เกิดเหตุฆาตกรรม ในพื้นที่ ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ตำรวจสภ.นาสัก เข้าตรวจสอบภายในสวนยางพารา หมู่ที่19
ที่เกิดเหตุอยู่ริมเขากลางป่ายางพารา ห่างจากถนนสายเอเซีย 41 ประมาณ 15 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่พบนายสุรชัย ลูกชาย ยืนดูศพของนายประยงค์ สมนึก อายุ 61 ปี สภาพนอนหงาย มีทางมะพร้าวปิดร่าง ห่างจากบ้านผู้ตายเพียง 200 เมตร สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าลำตัว ใบหน้า แขน กว่า 20 รู
โดยระหว่างที่ตำรวจกำลังชันสูตรพลิกศพนายประยงค์ ได้มีชาวบ้านซึ่งกำลังจะเดินทางไปตัดปาล์มน้ำมัน ได้โทรศัพท์แจ้งมาที่ น.ส.วันทนีย์ บุญอยู่ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.19 ว่าพบศพถูกเผาอยู่ระหว่างทางไปสวนของตน จึงเดินทางไปที่จุดเกิดเหตุ
โดยจุดรับแจ้งซึ่งอยู่ห่างจากจุดแรกเพียง 300 เมตร ซึ่งก็พบศพดังกล่าวจริงอยู่ในสภาพถูกเผา ดำเป็นตอตะโก โดยมีรถ จยย.ทับร่างอยู่
ก่อนจะเดินไปตรวจสอบที่บ้านพักคนงาน ซึ่งเป็นจุดที่สาม ที่ชาวบ้านที่ไปตัดปาล์มน้ำมัน แจ้งมาว่าพบคนเสียชีวิตอยู่หน้าบ้านพักแรงงานชาวเมียนมา ห่างจากเหตุเผาศพเพียง 300 เมตร เป็นบ้านพักชั้นเดียว ปลูกอยู่กลางสวนยางพารา พบผู้เสียชีวิต สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง เข้าบริเวณท้ายทอยด้านซ้าย กระสุนทะลุแก้ม นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงหน้าบ้าน
นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิตอีก 1 ศพ สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง เข้าที่ท้ายทอยเช่นเดียวกัน นอนเสียอยู่ภายในห้องนอน
ขณะเดียวกันเจอสุนัขถูกยิงตาย 1 ตัว
จากการสอบถามนายสุรชัย ลูกชายผู้ตาย ให้การว่า เดิมที่ตนเองไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เพราะออกไปทำงานรับจ้างนอกหมู่บ้าน แต่ที่กลับมาก็เพราะว่า เมื่อวานช่วงเย็นตนเองได้โทรศัพท์มาหา นายประยงค์ ผู้ตาย ปรากฏติดแต่ไม่รับสาย ซึ่งก็ไม่ได้เอะใจมาก เพราะรู้ก่อนหน้าว่าพ่อจะมาต่อท่อน้ำไปใช้ในสวน จนกระทั่งมาช่วงเช้า ได้ขับรถเพื่อมาดูพ่อ แต่ระหว่างสังเกตเห็นทางมะพร้าวปิดอะไรสักอย่าง จึงจอดรถดูก็พบว่าใต้ทางมะพร้าวเป็นพ่อนอนจมกองเลือดอยู่ จึงได้โทรมาบอกอา และแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ
ทีมข่าวช่อง8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด เมื่อ 06.58 น. วันที่ 15 ก.ค.66 จับภาพสวนยางพารา และบันทึกเสียงปืนนัดแรกและนัดที่2และ3ตามมา โดยช่วงนั้นมีลมพัดเข้ามา ทำให้ได้ยินเสียงไม่ค่อยชัดเจน
ขณะเดียวกัน กล้องวงจรปิดอีกมุม ที่บันทึกเสียงปืนไว้ได้เช่นกัน เบื้องต้นมีรายงานข่าวว่า น่าจะมีการสังหาร 3 ศพแรกที่ไปเจอในกระท่อม ตามมาด้วยศพที่ถูกเผา และก่อเหตุยิงนายประยงค์
ในส่วนของคดี ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน เพื่อติดตามตัวคนร้าย เบื้องต้นมีผู้ต้องสงสัย คือนายประพันธ์ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินติดกับนายประยงค์ผู้ตาย และตอนนี้หายตัวไปจากพื้นที่ อีกทั้งพบว่านายประพันธ์เคยมีปัญหาความขัดแย้งกันมาก่อน ส่วนอีก 3 ศพชาวเมียนมา ก็มีปัญหาขัดแย้งกับนายประพันธ์เช่นเดียวกัน
