จากกรณี เพจข่าวสารพลาญชัย ได้โพสต์เรื่องราว เกี่ยวกับเหยื่อหลายหลาย ซึ่งถูกตำรวจที่จังหวัดกาฬสินธุ์ อุ้มไปยัดยาบ้า พร้อมทั้งรีดเงิน โดยเรื่องดังกล่าว ทางเพจได้โพสต์ข้อความไว้ทั้งคลิปและภาพวงจรปิด ที่มีทางผู้เสียหายส่งมาให้กับทางเพจ
โดยเหตุการณ์ในคลิปความยาวประมาณ 5 นาที ที่ทางเพจได้ลงข้อมูลเอาไว้ว่า ในเวลาประมาณ 18.20 น.วันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะเหยื่อซึ่งเป็นหญิงสาวพักอยู่ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่เขต ต.นาจาร อ.เมืองกาฬสินธุ์เพียงคนเดียว
กระทั่งมีผู้มาเคาะห้องพักของเธอ เมื่อเธอเปิดประตูออกไปพบชายฉกรรจ์จำนวน 5 คนจู่โจมดันประตูห้องพักพร้อมอ้างตัวเป็น ตำรวจชุดเฉพาะกิจ ภ.จว.กาฬสินธุ์ โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวเป็นตำรวจได้ค้นห้องพักของเธอแต่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย พบเพียงเงินสด 20,000 บาท โดยมีผู้ชายที่เรียกกันว่า"ติงลี่"เป็นผู้ตรวจนับเงิน พร้อมกับบอกว่าจะไม่เอาเงินที่ตรวจนับ เมื่อตรวจนับแล้วเสร็จชายฉกรรจ์ทั้ง 5 ได้พาเธอออกจากห้องพร้อมกับชี้นำให้เธอยืนยันว่ากระดาษทิชชูสีขาวที่วางอยู่บริเวณโคนต้นไม้หน้าห้องเป็นของเธอ ซึ่งเธอก็ปฏิเสธห่อกระดาษทิชชู่สีขาวดังกล่าวไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอน แต่กลุ่มชายทั้ง 5 ก็บอกให้เธอชี้พร้อมกับถ่ายคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ ก็ได้พาเธอขับรถออกไปจากรีสอร์ตขับวนไปมาทั่วเมืองกาฬสินธุ์
ระหว่างที่พาเธอขับรถอยู่นั้นกลุ่มชายทั้ง 5 ก็กล่อมให้เธอยอมรับว่าเป็นเจ้าของห่อกระดาษสีขาวดังกล่าวเรื่องราวทุกอย่างจะได้จบ แต่เธอก็ยังคงปฏิเสธ กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้ง 5 จึงบอกเธอว่าต้องการเงิน 50,000 บาทเพื่อแลกกับการปล่อยตัว ด้วยความหวาดกลัวว่าจะถูกยัดเยียดข้อหา เธอจึงติดต่อขอยืมเงินจากน้องชายอีก 30,000 บาท รวมกับเงินที่ตรวจเจอก้อนแรก 20,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 50,000 บาท โดยน้องชายของเธอนำเงินจำนวน 30,000 บาทมามอบให้กับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่หน้าวัดประชานิมิตร เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ขณะนี้เธอหวาดกลัวและเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยจึงร้องเพจ ข่าวสารพลาญชัย เพื่อนำเสนอเหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะไม่ต้องการให้ใครตกเป็นเหยื่อของกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้ง 5 อีกต่อไป
ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปพบกับผู้เสียหาย ก็คือ น.ส.น้ำ (นามสมมติ) อายุ 34 ปี พาทีมข่าวเดินไปตรงหน้าประตูวัดประชานิมิตร เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นจุดที่ตำรวจพาขึ้นรถมาจอดรถและรีดเงินดังกล่าว โดยลักษณะของประตูวัดดังกล่าว จะอยู่ติดถนนและจะอยู่ห่างจากรีสอร์ตที่ผู้เสียหายถูกอุ้มขึ้นรถมาประมาณ 300 เมตร
น.ส.น้ำ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า วันเกิดเหตุตนเองนัดกับเพื่อนให้ไปรับที่รีสอร์ตเพื่อจะออกไปเที่ยว กระทั่งประมาณ 18.10 น. ก็ได้ขี่รถเข้าไปเปิดห้องเพื่อนอนรอเพื่อนมารับ แต่เวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที ก็มีคนมาเคาะประตูห้อง ซึ่งตนเองก็เดินไปเปิดประตูให้ เพราะคิดว่าเพื่อนมารับแล้ว แต่พอเปิดประตูออกไป ปรากฎว่า มีผู้ชาย 3 คน เข้ามาแสดงตัวว่าเป็นตำรวจและขอเข้าไปค้นภายในห้อง ส่วนอีก 2 คนยืนรออยู่หน้าห้อง
จากนั้นตามในคลิปก็จะเห็นว่า ตำรวจได้เปิดกระเป๋านำเงินของตนเอง จำนวน 20,000 บาทขึ้นมานับ แต่ไม่ยอมคืนให้ กระทั่งพอตำรวจค้นไม่เจอสิ่งผิดกฎหมายในห้อง พวกเขาก็พาเดินออกไปหน้าห้อง ซึ่งพอไปถึง ตำรวจที่ยืนรออยู่ 2 คน ก็ชี้และบังคับให้ตนเองไปหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมา แต่ตนเองไม่หยิบ แล้วก็ตอบไปว่า มันไม่ใช่ของหนู จะให้หนูหยิบขึ้นมาได้ยังไง กระทั่งตำรวจคนที่ชี้ให้หยิบก็ก้มลงไปหยิบทิชชู่ขึ้นมากางให้ดูว่า "นี่นะยาบ้า" ซึ่งเท่าที่เห็น ห่อในกระดาษเป็นสีชมพู แต่ไม่รู้ว่ามียาอยู่ในนั้นกี่เม็ด
หลังจากนั้นพวกเขาก็พาขึ้นรถ แล้วก็พาขับออกจากรีสอร์ตไปจอดที่ข้างวัด ซึ่งพอไปถึงเขาก็ถามตามในคลิปว่า คุณมีอะไรจะคุยไหม? ด้วยความกลัวและอยากจะถูกปล่อยตัวกลับบ้านไปหาลูก ก็เลยตอบไปว่าคุยค่ะ พี่จะเอาเท่าไหร่ ซึ่งตำรวจชุดดังกล่าวเรียกเงินจำนวน 60,000 บาท โดยตนเองขอต่อรองเหลือ 50,000 บาท แต่ไม่มีเงินสดให้ จึงโทรไปหาน้องชาย ให้ไปขอยืมเงินจากยาย จำนวน 30,000 บาท มารวมกับที่ตำรวจยึดไว้ก่อนหน้านี้อีก 20,000 บาทเพื่อแลกให้ปล่อยตัว
ซึ่งพอน้องไปยืมเงินจากยายได้ น้องก็เอาเงินมาวางไว้ที่ประตูวัด กระทั่งตำรวจได้ขับรถไปเก็บเงินที่น้องวางไว้ให้ พอได้เงินครบเขาก็ทิ้งตนเองไว้หน้าวัดแล้วก็ให้ตำรวจอีกคนขี่รถจยย.ของตนเองมาคืนให้
ยอมรับว่ากลัวมาก เนื่องจากถูกตำรวจบังคับให้รับว่ายาที่เจอเป็นของตนเอง ยืนยันตนเองและเพื่อนที่จะมารับไปเที่ยว รวมถึงคนในบ้าน ไม่มีใครมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ จริงๆแล้วไม่ได้อยากจะไปแจ้งความ เพราะเกรงว่าเรื่องมันจะไม่จบ แต่คนในครอบครัว ลงความเห็นว่า หากไม่แจ้งความ เวลาไปเจอตำรวจชุดนี้ เขาก็จะรีดเงินเราได้อีกหรือไปรีดเงินกับคนอื่น ถ้าตำรวจชุดดังกล่าวหรือผู้บังคับบัญชาของเขาฟังอยู่ ก็อยากจะให้มารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตนเองมีครอบครัวที่ต้องดูแล ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปยังรีสอร์ต ซึ่งเป็นจุดแรกที่ผู้เสียหายถูกอุ้มตัวออกไป แต่ปรากฏว่า ทางเจ้าของรีสอร์ต ออกมาให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ที่รีสอร์ต จริงๆแล้วมีกล้องวงจรปิดจับภาพได้ทุกมุม แต่หลังผู้เสียหายเข้าไปแจ้งความ ในวันที่ 12 กรกฎาคม ตำรวจได้เข้ามาดึงไฟล์วงจรปิดไปหมดแล้ว และเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ยอมรับว่าเจ้าของรีสอร์ต อยู่กับแม่บ้านอีกคน แต่ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาทำอะไรกัน ซึ่งตำรวจที่มานำบัตรมาให้ดูแล้วก็พากันออกไปกับผู้เสียหาย โดยทางรีสอร์ท ไม่รู้ด้วยว่าเป็นการมาอุ้มตัวออกไป เพราะตำรวจที่มา ไม่ได้มาบอกว่าเข้ามาจับยาหรือมาจับใคร
