ความคืบหน้าฆ่า 4 ศพในพื้นที่ตำบลนาสัก อ.สวี จ.ชุมพร เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตเป็นชาวเมียมมา 3 ศพ คนไทย 1 ศพ และสุนัข 1 ตัว ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายประพันธ์
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้รายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาว่า เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายประพันธ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับ สามารถจับกุมได้ที่ ต.สองแพรก อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี
โดยมีคลิปวินาทีจับกุมนายประพันธ์ความยาว 2.10 นาที เป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปจับกุมผู้ต้องหา พร้อมสอบถามชื่อผู้ต้องหา กระทั่งเจ้าตัวได้ตอบเจ้าหน้าที่ว่า “ชื่อประพันธ์ นาคศิริ และยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมแต่โดยดี”
โดยช่วงท้ายคลิป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามนายประพันธ์ว่าอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุอยู่ที่ไหน เจ้าตัวก็อ้างว่า “ปืนเผาทิ้งพร้อมกับศพในที่เกิดเหตุแล้ว” แต่ตำรวจก็ไม่ปักใจเชื่อ พร้อมกับเค้นถามผู้ต้องหาเรื่องอาวุธปืนต่อ
จากนั้นผู้ต้องหาก็บอกตำรวจว่า “ผมขอรับสารภาพบางข้อหา ส่วนบางข้อหายังไม่ขอรับสารภาพ” และจู่ๆผู้ต้องหาได้หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง คล้ายกับสะใจ หลังจากนั้นก็มีการขอน้ำกับตำรวจมาดื่ม แล้วจู่ๆ ผู้ต้องหาก็อมน้ำดื่ม แล้วบ้วนน้ำใส่หน้าตำรวจ แล้วนายประพันธ์ก็บอกตำรวจเอาผ้ามาเช็ดหน้าให้หน่อย ขอผ้าที่สะอาดๆหน่อยนะ
เวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายประพันธ์ มายังสภ.นาสัก นาทีที่ผู้ต้องหามาถึงหลังจากเปิดประตูรถก็ได้พูดระบุว่า ตัวเองยอมรับว่า เป็นผู้ก่อเหตุยิงทั้ง 4 ศพ จริง โดยตัวเองสะสมความแค้นมาตลอด 3-4 ปี วันเกิดเหตุตัวเองตั้งใจว่าจะมายิงนายประยงค์เพียงคนเดียว
ซึ่งผู้ต้องหา ได้อ้างว่า นายประยงค์เคยมาเผาขนำของเขา 2 หลังที่อยู่สวนยางพาราติดกับผู้ตาย และมากรีดหน้ายางของตัวเองในครั้งที่ผ่านมา ส่วนเมื่อผู้สื่อข่าวได้ย้อนถาม ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ นั้น
นายประพันธ์ ยืนยันว่า ตัวเองมีหลักฐานว่าวันที่เกิดเกหตุตัวเองเห็นรถกระบะคันสีดำของนายประยงค์ขับเข้าๆออกๆที่สวนตัวเอง และเห็นว่าเขาเป็นคนทำ
เมื่อถามว่า นายประพันธ์ คิดไปเองหรือไม่หรือหลอนยาเสพติดหรือไม่ ได้ยืนยันว่าไม่ได้คิดไปเอง
อีกทั้งทั้ง ตัวเองยอมรับว่าเมื่อ 1 ปี ที่ผ่านมานั้น ตัวเองเคยดักยิงนายประยงค์มาก่อน 1 ครั้ง เพื่อเป็นการเตือนสติ ให้เลิกกลั่นแกล้งตนเองให้เลิกมาเผาขนำและกรีดหน้ายาง หลังจากจบเรื่องราวนั้น ตัวเองก็ได้ขอโทษไกล่เกลี่ยกับนายประยงค์ไปแล้ว
ส่วนเรื่องที่ตัวเองขับรถหนีไปที่สุราษฎร์ธานีนั้น ตัวเองไม่ได้มีความคิดหวังว่าจะไปฆ่าครอบครัวของนายประยงค์ที่จ.สุราษฎร์ธานี เพียงแค่ต้องการหลบหนี ต่อมาหลังจากสอบปากคำแล้วเสร็จนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามย้ำอีกครั้งในปมเรื่องการฆ่าแรงงานชาวเมียนมาโดยผู้ต้องหายืนยันว่า ถ้าหากวันนี้นมีแรงงานเมียนมาคนอื่นอยู่ในเหตุการณ์อีก ตัวเองก็จะยิงให้หมดยิงมากกว่า 4 ศพแน่นอน
นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดประพันธ์ขับมอเตอไซค์ไปก่อเหตุหลังก่อเหตุเสร็จชิงกระบะผู้ตายขับหลบหนี โดยนายประพันธ์ขี่รถมอเตอไซค์ออกจากบ้านเพื่อไปก่อเหตุ เวลา 06.22 น.
