายกรัฐมนตรีเป็นคนละเรื่องกับการแก้มาตรา 112 ที่สำคัญเรื่องดังกล่าวไม่ได้อยู่ใน MOU 8 พรรค และ 151 ส.ส.ก้าวไกล จะดำเนินการในฐานะพรรคการเมืองที่เสนอเอง
ย้ำวันนี้ประเทศไทยปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข แต่การประชุมรัฐสภา 13 ก.ค. นี้ กังวลใจสมาชิกรัฐสภานำวิธีคิดระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาอภิปรายอ้างเหตุผล และทำให้สังคมเข้าใจผิด
พร้อมโต้ 3 ประเด็น 1.มีการอภิปรายยกมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ จะละเมิดองค์พระมหากษัตริย์ไม่ได้ ที่นายคำนูณสิทธิสมาน อภิปรายอ้างว่าเป็นผลกระทบจากการแก้มาตรา 112 โดยชี้ว่าองค์พระมหากษัตริย์ เป็นประมุขของรัฐ ไม่ได้หมายถึงเนื้อเดียวกับรัฐ โดยหัวใจหลักเขียนไว้เพื่อยกให้พระมหากษัตริย์มีความเป็นกลางทางการเมืองไม่มีพระราชอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินโดยแท้ แต่ให้รัฐมนตรีรับผิดชอบ ดังนั้นพระมหากษัตริย์จึงไม่ถูกดำเนินคดีฟ้องร้อง
"ขออย่ามาอภิปราย ชักแม่น้ำทั้ง5 แต่ละสายออกมาเพื่อชี้นำประชาชนให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองแบบนี้ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกต้องไม่พอ เชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีแรงต้านทานที่สูงพอ และรู้ดีว่าจะต้องโดนข้อหาเหล่านี้ไปตลอดแต่ก็ยืนยันว่าไม่ใช่ เค้าต้องการดำรงสถาบันให้สอดคล้องกับยุคสมัย แต่มาอภิปรายสถาบันตอนเลือกนายกรัฐมนตรีทำไม"
พร้อมย้อนถามนายวรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดีที่อ้างเหตุผลการตั้งพรรคเพื่อปกป้องสถาบันฯ แต่โจมตีพรรคก้าวไกลล้มล้างสถาบันฯ แต่สุดท้ายก้าวไกลได้ 14 ล้านเสียงแต่พรรคไทยภักดีได้ไม่กี่แสนเสียง ย้ำการรักษาสถาบันขอการเมืองอย่าใช้วิธีการเช่นนี้
2.ประเด็นเรื่องการลงสัตยาบันธรรมนูญกรุงโรม หรือ ICC ซึ่งอภิปรายว่านับจนถึงปัจจุบันหลังจากศาลอาญาระหว่างประเทศเปิดมา 21 ปี ยังไม่มีพระมหากษัตริย์ของประเทศสมาชิกถูกฟ้องร้องดำเนินคดี และ หลักการไม่ก็ 27 ของสัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมระบุไว้ว่า ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี นายพลทหาร นักการเมือง ที่เข่นฆ่าประชาชนหรือทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ แล้วมีการนิรโทษกรรมให้กับตัวเองด้วยการออกกฎหมาย จะไม่สามารถกระทำได้
"จะต้องถูกดำเนินคดีโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ และไม่เกี่ยวข้องกับประมุขของแต่ละรัฐ เนื่องจากพระมหากษัตริย์ไม่ได้ใช้อำนาจในทางบริหารแต่เพียงผู้เดียวแต่คนที่ใช้อำนาจคือนายกรัฐมนตรี จึงไม่มีทางที่พระมหากษัตริย์จะถูกดำเนินคดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ" รศ.ปิยบุตรกล่าว
และ 3.หากสมาชิกรัฐสภาจะไม่ชอบนายพิธาและพรรคก้าวไกล ไม่อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาล ขออย่าใช้ประเด็นสถาบันฯและการแก้มาตรา 112 มาอ้างไม่โหวตให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อรักษาสถาบันฯเพื่อความเป็นกลางทางการเมือง ขอให้การเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย และหากไม่เห็นด้วยจริงๆ ก็สามารถที่จะไปโหวตคว่ำได้ในขั้นตอนการพิจารณาของรัฐสภาได้
พร้อมกันนี้นายปิยบุตรยัง แนะนำหนังสือที่ตัวเองเขียน 2 เล่ม เรื่อง "เปิดประตูปฏิรูปสถาบันกษัตริย์" และ "เมื่อช้างในห้อง ถูกเปิดเผย" หากประชาชนสนใจและต้องการความเข้าใจที่ถูกต้อง หลักการสำคัญที่ถูกต้องของระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในประเทศไทย