จากกรณีที่มีคนร้ายบุกไปยิงลูกจ้างโรงงานแปรรูปเหล็กเสียชีวิต บริเวณหน้าที่พักคนงานโรงเหล็กแปรรูป อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือนายสันต์โดยตำรวจสามารถจับกุมนายปัญญา อาสานอก หรือ บอม อายุ 34 ปีที่ก่อเหตุยิงนายสันต์ ได้แล้วก่อนจะนำมาชี้จุดเกิดเหตุ
หลังจากนั้นนายปัญญา ได้ซัดทอดว่านายสมัย อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ต.กุดตุ้ม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ได้จ้างวานให้ไปก่อเหตุยิงนายสันต์ ในราคา 10,000 บาท
ผญบ.ปฏิเสธ อ้างไม่ได้จ้างวานฆ่า
ล่าสุดวันนี้ (18 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พนักงานสอบสวน ได้นำนายสมัย อายุ 60 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านมาสอบปากคำที่ห้องพนักงานสอบสวน โดยนายสมัย ยังมีท่าทีเรียบเฉยและไม่ค่อยตอบคำถามผู้สื่อข่าวมากหนัก
ซึ่งระหว่างสอบปากคำนายสมัยผู้สื่อข่าวช่อง8 ได้สอบถามนายสมัย เกี่ยวกับความขัดแย้งกับนายสันต์ ผู้ตายซึ่งนายสมัยได้พูดเพียงสั้น ๆ ว่า ไม่พอใจผู้ตาย ที่เดิมที่เคยเป็นลูกน้องของตนเอง ก่อนจะเปลี่ยนขั้วทางการเมือง มาสนับสนุนฝ่ายตรงข้าม
ส่วนเรื่องการจ้างวานฆ่า นายสมัยให้การปฎิเสธ รับเพียงว่าเป็นเจ้าของอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์จริง โดยอ้างว่าวันที่ 16 ก.ค.66 ช่วงเที่ยง นายบอมผู้ก่อเหตุมาขอยืมปืนและตนเองได้นำปืนมาส่งมอบให้นายบอมผู้ต้องหาที่ถนนสายชัยภูมิ-บัวใหญ่ ระหว่างหมู่บ้านโพธิ์ทอง-หนองหญ้ารังกา แต่ไม่ทราบว่านายบอมจะนำปืนมาใช้ก่อเหตุยิงนายสันต์ และในวันเกิดเหตุตนเองก็อยู่ที่บ้านไม่ได้ไปไหน
สำหรับนายบอมผู้ต้องหา นายสมัยยอมรับว่ารู้จักกับนายบอมจริง เพราะนายบอมทำงานอยู่ที่อู่ซ่อมรถและตนเองได้นำรถยนต์กระบะไปซ่อมกับนายบอมเป็นประจำ ส่วนกับผู้ตายถือเป็นเครือญาติกันเพราะเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน
มือปืนเปิดปากสารภาพ สมัยจ้างฆ่า 1 หมื่นบาท
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายปัญญา หรือ บอม มือปืนมาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยนายปัญญายังไม่ค่อยพูดหรือตอบคำถามนักข่าว
แต่ระหว่างที่พนักงานสอบสวน สอบปากคำนายปัญญา ผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่านายสมัย อดีตผู้ใหญ่บ้าน ได้ว่าจ้างตนเองเป็นเงิน 10,000 บาทจริง เพื่อไปให้ก่อเหตุฆ่านายสันต์
โดยก่อนหน้านี้ 1 วัน คือวันที่ 15 ก.ค.66 ได้มีการพูดคุยนัดหมายตกลงกับนายสมัยว่าหลังก่อเหตุ จะหลบหนีไปกรุงเทพด้วยกัน ก่อนที่วันที่ 16 ก.ค.66 ช่วงเที่ยง ได้นัดหมายส่งมอบอาวุธปืนกันที่จุดนัดพบ โดยนายสมัยเป็นคนเอาอาวุธปืนมาส่งมอบให้ตนเอง หลังก่อเหตุได้นำเสื้อมาเผาที่อู่ซ่อมรถที่ตนเองทำงาน และได้นำเอากางเกงมาถอดทิ้งไว้ในห้องเช่า ก่อนจะแอบไปหาแฟนสาวที่ร้านตัดเย็บเสื้อ จนถูกตำรวจจับได้ โดยหลังก่อเหตุตนเองยังไม่ได้รับเงินค่าจ้างจากนายสมัย
ส่วนตนเองกับนายสมัยรู้จักกัน เพราะนายสมัยมักจะเอารถกระบะมาซ่อมที่อู่ประจำ จึงได้มีการพูดคุยและสนิทสนมกัน
ล่าสุดช่วงเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายปัญญา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยเริ่มตั้งแต่จุดที่ก่อเหตุ คือ ที่บริเวณห้องพักผู้ตาย ด้านหลังโรงงานแปรรูปเหล็ก จากนั้นก็ตามมาด้วยจุดส่งมอบอาวุธปืนกันที่ถนนสายชัยภูมิ-บัวใหญ่ ระหว่างหมู่บ้านโพธิ์ทอง-หนองหญ้ารังกา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 20 กม.