จากนั้นเวลา 11.51 น. กล้องวงจรปิดจับภาพนายประพันธ์ขับรถกระบะคันสีดำของนายประยงค์ผู้ตายออกไปจากสวน และพบว่าเวลา 12.01 น. กล้องจับภาพผู้ก่อเหตุขับรถกระบะคนตายออกจากพื้นที่ตำบลนาสัก จ.ชุมพร มุ่งหน้า จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้มาพูดคุยกับนางแพง (นามสมมติ) ลูกสะไภ้ ของนายประยงค์ผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายประพันธ์ เขาก่อเหตุยิงนายประยงค์ (ผู้เสียชีวิต) โดยเมื่อ 1 ปีที่แล้ว นายประพันธ์ ก็เคยก่อเหตุลอบยิงนายประยงค์มาแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งตอนนั้น โดยถูกยิงขณะขับรถ จนนายประยงค์ได้รับอาการสาหัส (โดนยิงกระสุนเข้าที่มือซ้าย และแก้ม) ซึ่งตอนนั้นทางครอบครัวก็สงสัยว่ามือปืนน่าจะเป็นนายประพันธ์ แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดจึงไม่ได้แจ้งความ
ส่วนประเด็นที่ผู้ต้องหา ไปบอกกับญาติว่า นายประยงค์ไปก่อเหตุไปเผาบ้านเขา 2 หลัง และไปกรีดหน้ายางของเขานั้น ตัวเองขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ผู้ก่อเหตุน่าจะเข้าใจผิด เพราะที่จริงแล้ว คนที่ไปเผาบ้านผู้ก่อเหตุ ไปกรีดหน้ายาง ของผู้ก่อเหตุ น่าจะเป็นนายตาล เพื่อนของผู้ก่อเหตุนั่นแหละ เพราะนายตาล เขามีเรื่องบาดหมางกับผู้ก่อเหตุมาก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้นายตาลได้เสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้
วันนี้ถึงตำรวจจะจับตัวผู้ก่อเหตุได้ แต่ตัวเองก็ยังไม่สบายใจเพราะกลัวเขาจะให้การปฏิเสธ หรือได้รับการประกันตัว จึงอยากให้เขาถูกดำเนินคดีถึงที่สุด เพราะถ้าเขาออกมา เขาก็อาจมาฆ่าคนอีกก็ได้
สำหรับวีรกรรมของนายประพันธ์เท่าที่ตัวเองทราบ เบาเป็นคนชอบคลั่งยา คนในหมู่บ้านก็เจอเขาเอาปืนมาขู่ และโดนเขาด่ามาแล้วหลายคน พี่สาวแท้ๆของนายประพันธ์ ก็ยังโดนน้องชายทำร้ายร่างกาย จนต้องไปแจ้งความจับน้องชายมาแล้ว และก่อนจะเกิดเหตุ 2 วัน นายประพันธ์ ก็มาขู่จะฆ่าพี่ชายของนายประยงค์
นางแพง ยังส่งภาพนายประยงค์รักษาตัวที่โรงพยาบาล ตอนที่ถูกลอบยิงในครั้งแรก พร้อมกับสภาพรถที่โดนลอบยิง มาให้กับทีมข่าวดูอีกด้วย เพื่อเป็นหลักฐาน ว่านายประยงค์เคยถูกลอบยิงมาแล้วจริงๆ
