"ณัฐชา" การันตีไม่มีงูเห่า ย้ำ "ก้าวไกล" มีบทเรียนจากอนาคตใหม่ ขอสบายใจได้ ลั่น "เราถอยไม่รู้จะถอยอย่างไรแล้ว" เชื่อสังคมต้องการพรรคฝ่ายค้านเดิมผนึกกำลัง พร้อมจี้ "เสรีพิศุทธ์" กางเงื่อนไขคุย "ประชาธิปัตย์-ชาติไทยพัฒนา" บนโต๊ะเจรจา 8 พรรคร่วมฯ
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมตัว กำชับ ส.ส. ของพรรคในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า วันนี้มีการประชุมเตรียมความพร้อมว่าวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ที่จะมีการอภิปรายโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างไรที่จะเชิญชวนให้มีเสียงสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพิ่มขึ้น รวมถึงการเจรจาต่อรองกับ ส.ว. และ ส.ส.ที่ยังไม่ได้โหวตให้ งดออกเสียง และไม่เห็นชอบ ก็อยากจะใช้เวทีรัฐสภาในการพูดคุย ว่าท่านมีความเห็นอย่างไรและสิ่งที่เราต้องการจะทำคืออะไร เมื่อความเห็นตรงกันแล้วก็จะทำให้สามารถผ่านไปได้ เนื่องจากประชาชนรอคอยรัฐบาลหน้าที่จะมาช่วยเหลือความเป็นอยู่
ส่วนจะมีการหารือกันหรือไม่ว่าจะหยิบข้อบังคับการประชุมเรื่องการเสนอชื่อนายพิธาได้ครั้ง เรื่องนี้จะเป็นข้อกังวลของพรรคหรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า หมวดของการเสนอนายกรัฐมนตรีและหมวดของการเสนอญัตติเป็นคนละหมวดกันอยู่แล้ว และการโหวตนายกรัฐมนตรี พรรคได้อ่านข้อบังคับอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าเสนอได้ ไม่เช่นนั้น การเสนอโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไปไม่สามารถทำได้ และการโหวตนี้เป็นเรื่องการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เสนอนายพิธา ดังนั้น ในสภาผู้แทนราษฎรมีมติที่จะเสนอโดยเสียงรับรองของ ส.ส. ถ้าผ่านเสียงรับรองของ ส.ส.ก็จะสามารถเสนอตัวนายกรัฐมนตรีให้กับรัฐสภาได้มีเสียงสนับสนุนต่อไป
นายณัฐชายังกล่าวถึงกรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยว่า มีการซื้องูเห่าจากพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล จากขั้วรัฐบาลเดิมกว่า 50 คน ซึ่งนายณัฐชา กล่าวว่าเรื่องนี้ตนไม่ทราบว่าได้ข้อมูลมาจากไหน แต่ให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้ว่า ส.ส. 151 คนจากพรรคก้าวไกล เราได้พูดคุยแล้ว ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน ไม่มีการติดต่อใดๆ ตนเชื่อว่าคนที่เป็นตัวแทนประชาชนในนามพรรคก้าวไกลได้เห็นแล้วว่างูเห่าในอดีตเกิดอะไรขึ้นบ้าง ต้องย้อนถามว่าแหล่งข่าวมาจากที่ใด
"พอลงเลือกตั้ง คะแนนต่ำกว่า 1,000 คะแนนไม่ดี ไม่เป็นที่นิยม เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าคนที่เข้ามาเป็น ส.ส. ในครั้งนี้ได้เห็นบทลงโทษ ว่าประชาชนลงโทษงูเห่าอย่างไร และพรรคก้าวไกลเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้ในครั้งที่ผ่านมา และสมาชิกทุกคนได้ผ่านการคัดกรองเข้มข้น ผ่านการเลือกตั้งของประชาชนมาแล้ว จึงเชื่อว่าใน 151 คน ไม่มีงูเห่าอย่างแน่นอน" นายณัฐชากล่าว
เมื่อถามว่าแต่พรรคก้าวไกลก็มีบทเรียนจากครั้งที่แล้ว จะเรียกความเชื่อมั่นในการเลือกตั้งอย่างไร เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีผู้สมัครหน้าใหม่เกือบทั้งหมด นายณัฐชา กล่าวว่า อาจจะเป็นคนหน้าใหม่ในฐานะ ส.ส. แต่เป็นคนหน้าเก่าในการทำงาน เพราะหลายคนทำงานมาตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ เป็นคณะทำงาน เป็นทีมงาน เป็นผู้ร่วมอุดมการณ์ แต่ยังไม่เป็น ส.ส. และครั้งนี้ก็มาลงเลือกตั้ง ตนเชื่อมั่นในเพื่อนสมาชิกว่าการซื้องูเห่าหรือผลประโยชน์จะไม่มีแน่นอน
ส่วนที่หากมีงูเห่าจริง จะมีการคาดโทษอย่างไร นายณัฐชา กล่าวว่า ไม่ได้มองไปถึงการคาดโทษ แต่เรื่องนี้มีให้เห็นอยู่แล้ว ว่าหากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะมีการลงโทษอย่างไร ซึ่งก็เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งพรรคอนาคตใหม่ โดยกระบวนการต่างๆก็ไม่ต่างกัน
ส่วนหากโหวตนายพิธา ครั้งที่ 2 ไม่ผ่าน ไปต่อไม่ได้ การโหวตครั้งที 3 จะมีท่าทีอย่างไรนั้น นายณัฐชา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลได้ออกไทม์ไลน์การต่อสู้ไว้ชัดเจนแล้ว ทั้งการโหวตนายกรัฐมนตรีในครั้งที่ 2 หากเสียงสนับสนุนผ่านก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่หากไม่ผ่านก็มี 2 ทาง โดยหากเสียงเพิ่มขึ้นจะโหวตครั้งที่ 3 หากเสียงเท่าเดิมหรือน้อยลงจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.272 ตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไทม์ไลน์ที่สื่อสารให้ประชาชนที่เฝ้าติดตามได้รับทราบเพราะทีกระแสวิพากวิจารณ์การโหวตนายกไปต่างๆนาๆ ส่วนหากครั้งที่ 2 และ 3 ยังไม่ได้ชื่อนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เป็นไปตามที่นายพิธาได้แถลงไว้ว่าจะสู้ใน 2 สมรภูมิ หากผ่านหรือไม่ผ่านอย่างไร ก็จะเป็นไปตามลำดับที่ควรจะเกิดขึ้นโดยมีการหารือกันภายในพรรคก้าวไกลแล้ว
เมื่อถามว่าการแก้ไข ม.272 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย นายณัฐชา กล่าวว่า เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นพูดคุย ส่วนพรรคร่วมฯจะเห็นว่าอย่างไร ก็คงต้องหารือกันต่อ ส่วนแนวทางในการแก้ไข ม.272 เชื่อว่า พรรคฝ่านค้านในอดีตเคยเห็นพ้องมาแล้วว่า ม.272 มีปัญหา ส่วนใครที่บอกว่า 272 มีปัญหาแล้วจะไม่โหวตให้ก็ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าเพราะอะไร และพรรคก้าวไกลก็ยืนยันมาตลอดว่า กฎหมายนี้มีปัญหาและวันนี้ก็แค่เสนอแก้ตามระบบรัฐสภา
ส่วนที่มีเสียงจากฝั่งพรรคร่วมฯมองว่าพรรคก้าวไกล สนใจวาระการเมือง ไม่สนใจวาระปากท้องประชาชน นายณัฐชา กล่าวว่า เสียงของประชาชนสำคัญ
