ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องขอความเป็นธรรม จากแม่วัย 36 ปี ชาวอุดรธานี กรณีนำลูกสาววัย 3 เดือน ไปฝากเลี้ยงที่เนอสเซอรี่แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร แม่ไปทำงาน เพียงแค่วันเดียว ได้รับแจ้งว่าจากเจ้าของเนอสเซอรี่ว่าลูกสำลักนม ทำให้หยุดหายใจ ทั้งที่ยังถ่ายคลิปส่งให้ดูเป็นระยะ จึงตัดสินใจนำศพลูกมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด แต่ตัดสินใจจะเก็บร่างลูกสาวไว้ยังไม่ฌาปนกิจ เพื่อกลับไปแจ้งความดำเนินคดีกับเนอสเซอรี่ และจนกว่าจะพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เพื่อให้คลายความสงสัย

เวลา 12.00 น. วันที่ 14 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบ น.ส.ปอ อายุ 36 ปี พบว่าญาติพี่น้องและชาวบ้านกำลังช่วยกันจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพ น้องปาลิน อายุ 3 เดือน 8 วัน น.ส.ปอ เล่าต่อไปว่า น้องปาลินเป็นเด็กน่ารัก เลี้ยงง่าย แข็งแรง ไม่งอแง ใกล้ครบวันลาคลอด 3 เดือน เพื่อนร่วมงานได้แนะนำให้ตนนำน้องปาลินไปฝากเลี้ยงที่เนอสเซอรี่แห่งหนึ่งใกล้กับบริษัทที่ตนทำงาน รับดูแลตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงก่อนเข้าอนุบาล เพราะมีเพื่อนร่วมงานนำลูกไปฝากเลี้ยงมา 3 คนแล้ว วันที่ 8 กรกฎาคม ตนจึงได้สมัครให้ลูกไปอยู่ที่เนอสเซอรี่ดังกล่าว วันที่ 10 กรกฎาคม ตนนำลูกไปรายงานตัวกับครูเอ (นามสมมติ) เจ้าของเนอสเซอรี่ พบว่ามีครูเอ รับดูแลเด็ก 6 คน รวมกับน้องปาลินเป็น 7 คน ไม่มีผู้ช่วย ตนจ่ายเงินค่าดูแลเดือนละ 3,500 บาท

น.ส.ปอ เล่าต่อไปอีกว่า เช้าวันที่ 11 กรกฎาคม ตนได้นำลูกไปฝากเลี้ยงที่เนอสเซอรี่วันแรก โดยครูเอ เป็นคนมารับ พร้อมกับบอกว่าไม่ต้องห่วง จะถ่ายคลิปน้องปาลิน ส่งให้ตนดูเป็นระยะ ซึ่งตนก็ไปทำงาน เวลา 08.30 น.ครูเอก็ถ่ายคลิปน้องปาลินนอนดูน้องเล่นบนเตียงเด็กแรกเกิดมาให้ดู เวลา 09.55 น. ส่งภาพป้อนนม เวลา 15.05 น.ส่งคลิปน้องปาลินนอนเล่นบนเตียงเด็กแรกเกิด เวลา 16.35 น. ครูเอโทรมาบอกว่าน้องปาลินสำลักนมหยุดหายใจ กำลังนำตัวส่งคลินิกที่อยู่ใกล้เนอสเซอรี่

หลังได้รับแจ้งจากครูเอ ตนก็รีบออกไปที่คลินิกและโทรบอกพี่ชายมาที่คลินิก โดยครูเอและสามีก็มาด้วย พูดเพียงว่าน้องปาลินสำลักนม ได้รีบช่วยเอาน้องปาลินพาดบ่า และปั๊มหัวใจช่วยประมาณ 10 นาที น้องไม่ฟื้นจึงนำส่งคลินิก แต่ที่ตนเห็นน้องปาลินข้อเท้าเขียวแล้ว แพทย์ที่คลินิกน้องปาลินไม่มีชีพจร คลินิกได้ส่งน้องปาลินไปที่โรงพยาบาลสินแพทย์ศรีนครินทร์ โดยมีตนนั่งไปด้วย เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แพทย์ได้ระบุว่า น้องปาลินเสียชีวิตก่อนมาถึงโรงพยาบาล ตนก็เป็นลมหมดสติทันที ต่อมาพี่ชายตนได้เข้าไปดูศพหลาน พบว่ามีรอยเขียวช้ำไปทั้งตัว ตนจึงไม่เชื่อว่าน้องปาลินสำลักนมตามที่ครูเอบอก

“เลี้ยงลูกมา 3 เดือน รู้ว่าต้องป้อนนมลูกแบบไหน อิ่มแล้วจึงจับลูกพาดบ่าให้เรอ ครูเอบอกว่าลูกสำลักนม จึงอยากถามว่าตอนป้อนนมได้ดูแลน้องปาลินหรือไม่ หรือเอานมป้อนแล้วปล่อยไว้ตามลำพัง พอเกิดอาการสำลักนมแล้วไม่เห็น ไม่ได้ช่วยเหลือ น้องปาลินสำลักนมนานแค่ไหนถึงเห็นและมาช่วยปั๊มหัวใจ รู้สึกเสียใจมากแค่ตนนำลูกมาฝากให้ดูแลแค่วันเดียว ลูกต้องมาเสียชีวิต หลังเสร็จพิธีสวดอภิธรรม จะนำร่างน้องปาลินไปฝากไว้ที่โรงพยาบาล และกลับไปแจ้งความดำเนินคดีกับครูเอ เพื่อให้ครูเอพูดความจริง ว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้น้องปาลินเสียชีวิตคืออะไร” ปอ แม่กล่าว

น.ส.ปอ เล่าอีกว่า ทางโรงพยาบาลได้ผ่าพิสูจน์ศพแล้ว แต่ยังไม่แจ้งสาเหตุการเสียชีวิต ถึงวันนี้สภาพจิตใจของตนดีขึ้น เพราะได้กำลังใจจากญาติพี่น้อง และเพื่อนร่วมงาน ตนจึงออกมาร้องหาความเป็นธรรมให้น้องปาลินลูกสาว โดยมีญาตินำเรื่องราวของน้องปาลินไปโพสต์ลงในโซเชียล ทันทีที่เห็นโพสต์ครูเอก็ได้ส่งข้อความมาว่า “เห็นข้อความนี้แล้วอยากจะแจ้งคุณแม่นะคะว่า ครูไม่ได้เงียบหายไป อยากจะพูดคุยกับคุณแม่ แต่ครูเข้าใจดีว่าคุณแม่เองก็ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ คงไม่อยากให้ครูมารบกวนจิตใจ ครูเองก็เศร้า เสียใจไม่ต่างจากคุณแม่ ที่เกิดความสูญเสียนี้ขึ้น ทั้งตกใจและพยายามตั้งสติ พยายามช่วยเหลือน้องแล้วอย่างสุดความสามารถ



และยังส่งข้อความที่อ่านแล้วทำให้ตนรู้สึกโกรธว่า “ครูเปิดมา 14 ปี ไม่เคยมีประวัติเลย คงเป็นคราวซวยของครูจริงๆ ได้เงิน 6200 บาท ต้องแลกกับชื่อเสียงที่สั่งสมมานานและจะต้องมาเสียเงินกับเรื่องนี้อีกมากมาย ทั้งที่ต้องมีตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิต” ใครอ่านข้อความนี้ก็ต้องรู้สึกโกรธเหมือนตน เพราะคิดว่าเขาซวย ที่รับดูแลน้องปาลิน ลูกพ้นจากอกไปอยู่ในความดูแลของคนอื่นแค่ 1 วัน ลูกก็มาเสียชีวิต ซึ่งตนจะดำเนินคดีกับครูเอจนถึงที่สุด เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าลูกตนเสียชีวิตจากสาเหตุใด

ล่าสุดทีมข่าวช่อง8 ลงพื้นที่ไปยัง เนอสเซอรี่ที่เกิดเหตุ ย่านศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นอาคารพานิชย์ที่เปิดรับเลี้ยงเด็ก ตั้งแต่สามเดือนถึงแปดขวบ

เจอกับครูเอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นคนที่เลี้ยงน้องปาลิน ซึ่งพร้อมชี้แจงกับทีมข่าวของเราบอกว่า แม่ของน้องปาลิน ติดต่อเข้ามาเพื่อจะฝากเลี้ยงน้อง เพราะรู้จักกับคุณแม่อีกคนที่เคยนำลูกมาฝากเลี้ยงไว้ก่อนแล้ว

ก่อนที่จะมีการนำมาฝากเลี้ยงได้มีการพูดคุยถึงกฎระเบียบให้คุณแม่ฟังเพราะโดยปกติแล้วจะรับเลี้ยงเด็กในเวลา 07:30 น. คุณแม่ได้ร้องขอครูเอว่าจะต้องเข้างานก่อน 07:30 น. จึงจะขอนำมาฝากไว้ก่อน ซึ่งครูเอเห็นใจจึงได้ฝากรับเลี้ยง นอกจากนั้นยังได้ถามถึงสุขภาพของน้องคุณแม่ยืนยันว่าน้องค่อนข้างปกติดี ซึ่งครูเอก็ได้ชี้แจงไปว่าบางทีอาจจะยัง ไม่แสดงอาการป่วยออกมา เพราะยังเป็นเด็กเล็ก แต่ก็มีประเด็นที่น่าติดตามอาการเนื่องจากน้องคลอดก่อนกำหนด ซึ่งมีหลักฐานแชตที่ครูเอเคยคุยกับแม่น้องปาลินไว้

ส่วนในวันเกิดเหตุซึ่งเป็นวันแรกที่คุณแม่นำน้องมาฝากเลี้ยงเอาไว้ ซึ่งช่วงเช้าน้องก็ปกติดีจนมาถึงช่วงเย็นที่เอานมมาป้อนให้ พอป้อนนมไปได้ประมาณสามออน น้องก็มีอาการสำลัก ครูเอจึงอุ้มน้องมาพาดบ่า น้องก็ยังสำลักอยู่ จึงพาน้องไปเช็ดล้างตัว แล้วก็อุ้มน้องพาดบ่าเอาไว้ ไปนั่งเล่นกับเด็กคนอื่น แล้วเห็นว่าน้องเงียบ จึงคิดว่านอนหลับไป จึงจะพาไปนอนเตียงเด็ก แล้วเห็นว่าน้องแน่นิ่งจึงพาน้องนอนหงายบนโต๊ะแล้วทำพีซีอาร์ จังหวัดที่ปั๊มหัวใจเห็นว่าน้ำพุ่งออกมาจากปากน้องจึงเชื่อว่าน้องต้องสำลักนมที่ยังค้างอยู่ จึงรีบไปส่งคลีนิคเวชกรรมซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร แล้วจึงรีบโทรศัพท์เรียกคุณแม่น้องมาที่คลินิกเวชกรรม แต่สุดท้ายน้องก็เสียชีวิต

ซึ่งระหว่างอยู่ที่คลินิกเวชกรรมนั้นคุณแม่ถามครูเอว่าป้อนนมน้องท่าไหนครูเอบอกกับคุณแม่ไปว่า ให้น้องนอนราบแล้วก็ยืนป้อนนมให้น้อง จังหวัดงั้นคุณแม่ก็เอามือทั้งสองข้างมากุมขมับแล้วบอกกับครูเอว่าน้องนอนราบป้อนนมไม่ได้ซึ่งครูเอยืนยันว่าเด็กทั่วไปปกติก็ใช้ท่านี้ในการป้อนนม แต่ไม่แน่ใจว่าน้องปาลินมีความผิดปกติอะไรหรือเปล่าเพราะคุณแม่ก็ไม่ได้แจ้งว่าห้ามนอนราบป้อนนม

ครูเอ ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของตัวเองหรือว่าเป็นเหตุทำให้น้องเสียชีวิตแต่เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นเหตุสุดวิสัย

ส่วนประเด็นที่คุณแม่ติดใจว่าเหตุใดตามร่างกายน้องพบร่องรอยฟกช้ำโดยเฉพาะบริเวณขา ครูเอยืนยันว่าตอนที่น้องออกจากที่ เนอสเซอรี่ น้องไม่มีร่องรอยใดใดซึ่งเจ้าหน้าที่พยาบาลรวมถึงแพทย์ที่คลินิกเวชกรรมจะสามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าไม่พบร่องรอยบาดแผลฟกช้ำตามร่างกายน้องตามที่คุณแม่กล่าวอ้าง แต่หลังจากนั้นที่ไปส่งโรงพยาบาลรวมไปถึงส่งตรวจพิสูจน์หลักฐานครูเอไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

ตอนนี้สภาพจิตใจของครูเอเครียดและรู้สึกทุกข์ใจมากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้น ที่ผ่านมารับเลี้ยงเด็กมากกว่า 14 ปี ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้และไม่เคยมีประวัติไม่ดีเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็ก หลังจากนี้ ครูเอและสามีหารือกันว่า อาจจะต้องทำการปิดเนอสเซอรี่แห่งนี้ เพราะกลัวและกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์โศกเศร้าแบบที่เกิดขึ้นแบบนี้อีก

คาใจลูก 3 เดือนสำลักนมดับ แม่ช็อกส่งเนอสเซอรี่เช้าตกเย็นรับศพ พี่เลี้ยงท้าพิสูจน์