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนาง เอ น้าสาวของชาวเมียนมาที่เสียชีวิตทั้งสามราย ระบุว่า ตัวเองเป็นน้าของทั้งสามคนซึ่งทุกคนนั้นเป็นคนขยันทำงาน ขยันทำมาหากิน โดย ทุกคนนั้นทำงานมานาน 4-5 ปี แล้วรับจ้างกรีดยางที่สวนยาง ซึ่งเขาเองนิสัยดีกันทุกคน ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร และไม่เคยมีเรื่องราวอะไรกับนายพันธ์ (ผู้ต้องหา) เลย ส่วนที่มีข้อมูลมาว่า ทั้ง 3 คน ไปขโมยขี้ยางของนายประพันธ์ไปขายนั้น ขอยืนยันว่าไม่เปผ้นความจริง หลานของตัวเองทั้ง 3 ไม่เคยมีนิสัยแบบนั้น
ที่ผ่านมาหลานๆเองก็ยังไม่เคยมาพูดบอกว่าให้ฟังว่า เคยโดนข่มขู่ฆ่าข่มขู่ขณะที่อยู่ที่สวนยางแต่ยืนยันว่า พวกตนเองมีอาชีพกรีดยางดูแลสวน พวกกลุ่มคนกลุ่มตนเองไม่มีใครจะไปกล้า ลักขโมยขี้ยางหรือขโมยน้ำยางแน่นอน ตัวเองมาทำงานเพื่อเลี้ยงชีพไม่กล้าทำแบบนั้น
ล่าสุดวันนี้เวลา 19.00 น. ทีมข่าวไปพบนายไพโรจน์ลูกพี่ลูกน้องของผู้ก่อเหตุ ได้เข้าไปเยี่ยม ให้กำลังใจผู้ก่อเหตุอยู่ในห้องสอบสวนก่อนที่นายประพันธ์ผู้ก่อเหตุจะฝากสร้อยพระเหรียญหลวงพ่อสอง วัดศาลาลอย จ.ชุมพร ให้กับนายไพโรจน์เก็บรักษาเอาไว้
จากนั้นนายไพโรจน์ เปิดเผยกับทีมข่าวข่อง 8 ว่า ตอนนำตัวนายประพันธ์เข้าห้องขัง นายประพันธ์ ก็ได้ฝากสร้อยพระเหรียญหลวงพ่อสอง วัดศาลาลอย จ.ชุมพร ที่เจ้าตัวเชื่อว่าเป็นของขลังประจำกายมาฝากตัวเองเอาไว้
โดยนายประพันธ์ บอกกับตัวเองว่า เมื่อวานนี้ 16 กรกฎาคม 2566 ตอนที่เขาขับรถกระบะคนตายหลบหนีแล้วไปชนข้างทาง ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีนั้น เขาก็ได้บารมีเหรียญหลวงพ่อสอง ช่วยเหลือชีวิตเขาเอาไว้ เพราะถ้าไม่ได้เหรียญดังกล่าวช่วยเอาไว้ ดูจากสภาพรถที่ประสบอุบัติเหตุขนาดนั้น เขาคงตายไปแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ตัวเองก็จะเก็บเหรียญพระดังกล่าวเอาไว้ให้ผู้ต้องหาต่อไป
ส่วนในเรื่องคดีนั้น ตัวเองก็รู้สึกสบายใจ ที่นายประพันธ์เขาถูกจับกุม กลัวว่าถ้าเขาหลบหนีไป โทษจะหนักขึ้นกว่าเดิม
ส่วนวันนี้ครอบครัวของนายประยงค์ ผู้เสียชีวิต ได้นิมนต์พระสงฆ์หนึ่งรูป ไปทำพิธีเชิญวิญญาณนายประยงค์ที่จุดเกิดเหตุ ส่วนศพของผู้เสียชีวิต ครอบครัวจะมีการรับศพมาประกอบพิธีทางศาสนาในวันพรุ่งนี้