"วันนี้การต่อสู้เพิ่งจะผ่านไปครั้งเดียว แล้วบอกจะไม่สู้ต่อด้วยเหตุผลอะไร ผมไม่ทราบ วันนี้เพิ่งจะผ่านการโหวตไปเพียงครั้งแรก มีเสียงวุฒิสภามาถึง 13 เสียง มีเสียงพรรคร่วมฯ 8 พรรคผนึกกำลังอย่างเข้มแข็ง ผมเชื่อว่าพรรคร่วมฯ ผนึกกำลังกันอย่างเข้มแข็ง 312 เสียง การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นไปไม่ได้เลย การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงพรรคก้าวไกลผลักดันประเด็นต่างๆ แต่เป็นเพราะเราหลังพิงพี่น้องประชาชน เราถอยไม่รู้จะถอยอย่างไรแล้ว วันนี้เราหันหลังไปเจอพี่น้องประชาชนบอกว่าการเลือกนายกฯครั้งที่ 1 ผ่านไปแล้ว พี่น้องประชาชนเฝ้ารอการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 อยู่ และการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 กำลังจะถึง แต่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาจากพรรคการเมืองฝั่งเดียวกัน จึงมองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง" นายณัฐชา กล่าว
เมื่อถามว่าท่าทีของพรรคเพื่อไทย เรื่องโรดแมป อยากให้จบในวงประชุมก่อนที่จะเปิดเผยต่อสาธารณชน นายณัฐชา กล่าวว่า เป็นเพียงสิ่งที่อยากสื่อสารให้ประชาชนเท่านั้น ซึ่งเป็นเพียงกระบวนการธรรมดาทั่วไป สามารถเข้าใจได้ตามปกติ แต่หากวันนี้ไม่เปิดแผนภูมิออกมา ประชาชนก็จะเข้าใจไปว่าอาจจะสู้ไป 5 ครั้ง10ครั้งหรือ หรือจนกว่า ส.ว.จะหมดวาระ แต่การที่ก้าวไกลออกมาบอกเพื่อย้ำในเส้นทางการต่อสู้ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่จะดูเคุยกับประชาชนและพรรคร่วม8พรรคก็พูดคุยตกลงกันแบบนี้อยู่แล้ว และในการลง MOU ก่อนเลือกประธานสภา ก็ระบุไว้ว่าเราจะผลักดันนายกรัฐมนตรีที่ชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อย่างสุดความสามารถ
ส่วนกรณีนายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภาระบุว่า หากเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ในการโหวตครั้งที่ 3 แต่ยังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วยก็จะไม่ยอมโหวตให้ นายณัฐชา มองว่าเป็นความคิดของนายเสรีเพียงคนเดียว ไม่ได้เป็นความคิดและแนวทางของ ส.ว. 250 คน ซึ่ง ส.ว. ก็มีความคิดเห็นหลากหลายที่แสดงออกมาได้ เมื่อผ่านการโหวตครั้งแรกไปแล้ว ก็มี ส.ว.ที่หลังพิงประชาชน โหวตเลือกนายพิธามาแล้ว 13 คน โดยผลเป็นอย่างไรประชาชนได้เห็นแล้ว ส่วนคนที่ไม่ได้โหวต ผลกระทบเป็นอย่างไร ประชาชนก็เห็นแล้วเช่นกัน จึงเชื่อว่าการโหวตในครั้งต่อไป ก็เชื่อว่า ส.ว. มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป เมื่อเสียงครั้งที่ 2 ยังไม่ออกมาเราจึงยังไม่พูดคุยถึงเสียงครั้งที่ 3 เพราะตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 19 ก.ค. จะเป็นการพูดคุยถึงความแน่วแน่ ในการเสนอชื่อนายพิธาเป็นครั้งที่ 2 และเรายังหวังเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากทั้ง 2 สภา
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ไปพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยพัฒนา ให้มาโหวตให้นายพิธา จะมีเงื่อนไขใดที่พรรคก้าวไกลรับได้หรือไม่ได้บ้าง นายณัฐชา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเงื่อนไข ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปพูดคุยเงื่อนไขใดบ้าง และหากเกิดขึ้นจริงอยากให้นำมาพูดคุยกันในพรรคร่วมฯ