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้มาพูดคุยกับนายบอย อายุ 24 ปี หลานชายของนายประยงค์ผู้เสียชีวิต บอกว่า เหตุน่าจะเกิดเมื่อช่วงสายๆวานนี้ เนื่องจากได้ยินเสียงปืน โดยได้ยิน 2 ชุด 06.00น. ประมาณ 3 นัด และอีกชุดประมาณ8-9โมง ได้ยินเสียงอีกประมาณ 2 นัด
สอบถามนายบุญเลิศ อายุ 59 ปี เจ้าของสวนยางพารา และเป็นนายจ้างของคนตายทั้ง2ศพชาวเมียนมา กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุไม่รู้เกิดอะไรขึ้น แต่ที่ผ่านมา นายนายพันธ์ ซึ่งมีสวนยางอยู่ใกล้กัน เคยมาข่มขู่ลูกน้องตนหลายครั้ง เบื้องต้นไม่อยากปรักปรำใคร และอยากให้นายประพันธ์ออกมาชี้แจงกับตำรวจ หากฆ่าก็อยากให้มามอบตัวกับตำรวจ
อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุ ปรากฏว่ารถยนต์ของนายประยงค์ผู้เสียชีวิตหายไปด้วย
โดยตำรวจแกะรอย จนพบรถยนต์ถูกจอดทิ้งเอาไว้สภาพประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ โดยพบจอดอยู่ในพื้นที่อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี โดยคาดว่านายประพันธ์น่าจะเป็นคนขับมา และตอนนี้ยังไม่พบตัวของนายประพันธ์
เบื้องต้นตำรวจเตรียมรวบรวมหลักฐานในการออกหมายจับนายประพันธ์วันพรุ่งนี้
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวช่อง8 เดินทางไปยังบ้านของนายประพันธ์ ผู้ต้องสงสัย ได้มาพูดคุยกับ นายไพโรจน์ อายุ 50 ปี ลูกพี่ลูกน้องของผู้ต้องสงสัย กล่าวว่า เมื่อประมาณ 20 วันก่อนเกิดเหตุ นายประพันธ์ได้มานั่งระบายที่บ้านของตัวเอง พร้อมกับมีสีหน้าที่เคร่งเครียด โดยระบายว่า ขี้ยางในสวนยางหายไปหลายกิโลกรัม มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท โดยนายประพันธ์บอกกับตัวเองว่า เขาสงสัยชาวเมียนมา 3 คน ที่ดูแลสวน อยู่ติดกับสวนของนายประพันธ์ โดยตัวเองก็ไม่รู้ว่าการตายของชาวเมียนมาทั้งสามรายนี้ จะเกี่ยวข้องกับนายประพันธ์ญาติของตัวเองหรือไม่
หากถามว่านายประพันธ์เคยมีปัญหาขัดแย้งกับนายประยงค์ผู้เสียชีวิตอีกรายหรือไม่นั้น ก็ขอยืนยันว่ามี เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ประมาณสองปี นายประพันธ์เคยมา ระบายให้ตัวเองฟังว่า เขาสงสัยว่านายประยงค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุเผาบ้านของนายประพันธ์จำนวนสองหลัง ที่อยู่บริเวณสวน ใกล้ที่เกิดเหตุ นอกจากนั้นยังไม่พอ นายประพันธ์ยังบอกกับตัวเองอีกว่า ต้นยางพาราในสวนของเค้า ถูกคนเอามีดไปกรีดหน้ายางจนพังเสียหาย ทำให้น้ำยางพรารา หยดไหลทิ้ง ซึ่งนายประพันธ์บอกกับตัวเองว่า เรื่องนี้ก็สงสัยว่าเป็นฝีมือของนายประยงค์อีกเช่นเดียวกัน แต่ส่วนตัวเองก็ไม่รู้ ว่าสิ่งที่นายประพันธ์มาระบายให้ตัวเองฟังทั้งหมดนั้นจะเป็นจริงหรือไม่
ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นตัวเองก็ไม่กล้าระบุ ว่าทั้ง 4 ผู้เสียชีวิต จะเป็นฝีมือของนายประพันธ์ ญาติของตัวเองหรือไม่
หลังจากเกิดเหตุตัวเองได้โทรศัพท์หานายประพันธ์ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้