จากเหตุฆาตกรรม นางขวัญใจ อายุ 27 ปี ทิ้งศพกลางทุ่งนา บ้านโคกสวาท ต.นาผือ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ขณะที่พบสภาพศพ ถูกของมีคมแทงเข้าที่ลำคอทั้งหมด 18 แผล และแผลที่บริเวณมืออีกจำนวนหนึ่ง โดยผู้ก่อเหตุคือ นายอนุสรณ์ หรือ บอย ซึ่งเป็นแฟนของนางขวัญใจผู้เสียชีวิต หลังรู้จักผ่านโซเชียลออนไลน์ และคบหามาประมาณ 2 ปี
ล่าสุดวันนี้ (15 ก.ค.66) ทีมข่าวช่อง 8 ยังคงไปติดตามเรื่องดังกล่าวที่จังหวัดหนองคาย, สกลนคร และจังหวัดอำนาจเจริญ โดยทีมข่าวไปเริ่มจากจังหวัดสกลนครก่อน เนื่องจากเมื่อวานนี้ทางตำรวจให้เบาะแสกับทีมข่าวมาว่า จากภาพวงจรปิดเมื่อวานนี้ที่เห็นนายบอย นำรถนมไปจอดทิ้งไว้แล้วก็เดินมาข้างทาง ปรากฎว่านายบอย ไม่ได้เดินไปขึ้นรถประจำทางเพื่อหลบหนี แต่เดินไปขโมยรถจยย.ของร้านขอยเครื่องสังฆภัณฑ์ ที่จอดอยู่หน้าร้านขับหนีไปที่จังหวัดหนองคาย
ซึ่งภาพวงจรปิดที่ทีมข่าวได้มาเพิ่มในวันนี้จะเห็นว่า จะเห็นอีกมุมอย่างชัดเจนว่า นายบอย ได้ขี่รถนมเข้าไปจอด จากนั้นเขาก็เดินออกมาตรงถนนที่หน้าร้านขายโทรศัพท์ โดยมีการยกมือปิดบังใบหน้าแล้วก็เดินมุ่งหน้าไปที่ร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์
จากนั้นเมื่อเดินไปพ้นกล้อง จะเห็นว่า ไม่กี่วินาที นายบอย ได้ขี่รถจยย.ยี่ห้อฟี่โน่สีฟ้า ของร้านสังฆภัณฑ์ออกไปตามถนน ซึ่งจะมีกล้องอีก 3 ตัว จับภาพเอาไว้ได้ว่านายบอย ก็ไม่ได้รีบร้อนบิดรถไปแรงแบบสุดคันเร่ง ซึ่งถนนดังกล่าวที่ทีมข่าวไปได้กล้องมา เป็นเส้นทางจากอำเภอพังโคน มุ่งหน้าไปที่อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ที่เป็นรอยต่อไปยังจังหวัดหนองคาย
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางย้อนกลับไปที่หอพักที่นายบอย อาศัยอยู่กับนางขวัญใจ ผู้ตาย ก่อนเกิดเหตุซึ่งบรรยากาศภายในหอพักวันนี้ มีทางเจ้าของหอพักได้เข้ามาซ่อมวงจรปิดเนื่องจากวันเกิดเหตุ กล้องเสียทำให้ไม่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้
ส่วนสภาพห้องนอนของทั้งคู่ จากการตรวจสอบที่หน้าห้องถูกล็อกกุญแจเอาไว้ ส่วนภายในพบว่าบนเตียงนอน มีรูปภาพของนางขวัญใจ ถูกนายบอย ฉีกและวางรูปเอาไว้ที่บนเตียงนอน ซึ่งข้าวของเสื้อผ้าเท่าที่สังเกต ไม่มีการรื้อค้นหรือมีความเสียหาย
นายต้น (นามสมมติ) อายุ 35 ปี เป็นเพื่อนข้างห้องกับนายบอยและนางขวัญใจ บอกว่า ตั้งแต่ทั้งคู่เข้ามาอาศัยอยู่ข้างห้องแรกๆ เขาก็มีการทะเลาะกันบ้างแต่ไม่รุนแรง กระทั่งก่อนที่นางขวัญใจ จะหนีกลับไปที่จังหวัดอำนาจเจริญ ตนเองสังเกตเห็นว่าเขาเริ่มทะเลาะกันรุนแรงขึ้น เนื่องจากนางขวัญใจ พยายามสื่อสารให้เพื่อนร่วมหอรู้ว่าเขาถูกนายบอยทำร้ายร่างกาย
