เกิดเหตุมีหญิงถูกยิงเสียชีวิตอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง พบร่างผู้เสียชีวิตอยู่ภายในบ้าน ทราบชื่อในเวลาต่อมา คือ นางสาวมลฤดี อายุ 27 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืน ลูกโม่ .38 เข้าที่ชายโครงด้านขวานอนคว่ำหน้า อยู่ในที่เกิดเหตุ
ขณะที่คนก่อเหตุทราบชื่อในเวลาต่อมาคือนายจำลอง อายุ 55 ปี หลังเกิดเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหน นั่งเฝ้าร่างของคนตายพร้อมกับนั่งดื่มเบียร์ และรอมอบตัวกับตำรวจ เบื้องต้นให้การว่าได้ทะเลาะกับคนตายจากนั้นได้นำปืนออกมาข่มขู่ เกิดการแย่งปืนต่อสู้ ทำให้ปืนลั่นไป 1 นัด
ขณะเดียวกัน ภายหลังนายจำลอง มีการก่อเหตุยิง นางสาวมลฤดี และอยู่รอมอบตัวกับตำรวจ ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมา แต่หลังจากที่สำนึกผิดได้แล้วเจ้าตัวเกิดอาการเป็นลม ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้มีการปฐมพยาบาลก่อนที่จะนำตัวขึ้นรถส่งไปยังโรงพัก สภ.บางเสาธง สมุทรปราการ
โดยทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปที่ห้องสืบสวนของโรงพักบางเสาธง ปรากฏว่ามีการนำตัวลงจากรถกู้ภัย นั่งอยู่บนวีลแชร์ ซึ่งในมือถือยาดม โดยอ้างว่ารู้สึกเสียใจและเป็นลมหลังจากที่มีการก่อเหตุยิงนางสาวมลฤดีถึงแก่ความ ซึ่งทีมข่าวพยายามสอบถาม ระหว่างที่มีการนำตัวลงจากรถกู้ภัยก่อนที่จะถูกหิ้วตัวเข้าไปภายในห้องสืบสวน
นายจำลอง คนก่อเหตุ เปิดเผยว่า ยอมรับว่าตนเองกับนางสาวมลฤดีทะเลาะมีปากเสียงกัน และมีการทะเลาะกันค่อนข้างรุนแรง ตนเองจับได้ว่าฝ่ายหญิงไปมีคนอื่น ทั้งที่ก็คบหากับตนเองมาไม่น้อยกว่า 15ปี เพียงแค่ไม่ได้จดทะเบียนด้วยกันเท่านั้น หลังจากที่จับได้ว่ามีคนอื่น จึงเกิดความโมโหก็เลยไปหยิบปืนในบ้านออกมาทะเลาะกัน จนกระทั่งเกิดเหตุทำให้นางสาวมลฤดีถูกยิงตาย ตนเองก็รู้สึกผิดและรับผิด และอยากให้ตำรวจพาตัวเข้าไปโดยเร็ว ไม่อยากที่จะอยู่ให้ข้อมูลอะไรกับผู้สื่อข่าวแล้ว
ขณะที่วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ไปยังบ้านที่เกิดเหตุได้คุยกับนางสาวกานดา (นามสมมติ) ญาติของมือปืน ในฐานะคนในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตัวเองสังเกตเห็นว่าบ้านหลังดังกล่าวปิดเงียบ ซึ่งก่อนที่จะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ก็ไม่ได้ยินเสียงทะเลาะอะไรกันรุนแรงมากนัก แต่เข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทั้งคู่มีปากเสียงกันบ่อยในช่วงหลัง
โดยยอมรับว่าตัวของนายจำลองและนางสาวมลฤดีมักจะมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง แต่เข้าใจว่าเป็นเรื่องส่วนตัวจึงไม่อยากเข้าไปยุ่ง เพราะเป็นเรื่องของผัวเมียทะเลาะกัน แต่สำหรับความสัมพันธ์ของทั้งคู่เพิ่งคบหากันได้ประมาณ 2 ปี และตัวของนางสาวมลฤดีก็เที่ยวไปมาระหว่างอีสานกับกรุงเทพ ที่สำคัญก่อนหน้านี้ตัวของนายจำลองมีภรรยาอยู่แล้ว โดยภรรยาเก่าเป็นคนชาวจังหวัดอุบลราชธานี จึงมีลักษณะคบซ้อนจนกระทั่งนายจำลองเคลียร์กับเมียเก่าได้ ช่วง1ปีหลัง จึงได้ให้นางสาวมลฤดีเข้ามาอยู่ในบ้านแล้วเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น
แต่ส่วนเรื่องของการคบซ้อนหรือเรื่องของการมีคนอื่นตามที่นายจำลองให้การกับตำรวจนั้น ส่วนตัวไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัวนายจำลอง แต่ยอมรับว่านอกจากจะทะเลาะกันบ่อยแล้ว ทุกครั้งที่ทะเลาะกันก็มักจะได้ยินเสียงปืนยิงขึ้นฟ้า เพราะทุกครั้งที่เกิดเหตุทะเลาะกันนายจำลองก็มักจะเอาปืนมายิงระบายอารมณ์ เช่นเดียวกับเหตุการณ์วันนี้ ก็เข้าใจว่าน่าจะทะเลาะกับนางสาวมลฤดี จึงเอาปืนมายิงเพื่อระบายอารมณ์ แต่ก็ไม่คิดว่าเสียงปืนที่ได้ยิน1นัด จะเป็นการปิดชีพเจ้าตัว