จากนั้นตำรวจได้คุมตัวนายปัญญามาชี้จุดที่เผาทำลายเสื้อที่ใส่ในวันก่อเหตุ ซึ่งอยู่ที่บริเวณหน้าอู่ซ่อมรถยนต์ที่นายปัญญาทำงาน ก่อนจะคุมตัวไปที่ห้องเช่า ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอู่ซ่อมรถ ห่างกันประมาณ 50 เมตร ซึ่งจุดนี้นายปัญญาได้มาเปลี่ยนกางเกงที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุและถอดรองเท้าแตะสีดำทิ้งไว้หน้าห้อง โดยตลอดช่วงที่คุมตัวมายังจุดเกิดเหตุนายปัญญาจะหลบหน้าตลอด
ก่อนที่ตำรวจจะคุมตัวไปยังจุดที่นายปัญญา นำอาวุธปืนไปทิ้งที่ปั้มน้ำมันร้าง ด้านหลังห้องเช่านายปัญญาอยู่ห่างจากห้องเช่าประมาณ 200 เมตร ซึ่งหลังก่อเหตุนายปัญญาได้เอาอาวุธปืนใส่กล่องมาซุกซ่อนไว้ในยางรถยนต์เก่า
จากนั้นตำรวจได้คุมตัวนายปัญญาไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่นายปัญญาเจอกับนายสันต์ผู้ตายครั้งแรก และจุดนี้นายปัญญาได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับนายสมัย อดีตผู้ใหญ่บ้าน และได้เปิดลำโพงโทรศัพท์ปลายสายได้พูดในลักษณะทำนองว่า"มึงเห็นมันไหม นอนอยู่ที่เปล"
ซึ่งตรงกับคำให้การแม่ค้าร้านอาหาร ที่เผยว่า วันดังกล่าวตนเองได้ยินนายปัญญาคุยโทรศัพท์พร้อมกับเปิดลำโพงคุย ซึ่งเสียงปลายสายตนเองจำได้แม่นว่าเป็นเสียงนายสมัยอดีตผู้ใหญ่บ้าน
แม่และญาติร่ำไห้ เคาะโลงบอกจับคนร้ายได้แล้ว
ต่อมาเราได้เดินทางไปที่บ้านบ้านหนองเขื่อง ตำบลกุดตุ้ม อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งทางครอบครัวได้มีการจัดงานบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนาที่บ้านเป็นคืนที่ 2 ก่อนที่จะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันพรุ่งนี้ ขณะที่บรรยากาศภายในงานยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของครอบครัวโดยเฉพาะผู้เป็นแม่ ที่วันนี้ได้ไปเคาะโลงศพ บอกกล่าวลูกชาย หลังทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวมือปืนและผู้บงการได้แล้ว
ด้านนายประสบโชค น้าชายผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเองยอมรับไม่ได้หากนายสมัย ได้รับการประกันตัวออกมา เพราะตนเองเชื่อว่าหากนายสมัยได้รับการประกันตัว ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้เกิดความวุ่นวายและไม่ปลอดภัยแน่นอน โดยเฉพาะกับครอบครัวของตนเอง เพราะตนเองรู้จักนิสัยนายสมัยอดีตผู้ใหญ่บ้านคนนี้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ตนเองยังรู้แม้กระทั่งว่านายสมัย อดีตผู้ใหญ่บ้านเลี้ยงนายบอมไว้ใช้งานในด้านนี้ เพราะตนเองเคยได้ยิน 2 คนนี้คุยกันเรื่องที่นายบอมขอเงินจากนายสมัย อดีตผู้ใหญ่บ้านไปจ่ายค่าห้องเช่า แต่นายสมัยให้จ่ายค่าเช่าแค่ 15 วัน ซึ่งตอนนั้นตนเองคิดได้ทันทีว่าจะก่อเหตุแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าก่อนหรือหลังเลือกตั้ง