เมื่อถามว่าการพูดคุยที่ยังไม่ลงตัวระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย รวมถึงการไม่เห็นด้วยในการแก้ไข ม.272 จะเป็นสัญญาณการแตกหักหรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า การแก้ไข ม.272 จะเกิดขึ้นหลังจากการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 วันนี้ถึงอยากทุกคนใน8พรรคร่วมโฟกัสที่การโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ก่อนและให้ช่วยดันหาหนทางดึง2สภามาช่วยกันให้โหวตผ่านครั้งที่2ไปได้ แล้วจะไม่มีการพูดคุยเรื่องอื่นๆต่อ
ส่วนจะมีการพลิกขั้วเปลี่ยนข้างหรือไม่นั้น มองว่า
พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลผนึกกำลังกันแข็งขันไม่มีทางพลิกไปทางไหนได้เลย เพราะ 188 คือเสียงข้างน้อยในสภา และ ส.ว.บางสรวนก็ประกาศงดออกเสียงไปตลอดก็ไม่ได้หมายความว่าตะโหวตให้ฝั่ง 188เสียง ดังนั้นจึงเขื่อว่า ฝั่ง188เสียงก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะผลักดันใครเป็นนายกรัฐมนตรี และยืนยันว่า วันนี้ยังไม่มีสัญญานสลับขั้วเพราะ8พรรคจับมือกันอย่างเข้มแข็ง
ทั้งนี้ก้าวไกลจะหากจะพลิกเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ มองว่า หากพลิกต้องพลิกทั้งก้อน 312เสียงเพราะจับกันแน่น จะพลิกแค่ของเราอย่างเดียวเป็นไปไม่ได้ ถ้าพรรคจัดตั้งรัฐบาล ผนึกกำลังกันอย่างเข้มแข็ง 312เสียงอย่างไรก็ตามเป็นฝ่ายค้านไม่ได้เลย เพราะจะเป็นฝ่ายค้าน312เสียงไม่ได้
"ต่อให้พรรคหนึ่งพรรคใดใน 8 พรรคหลุดออกไป แต่ก้าวไกลกับเพื่อไทย 2 พรรค 151 และ 141 เสียง จับมือกันอย่างแน่วแน่ ฟังเสียงของพี่น้องประชาชน และทำตามสิ่งที่ประชาชนคาดหวัง ผมคิดว่าไม่สามารถพลิกขั้วเปลี่ยนข้าง เพราะวันนี้สิ่งที่ประชาชนมอบให้คืออยากเห็นรัฐบาลประชาธิปไตย รัฐบาลที่เป็นฝ่ายค้านในอดีต ต่อสู้เคียงข้างกันมา 4 ปี ทำงานได้ดีจึงได้รับคะแนนจากพี่น้องประชาชน เพื่อให้มาเป็นรัฐบาลตามความต้องการของประชาชน" นายณัฐชา กล่าว
เมื่อถามว่ายืนยันหรือไม่ว่า ณ วันนี้ จะไม่มีการปล่อยมือกันอย่างแน่นอน แม้หลายฝ่ายจะให้ความเห็นว่าหย่ากันแล้ว นายณัฐชา ยืนยันว่าไม่มีอย่างแน่นอน แม้วันนี้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีเสียงแตกออกไป แต่ตนเชื่อว่าพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย รวมถึง 8 พรรคร่วมฯ มีการหันหน้าพูดคุยผนึกกำลังกันอย่างเข้มแข็ง เพราะการต่อสู้ร่วมกันมาตลอด 4 ปี รู้ว่าประชาชนต้องเจ็บปวดอย่างไร วันนี้สิ่งที่ต้องการเข้ามาเป็นรัฐบาล ไม่ได้ต้องการแค่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล แต่เราต้องการจะเข้ามาแก้ไขปัญหาที่หมักหมมให้กับประชาชน ถ้าพลิกขั้วไปเอาขั้วรัฐบาลเดิมที่เคยสร้างปัญหามาแก้ปัญหาเก่า ตนเชื่อว่า ประชาชนก็คงไม่ไว้ใจ
ส่วนเรื่องที่คนวิจารณ์ว่าพรรคก้าวไกลต้องการดึงพรรคเพื่อไทยเอาไว้จากท่าทีของแกนนำ เช่น นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ที่โพสต์รูปข้าวต้มมัด นายณัฐชา กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ได้เป็นความพยายามของใคร และรูปข้าวต้มมัดก็ไม่ได้เป็นการพูดออกมาจากพรรคใดพรรคหนึ่ง ยืนยันการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปตามมติของประชาชน