"เสรีพิศุทธ์" ติง "ก้าวไกล" ยกมาตรฐานสูงปิดกั้นตัวเอง ปล่อยด้อมส้มมีอำนาจเหนือการตัดสินใจทำเสียกระบวนการ บอกไม่ปิดกั้นตัวเองพร้อมร่วมรัฐบาลกับทุกพรรค เหตุไร้เงื่อนไข"พล.อ.ประยุทธ์"
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลนัดหารือเพื่อหาทางออกเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีเย็นวานนี้ หลังหลายฝ่ายมีความกังวลว่าหากเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพียงคนเดียวอาจจะไม่ผ่านการโหวต ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล มองว่าเสนอชื่ออื่นด้วยหรือไม่ ว่า จะเสนอกี่คนก็ได้ทั้งนั้น เพราะไม่มีข้อบังคับ จะมีคนเสนอชื่อใหม่เป็น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐหรือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นมาก็ได้ หรือจะเสนอชื่อของนายพิธา อีกก็ได้ ข้อบังคับที่ ส.ว.นั้นนำมาอ้าง เป็นข้อบังคับเกี่ยวกับการประชุม เป็นคนละส่วนกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เวลาอ่านหนังสือต้องอ่านให้ครบ ต้องอ่านทั้งเล่มไม่ใช่อ่านข้อเดียวแล้วมาคุย ถ้าอ่านข้อเดียวก็จะเจอข้อที่ 41 ที่กำหนดไว้ว่าญัตติที่เสนอไปแล้ว ถูกตีตกห้ามนำญัตติเดิมมาพิจารณาใหม่ เว้นแต่ประธานสภาฯจะอนุญาต แต่จะเถียงกันอย่างไรก็เป็นอำนาจของประธานสภาฯ
ส่วนกังวลหรือไม่หาก ส.ส และ ส.ว. อภิปรายจนทำให้ ไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้อีก หรืออาจนำไปสู่ปัญหาอื่นพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ถ้าตนเป็นประธานสภาฯจะไม่ให้อภิปรายแล้ว เพราะอภิปรายกันไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะพูด อภิปรายซ้ำๆเดิมๆ ครั้งที่แล้วก็เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่กลับอภิปรายเรื่องมาตรา 112 มันไม่ใช่ ตนก็เลยต้องอภิปรายตามไปด้วย เพราะคนยังไม่เข้าใจเรื่องมาตรา 112 ทั้งส.ว. และ ส.ส. มีความรู้ขนาดไหนก็ไม่เข้าใจ ความจริงมาตรา 112 เป็นกฎหมายอาญาถึงอย่างไรก็แก้ได้ตามรัฐธรรมนูญ และมีการแก้มาหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องอะไรแล้วมาแสดงความคิดเห็น
ส่วนในรอบที่ 2 จะเสนอชื่อนายพิธาได้อีกหรือไม่ และหากไม่ได้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะทำอย่างไร พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ก็ยังเสนอได้ นายพิธาไม่ได้หมดสิทธิ์ ใครก็เสนอได้ พรรคก้าวไกลจะเป็นผู้เสนอหรือตนเสนอก็ทำได้
เมื่อถามต่อว่าการโหวตรอบแรกเสียงของนายพิธายังไม่ได้ แล้วรอบ 2 จะได้หรือไม่ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า มีการเว้นระยะเวลาการโหวตทั้ง 2 ครั้งไว้ จากวันที่ 13 กรกฎาคม เป็นวันที่ 19 กรกฎาคม เพื่อให้มีเวลาประสานหาเสียง พร้อมมองว่า พรรคก้าวไกลมีโอกาสไม่มาก
“พรรคก้าวไกลมีโอกาสไม่มาก เพราะส่วนใหญ่จะปิดกั้นตัวเอง นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ ไปยกมาตรฐานไว้สูงเลย ยกตัวอย่าง เช่น พอมี 312 เสียง จะไปหาเพิ่ม ไปติดต่อพรรคชาติพัฒนากล้า ที่มี 2 เสียง แต่พอด้อมส้มทั้งหลายที่ไม่รู้เรื่องพูดมาหน่อยก็ถอยแล้วไปฟังเสียงพวกนี้ทำไม พวกนี้มีอะไรกับพรรคก้าวไกล ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรหรอก ไปฟังใครก็ไม่รู้"
ส่วนความเป็นไปได้ที่ 8 พรรคร่วมจะเสนอยุทธวิธีใหม่ ด้วยการเปลี่ยน ชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน หรือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย เพราะหากเป็นแคนดิเดตจากพรรค ก้าวไกลจะไม่ได้เสียงจากส.ว.อีก พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ยังหรอก ถึงอย่างไรวันนั้นเพื่อไทยก็ยังไม่แข่งด้วย เปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกลอย่างเต็มที่ คบหากันมา คุยกันมา ทำMOU กัน เพื่อเปิดสิทธิ์ให้พรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ เราก็คิดอย่างนั้น เพื่อไทยก็คิดอย่างนั้น จะ 2 ครั้ง 3 ครั้ง 4 ครั้ง ก็ได้ พร้อมย้ำว่า วันที่ 19 กรกฎาคมอย่างไรก็เสนอพรรคก้าวไกลแน่ๆ เพื่อไทยก็ไม่แข่งด้วย
ส่วนหากในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ยังไม่ได้นายกรัฐมนตรี ทั้ง 2 พรรคก็ต้องคุยกัน ว่าโหวต 2 ครั้งแล้วยังไม่ได้ ก้าวไกลจะถอยหรือไม่ ถ้าก้าวไกลถอยเพื่อไทยจะได้เสนอแคนดิเดต แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนไปเป็นเพื่อไทย ในขั้นต้น พรรคเพื่อไทยก็จะยังต้องเอาพรรคก้าวไกลไว้ เพราะพูดมาตลอดจะเสียคำพูดได้อย่างไร หากเสียคำพูดก็คบกันไม่ได้ เพื่อไทยกับก้าวไกลต้องผูกกันไปเรื่อยๆ
ส่วนหากเกิดการพลิกขั้วทางการเมือง เพื่อไทยและก้าวไกลแยกกัน ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน เพื่อไทยเป็นรัฐบาล พรรคเสรีรวมไทยในฐานะ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะมีจุดยืนอย่างไร พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ไปย้อนฟังการสัมภาษณ์ของตนได้ทุกครั้ง
“ผมบอกมาตลอดว่าไม่เอาเผด็จการ ไม่เอาพลเอกประยุทธ์ ผมบอกว่าถ้าเป็นพลเอกประวิตรผมเอาได้ คนมาวิพากษ์วิจารณ์ผม ก็ผมจะเอาแล้วทำไม พอพลเอกประยุทธ์ไม่อยู่ ผมก็รวมได้หมด ถึงพลเอกประยุทธ์จะอยู่ ถ้าเขาไม่เอารวมไทยสร้างชาติผมก็รวมได้ ผมไม่ใช่คนปิดกั้นตัวเอง ผมเปิดได้หมด พร้อมกับกล่าวยามว่าก็ผมบอกว่าคนรัฐประหารคือพลเอกประยุทธ์ พลเอกประวิตรเพียงแค่ถูกเชิญมาร่วมรัฐบาลเฉยๆ ก็ไม่ใช่คนรัฐประหาร“