ขณะเดียวกัน แม่บ้านของรีสอร์ต ที่อยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุตนเอง ทำความสะอาดอยู่ที่ห้องพักฝั่งตรงข้าม ประมาณ 18.00 น. ผู้เสียหายได้เข้ามาขอพักแบบชั่วคราว จากนั้นพอผู้เสียหายเข้าห้องไปไม่นาน ตนเองก็ได้ยินเสียงรถกระบะและรถยนต์ ขับเข้ามา แต่ไม่ได้สนใจอะไรคิดว่าลูกค้าคงจะเข้ามาหากัน กระทั่งตนเองได้เดินออกมาจากห้อง แล้วก็ไปเจอหน้าตำรวจที่ยืนอยู่ 2 คน ซึ่งเขาก็ยกบัตรที่คอให้ดู บอกว่าผมเป็นตำรวจนะป้า แต่ไม่บอกว่าเข้ามาจับยาหรือมาจับใคร เพียงแต่บอกว่า ผมเข้ามารับคน
จากนั้นตนเองก็เดินไปทำความสะอาดต่อ เนื่องจากก็ไม่ได้เอะใจว่าจะเป็นการอุ้มกัน เพราะทั้งตำรวจและผู้เสียหาย ไม่ได้มีการส่งเสียงทะเลาะกันให้ได้ยิน กระทั่งพวกเข้าก็พากันออกไปจากรีสอร์ต แล้วผู้เสียหายก็ไม่ได้ย้อนกลับมาเช็กเอ้าท์ออก
ยืนยันตั้งแต่เข้ามาทำงานที่รีสอร์ต เพิ่งเคยเห็นผู้เสียหายเข้ามาใช้บริการเป็นครั้งแรก ส่วนตำรวจที่มา ก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ส่วนเรื่องทิชชู่ ที่ตกอยู่หน้าห้อง เท่าที่จำความได้ ตอนเดินตามผู้เสียหายไปเปิดห้องให้ เขาไม่ได้โยนอะไรทิ้งไว้หน้าห้อง เพราะถ้าทิ้ง ในฐานะที่ตนเองเป็นแม่บ้าน ถ้าเห็นก็ต้องเก็บไปทิ้งถังขยะ
ต่อมา หลังจากเพจโพสต์คลิป ก็จะมีผู้เสียหายโผล่ขึ้นมาอีกราย ที่ทางเพจลงภาพวงจรปิดเป็นภาพรถของเจ้าหน้าที่เอาไว้ว่า เหยื่อ"อยุติธรรม"เมื่อ 19 เม.ย.66 ชายฉกรรจ์ 7 คน จำชื่อได้สามคน คือ "อโณทัย ติงลี่ ตุ้ย"ทั้งหมดอ้างตัวเป็นตำรวจโรงพักแห่งหนึ่ง ภ.จว.กาฬสินธุ์ ใช้รถไททัน 4 ประตูสีดำฝากระโปรงด่างและรถเชฟ 5 ประตู บุกรุกอ้างมีบัตร ปปส.อุ้มเหยื่อขู่ยัดยาบ้า ท้ายที่สุดบังคับรีดเงินเหยื่อ 5 หมื่น แต่น้องสาวของเหยื่อหามาได้แค่ 3 หมื่น เหยื่อจึงได้รับการอิสรภาพ เหยื่อและญาติๆได้รับคำแนะนำให้ติดตามและร้องทุกข์มายังเพจ ข่าวสารพลาญชัย เพื่อตีแผ่แฉความจริงกำจัดคนมีสีนอกรีตบางคนให้พ้นจากองค์กร
วงจรปิดสามารถบันทึกภาพของนายบอย ขณะที่ถูกอุ้มออกจากบ้าน ไปที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง เจรจาเรื่องยาเสพติด โดยยอมรับว่าพี่เสพยาเสพติด แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการค้ายา
ขณะเดียวกันวันนี้ ทีมข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปสอบถามข้อมูลกับ รอง สว. ซึ่งเป็นเจ้าของคดีนี้ ให้ข้อมูลยืนยันมาว่า ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นตำรวจจริงทั้ง 5 นาย โดย 1 ในนั้น มีคนชื่อติงลี่ด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบในการถูกกล่าวหา ฐานความผิด
เบื้องต้นได้ประสานพยาน 2 ปากมาให้ข้อมูล แต่พยานกลัวจะถูกอุ้มฆ่า จึงยังไม่ขอเข้าให้ข้อมูล