จากกรณีที่นางสาวชญานิศ อายุ 19 ปี ลูกสาวของนายอภิสิทธิ์ อายุ 43 ปี ขับรถจยย. ชนกับรถกระบะมาเป็นเวลา 1 ปี โดยคู่กรณีรถกระบะถูกดำเนินคดีแจ้งความเท็จ แต่คนขับตัวจริงไม่โดนลงโทษอะไรเลย
นายอภิสิทธิ์ เล่าว่า เรื่องดังกล่าวเหตุเกิดวันที่ 12 ก.พ. 65 เวลาประมาณ 03.15 น. บริเวณแยกสาย 3 ตัดพัทยากลาง โดยติดใจตั้งแต่วันแรกเพราะเพื่อนลูกสาวบอกว่าผู้ชายเป็นคนขับ แต่บันทึกลงไปว่าเป็นชื่อของผู้หญิง อายุ 54 ปี และเป่าแอลกอฮอล์เป็น 0 โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการสอบถามและติดตามทั้งๆที่เพื่อนลูกสาวบอกคนขับเป็นผู้ชาย
เปิดวงจรปิดหลักฐานสำคัญคดีนี้
ทีมข่าวช่อง 8 ได้กล้องวงจรปิดจับภาพอุบัติเหตุบนถนน กลางสี่แยกชุมสาย พัทยากลาง ตัดสาย3 จังหวัดชลบุรี เหตุเกิดวันที่ 12 ก.พ. 65 เวลาประมาณ 03.15 น. รถกระบะชนกับที่รถจักรยานยนต์ ทำให้นางสาวชญานิศ หรือ น้องแวน อายุ 19 ปี เสียชีวิตคาที่
หลังจากนั้นไม่ถึง 2 นาทีภาพวงจรปิดจับภาพเห็นได้ชัดว่าชายคนที่เป็นคนขับเดินมาเอาของในรถแล้วก็เดินหายจากที่เกิดเหตุไป
หลังจากนั้นผ่านมาอีกประมาณ 7 นาทีมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เดินเข้ามาในที่เกิดเหตุเปิดประตูด้านซ้ายของรถคันที่เป็นคนชนและสุดท้ายผู้หญิงคนดังกล่าวอ้างตัวเป็นคนขับรถ และรับผิดชอบถูกดำเนินคดี
พ่อผู้เสียชีวิตเผยคดีไม่มีความคืบหน้ายังไม่ได้สั่งฟ้อง
ล่าสุด ทีมข่าวของเรา ไปคุยกับนายอภิสิทธิ์ พ่อน้องแวนผู้เสียชีวิตที่ต้องการเรียกร้องขอความเป็นธรรม เพราะคดีความก็เลยมา 1 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้ายังไม่ได้สั่งฟ้อง
ที่สำคัญคือทางครอบครัวก็ทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าคนที่ตำรวจดำเนินคดีด้วยจริงๆแล้วไม่ได้เป็นคนขับตัวจริงแต่เป็นภรรยาของชายคนที่ก่อเหตุ โดยในวันเกิดเหตุบันทึกลงไปว่าเป็นชื่อของผู้หญิง และเป่าแอลกอฮอล์เป็นศูนย์โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการสอบถามและติดตามทั้งๆที่เพื่อนลูกสาวบอกคนขับเป็นผู้ชาย
จนภายหลังมีดำเนินคดีแจ้งความเท็จกับผู้หญิงที่เป็นภรรยาอ้างตัวว่าเป็นคนขับ จนล่าสุดเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ศาลได้ตัดสินในคดีแจ้งความเท็จว่าผู้หญิงคนดังกล่าวแจ้งความรับผิดแทน สามีตัวเอง จริง ถูกศาลสั่งปรับเป็นจำนวนเงิน 8,000 บาท แต่ผู้หญิงคนดังกล่าวรับสารภาพสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือปรับ 4,000 บาท พร้อมรอลงอาญาหนึ่งปี
แต่คนขับตัวจริงไม่โดนลงโทษอะไรเลยแล้วคดีที่ลูกสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุก็ไม่มีความคืบหน้าจึงเกิดความทุกข์ใจเพราะทุกวันนี้ก็ต้องเลี้ยงลูกของลูกสาวอยู่แต่คนที่ทำผิดกลับไม่ได้ถูกดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมาย
ที่สำคัญพอมาทราบทีหลังว่าผู้ก่อเหตุตัวจริงนั้นเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เมืองพัทยาก็ยิ่งเกิดความไม่สบายใจยิ่งเวลาล่วงเลยมาก็คิดว่าไม่สามารถเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกสาวได้เนื่องจากเป็นชาวบ้านคนธรรมดา
นอกจากนั้นยังรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก ตำรวจเจ้าของคดี เพราะเป็นค้นหาพยานหลักฐานเองทั้งหมดรวมถึงกล้องวงจรปิดที่เป็นพยานหลักฐานสำคัญว่ามีการสลับตัว ส่วนตำรวจเจ้าของคดีก็พยายามเรียกให้พ่อผู้เสียหายไปเจรจากับทางผู้ก่อเหตุซึ่งโดยส่วนตัวนายอภิสิทธิ์เคยได้มีโอกาสไปเจรจากับ สองสามีภรรยาคนก่อเหตุ ต่อหน้าตำรวจ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะฝั่งคู่กรณีระบุแค่ว่าจะยอมจ่ายเงินชดเชยให้เดือนละ 3,000 บาท ในระยะเวลาสองปี เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี แต่ตอนนั้นนายอภิสิทธ์ มองว่าไม่เป็นธรรมกับครอบครัวตัวเองจึงไม่ได้รับข้อเสนอนั้น ทำให้คู่สามีภรรยาลุกขึ้นเดินหนีต่อหน้าตำรวจและหลังจากนั้นก็ไม่ได้เคยมีการพูดคุยกันอีกเลย
แต่มีตำรวจเจ้าของคดีกลับพยายามโทรศัพท์มาไก่เกลียแทนคู่กรณีกับครอบครัวผู้เสียชีวิตระบุว่า ถ้าทางคู่กรณีจ่ายเงินให้จำนวน 150,000 บาทคุณพ่อจะยอมไหม ซึ่งคุณพ่อของผู้เสียชีวิตตอบปฎิเสธ และทางคดีก็ไม่มีความคืบหน้า
ส่วนความคืบหน้าทางคดีวันนี้ทางพ่อของน้องแวนผู้เสียชีวิตพยามโทรศัพท์สอบถามกับตำรวจเจ้าของคดี แต่พอทราบว่าพ่อของผู้เสียชีวิตอยู่กับทีมข่าวตำรวจเจ้าของคดีจึงปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลพร้อมกับตัดสายโทรศัพท์ทิ้งไป
ทีมข่าวของเราจึงเช็คความคืบหน้าทางคดีกับผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรพัทยาให้ข้อมูลกับเราระบุว่าคดีนี้เป็นคดีเก่าตั้งแต่สมัยที่ผู้กำกับคนนี้ยังไม่ได้มารับตำแหน่งแต่เบื้องต้นได้เรียกเจ้าของคดีร้อยเวรมาสอบถามข้อมูลและวันนี้ได้ทำการเร่งรัด จนสามารถแจ้งข้อหากับผู้ชายที่เป็นคนขับรถตัวจริงในการดำเนินคดีน้องแวนนี้เรียบร้อยแล้วหลังจากนี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการส่งฟ้องต่ออัยการตามขั้นตอนทางกฎหมาย