ซึ่งก่อนที่นางขวัญใจ จะหนีนายบอยไป นางขวัญใจ ได้ออกอุบาย ขอไม่ขึ้นรถไปขายนมด้วยโดยการไปสมัครงานเป็นพนักงานเสริฟที่ร้านส้มตำแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลหอพัก กระทั่งนางขวัญใจ ในระหว่างที่นางขวัญใจไปทำงานเขาก็หนีนายบอยไปจริงๆ ซึ่งหลังจากหนีไป เท่าที่สังเกต นายบอย ก็ยังไม่ได้ออกอาการทุรนทุรายอะไร เนื่องจากเขายังไปทำงานขายนมตามปกติ
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้เดินทางไปยังร้านส้มตำที่นางขวัญใจ ไปทำงานก่อนจะหนีนายบอยกลับที่จังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งร้านดังกล่าวเป็นร้านส้มตำดังในอำเภอเมืองสกลนคร
โดยวันนี้ คุณกล้า (นามสมมติ) ซึ่งเป็นผู้จัดการร้าน ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า นางขวัญใจ เข้ามาขอสมัครงานที่ร้านในวันที่ 5 กรกฎาคม จากนั้นเมื่อมีการสัมภาษณ์งานเสร็จ ก็ได้นัดให้นางขวัญใจ เข้ามาเริ่มงานที่ร้านในวันที่ 6 กรกฎาคม ซึ่งวันที่ 6 นางขวัญใจ ก็ได้เข้ามาทำงานแต่เช้าโดยมีนายบอย มาส่งและมารอรับ
จนกระทั่งเช้าวันที่ 7 กรกฎาคม นายบอย ก็มาส่งนางขวัญใจ ตามปกติ แต่ปรากฎว่าวันนั้น สภาพนางขวัญใจ ไม่ปกติ เนื่องจากมีร่องรอยถูกทำร้ายจนหน้าปูดตาบวม ซึ่งด้วยความเป็นห่วง ตนเองก็เข้าไปถามนางขวัญใจว่า ทำงานไหวไหม มีอะไรให้ช่วยหรือไม่ กระทั่งนางขวัญใจ ขอให้ช่วยติดต่อประสานไปยังตำรวจในพื้นที่ ให้พาตัวไปส่งที่จังหวัดอำนาจเจริญ
จากนั้นเมื่อตำรวจมารับไปส่งเรียบร้อย จู่ๆในเวลาประมาณ 15.00 น. นายบอย ก็ได้ขี่รถมาจอดข้างร้าน ซึ่งตอนนั้นเข้าใจว่านายบอย คงยังไม่รู้ว่าเมียหนีไปแล้ว โดยนายบอย ก็นั่งรออยู่ตรงนั้นถึง 19.00 น. จนกระทั่งเห็นเมียไม่เดินออกมา นายบอย ก็โทรศัพท์ไปโวยวายยังสำนักงานใหญ่ของร้านว่า ทำไมเมียของเขาไม่ได้เลิกงานตามเวลา ทำไมใช้งานเมียหนักจัง ทำให้ทางร้านต้องเดินไปบอกว่าขวัญใจ ออกจากร้านไปตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่รู้ว่าไปไหน จากนั้นนายบอย ก็ขี่รถออกไป จนมารู้ภายหลังว่าตามไปก่อเหตุฆ่านางขวัญใจที่จังหวัดอำนาจเจริญ
ซึ่งส่วนตัวยอมรับว่าสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สงสัยว่านายบอย มีดีอะไรขวัญใจ ถึงยอมเดินออกมาขึ้นรถกับนายบอยจนไปถูกฆ่าทิ้งไว้ข้างทาง ทั้งๆที่หนีรอดไปแล้ว