ภายหลังก่อเหตุ ตัวของนายจำลองก็ได้โทรศัพท์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยตัวเอง พร้อมทั้งโทรหาญาติเพื่อบอกว่ามีการก่อเหตุยิงนางสาวมลฤดีตาย ซึ่งตนเองแม้ว่าจะอยู่ใกล้บ้าน ก็เป็นคนที่มารู้ภายหลังตอนที่ตำรวจและญาติคนอื่นวิ่งเข้ามาดู, แต่สำหรับเหตุการณ์ที่ตอนถูกจับกุมนายจำลองอยู่ในอาการมึนเมา ยอมรับว่าก่อนที่จะถูกตำรวจจับตัวไป มีการดื่มเบียร์ ระหว่างรอเจ้าหน้าที่และญาติเค้ามาที่บ้านที่เกิดเหตุ
กู้ภัยเผยได้ยินเสียงคนตายร้องสะอื้นระหว่างรอแพทย์เวรตรวจสอบ
วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายธีรพล อาสากู้ภัย เปิดใจว่า หลังจากได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนถูกยิงเสียชีวิตอยู่ภายในบ้าน อาสากู้ภัยกลุ่มหนึ่งได้มีการยื่นล็อคตัวผู้ต้องหาคือนายจำลองอยู่กับเจ้าหน้าที่สายตรวจอยู่บริเวณหน้าบ้าน และอีกส่วนหนึ่งได้มีการกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาภายในตัวบ้าน ซึ่งจะมีเพียงอาสากู้ภัย 4 คน และผู้สื่อข่าวท้องถิ่น 1 คน อยู่บริเวณใกล้กับประตูห้องที่พบร่างของนางสาวมลฤดีนอนเสียชีวิต ระหว่างที่กำลังรอแพทย์เวรและทีมตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ปรากฏว่าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้สะอื้นดังขึ้นมามาตัวบ้าน เจ้าหน้าที่ทุกคนรวมถึงนักข่าวท้องถิ่นหันหน้ามองกัน พร้อมกับถามกันว่าได้ยินใช่ไหม จนกระทั่งทุกคนพยักหน้าตรงกัน และพยามตามหาต้นเสียง แต่พบว่าในบ้านหลังดังกล่าวนอกจากร่างของคนตายที่นอนอยู่บนพื้น ไม่มีคนอยู่ในบ้าน จึงทำให้ทุกคนถอยออกมาอยู่บริเวณหน้าบ้านจนกระทั่งเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการตรวจสอบในช่วงเวลาต่อมา
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ตนเองยืนยันว่าในบ้านที่เกิดเหตุ ไม่มีญาติของคนตาย และไม่ได้มีญาติของมือยิงอยู่ภายในบ้าน มีเพียงร่างของนางสาวมลฤดีที่นอนอยู่ข้างประตูห้องนอน ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยและรวมถึงผู้สื่อข่าวรวมทั้งผู้ที่เข้าไปปฏิบัติงานอยู่ใกล้ตัวบ้าน ก็ไม่มีใครเป็นผู้หญิง และไม่มีใครร้องไห้ ดังนั้นจึงเชื่อว่าเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น และอาจจะเป็นดวงวิญญาณของคนตายที่รับรู้ว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จึงร้องไห้เพราะอาการเสียใจ , ประกอบกับส่วนตัวในฐานะที่เป็นกู้ภัยมาหลายปี ก็ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ เพิ่งเคยเจอครั้งแรกเหมือนกัน
แม่คุณตายขอตำรวจชุดสืบเข้าไปดูหน้าผู้ต้องหา กอดกับญาติร้องไห้
นับตั้งแต่ ที่ตำรวจเชิญตัวนายจำลองมือปืนยิงนางสาวมลฤดีหรือส้มเข้ามาสอบปากคำตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา และทราบว่าโรงพักเดียวกันนั้นตัวของครอบครัวของคนตายก็ได้เดินทางมาติดต่อเอกสารที่โรงพักเช่นเดียวกัน
หลังจากที่นางอารีย์ ติดต่อเอกสารและดำเนินการกับพนักงานสอบสวนเสร็จแล้ว ได้ลงมาจากโรงพัก พร้อมกับกอดกับกลุ่มญาติเพื่อร้องไห้เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น , ก่อนที่จะพากันเดินไปที่บริเวณหน้าห้องสืบสวน เพื่อขออนุญาตตำรวจ เพื่อขอดูหน้าตัวของนายจำลองผู้ต้องหา โดยพนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้เข้าไป เพราะเนื่องจากกลัวว่าจะเกิดเหตุกระทบกระทั่ง, แต่อนุญาตให้เฉพาะนางอารีย์ แม่ของคนตายคนเดียว ที่เข้าไปภายในได้ เพราะเนื่องจากนางอารีย์ก็รู้จักกับนายจำลอง ในฐานะที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาดด้วยกัน แต่การเข้าไปขอดูหน้าผู้ต้องหานั้นให้อยู่กระจกข้างนอกเท่านั้น หลังจากที่เข้าไปและยืนยันว่าตัวของนายจำลองถูกจับจริง ใช้เวลาไม่นานก็เดินกลับออกมา