นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า หากการโหวตนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 ไม่ผ่าน จะให้พรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ส่วนตัวคิดว่านายพิธา พูดไปตามระบบ และขั้นตอน แต่ขอให้ทำเต็มที่ก่อน ซึ่งพรรคเพื่อไทยยังสนับสนุนนายพิธาอย่างเต็มที่

หากวันพรุ่งนี้การเสนอชื่อนายพิธาจะต้องตกไปนั้น พรรคเพื่อไทยจะต้องกลับมาคุยกันก่อน และหากต้องเป็นพรรคเพื่อไทย ก็จะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และส่วนตัวยังไม่ได้คิดไว้ว่าจะต้องเข้าไปเป็นดำรงตำแหน่งอะไรในฝ่ายบริหาร แต่ยืนยันว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน ยังช่วยกันทำงาน ไม่ว่าจะตำแหน่งไหนก็ช่วยกันทำงาน

ทั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นางสาวแพทองธาร จะออกหน้ามาช่วยดีลเสียงสนับสนุนให้นายเศรษฐา ได้ 375 เสียง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ถ้าส่วนตัวช่วยอะไรได้ก็จะช่วย และต้องคุยกันก่อนว่าจะคุยกับใครได้บ้าง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้วางแผนไว้ เพราะไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

นางสาวแพทองธาร ยังไม่ขอตอบกรณีที่หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะมีพรรคก้าวไกลอยู่ในสมการหรือไม่ หลัง ส.ว. ยืนยันจะไม่โหวตให้ โดยขอให้เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค และ 8 พรรคร่วม คุยกันดีกว่า ส่วนตัวอยากให้เป็นไปทีละขั้นตอน เนื่องจากห่วงว่าจะเกิดความวุ่นวาย และจะทำให้เกิดความไม่สบายใจ ส่วนตัวยังไม่ได้วางสถานการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง พร้อมย้ำ ขอให้กรรมการบริหารพรรคคุยกันดีกว่า เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

นางสาวแพทองธาร ยังไม่ทราบกรณีที่นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ออกมาบอกว่าได้พูดคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทยไว้ เพราะไม่ได้คุยกับตนเอง

“ตอนนี้การเมืองต้องโฟกัสเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลให้ประชาชนได้เมื่อไหร่ เพราะประเทศชาติจะต้องไปต่อ แต่ตอนนี้เข้าใจว่ากฎกติกาไม่ปกติ มีกับดักมากมาย จึงต้องผ่านมันไปให้ได้ เรื่องปากท้องต้องแก้ไข ถ้าภาพตรงนี้หายไปจะทำให้ประเทศก้าวหน้า ต่างชาติจะได้มั่นใจเข้ามาลงทุน อยากให้ทุกคนโฟกัสเรื่องนี้เป็นหลัก” นางสาวแพทองธาร กล่าว

นางสาวแพทองธาร ยังไม่ทราบกรณีที่กลุ่ม ส.ส. อีสานพรรคเพื่อไทย ต้องการหนุนตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ส่วนตัวยังสนับสนุนนายเศรษฐา และยอมรับว่า สถานการณ์ในประเทศชาติไม่ง่าย จึงคิดว่าตัวเลือกที่ดีที่สุด คือ นายเศรษฐา จะมีส่วนช่วยเรื่องเศรษฐกิจ และช่วยแก้ปัญหาต่างๆได้อย่างทันท่วงทีถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ถ้าไม่ได้ก็ยังพร้อมร่วมกันทำงาน และเชื่อว่าตนเองจะคุยทำความเข้าใจกับ ส.ส. ได้ และส่วนตัวก็จะเรียนรผู้และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ

ส่วนที่มีกระแสข่าว ว่า ขั้วรัฐบาลเดิมจะซื่องูเห่าพรรคเพื่อไทย ประมาณ 20-3 คน นางสาวแพทองธาร ได้หันไปถามทีมงานว่าพูดได้แค่ไหน ก่อนที่จะหัวเราะ และบอกว่า น่าจะเป็นการเข้าใจผิดกัน แต่ไม่ทราบว่าในการพูดคุยกันนั้นมีเรื่องอะไรบัาง แต่เท่าที่ได้คุยกันในพรรค ไม่ได้เป็นตามกระแสข่าว และยังมั่นใจในตัว ส.ส. ของพรรค

นางสาวแพทองธาร ยังย้ำว่า การเดินทางกลับประเทศไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ คุณพ่อ จะยังเลื่อนวันเดินทางกลับออกไปแต่ไม่มากไปจากเดิม เพราะขณะนี้การเลือกนายกรัฐมนตรียังไม่เรียบร้อย และที่ได้พูดคุยกัน คุณพ่อบอกว่า รอได้ รอให้ให้เหตุการณ์การเมืองราบรื่น แต่ไม่รู้ว่าคุณพ่อ จะรอให้สถานการณ์การเมืองนิ่งขนาดไหนถึงจะกลับ เพราะคุณพ่อไม่อยากให้เป็นปัจจัยทางการเมือง

ส่วนที่มีเอกสารทางการเตรียมการความพร้อมรับตัวกลับหลุดออกมานั้น ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องปกติของทางราชการที่ต้องเตรียมพร้อม ไม่ใช่เฉพาะเตรียมรับคุณพ่อเท่านั้น แต่เมื่อข่าวการเดินทางกลับของคุณพ่อ ราชการก็ราชการก็อาจจะเตรียมไว้บ้าง เป็นเรื่องปกติ

*ชี้ชะตาการเมือง
โดยวันที่ 19 ก.ค. 66 มีเรื่องสำคัญ 2 เรื่อง เวลา 09.30 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นัดถกรับไม่รับคดี "พิธา" ปมหุ้นไอทีวี

และการประชุมรัฐสภา โหวตนายกรัฐมนตรีคนที่30

*เศรษฐา
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าประชุมพรรคประจำสัปดาห์ แต่เลี่ยงที่จะให้สัมภาษณ์ตอบคำถามสื่อมวลชน หลังจากที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯของพรรค ออกมาเปิดเผยว่าหากพรรคเพื่อไทยต้องรับไม้ต่อจากพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาลจะเสนอชื่อนายเศรษฐาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในสภาฯ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามทำไมวันนี้ไม่ให้สัมภาษณ์ นายเศรษฐามองนาฬิกาข้อมือแล้วระบุว่ามีประชุม เรื่องปัญหาปากท้องประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ จากนั้นได้เดินไปหานางสาวแพทองธารที่ยืนอยู่บริเวณหน้าห้องแถลงข่าวของพรรค และนางสาวแพทองธารบอกว่าสัมภาษณ์ไปแล้ว

เมื่อถามว่า "คุณอิ๊งค์พูดชัดเจนว่าถ้าเพื่อไทยได้ตั้งรัฐบาลจะเสนอชื่อคุณนิดเลย" นายเศรษฐาระบุสั้นๆว่า “ครับ คุณอิ๊งค์ต้องบอกกรรมการบริหารล จากนั้นทั้งนายเศรษฐาและนางสาวแพทองธารเดินเข้าลิฟท์เพื่อขึ้นไปห้องทำงานชั้นบนทันที

*เพื่อไทยแถลง
ต่อมานายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมพรรค ที่มีกรรมการบริหารพรรค แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทั้ง 3 คน และ ส.ส. เข้าร่วมประชุม โดยนายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) โดยมอบหมายให้นายสุทิน คลังแสง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นค้าน หากมีสมาชิกรัฐสภา เสนอญัตติมาพิจารณา และให้มีการลงคะแนน ว่า ญัตติการเสนอชื่อนายพิธา เป็นญัตติซ้ำ และต้องตกไปเพราะเห็นว่าการเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 272 และ ส.ส. ทั้ง 141 เสียงของพรรค ยินดีที่จะขานชื่อ นายพิธา เป็นบุคคลที่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีต่อที่ประชุม แต่หากที่ประชุมมีมติ ว่า ญัตติดังกล่าวต้องตกไป ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่ 41 ไม่สามารถโหวตต่อได้ ประธานรัฐสภาจะปิดประชุม เพื่อไปนัดหมายวันโหวตนายกรัฐมนตรีในครั้งต่อไป

โดยหลังจากนี้จะต้องรอดูพรรคแกนนำพรรคอันดับ 1 ว่าจะดำเนินการอย่างไร เช่น หากแถลงยินดีให้พรรคอันดับ 2 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะดำเนินการ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เตรียมการอะไร ขอให้รอมติในวันพรุ่งนี้ว่าจะออกมาอย่างไรก่อน และวันนี้ในแจ้งต่อที่ประชุมในวันนี้ให้รับทราบ แต่ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด ยอมรับ ในชั้นเตรียมการบางสิ่ง บางอย่างเป็นการภายในก็ได้ปรึกษาหารือกันไว้เท่านั้น แต่ยังไม่มีมติออกมา

ส่วนกรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า จะเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยต้องมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น มองว่าเป็นความเห็นส่วนบุคคลของสมาชิก ซึ่งกรรมการบริหารพรรคยังไม่ได้เตรียมการเรื่องนี้ เพราะจะต้องรอมติในวันพรุ่งนี้ และมติของพรรคก้าวไกลที่จะแถลงการณ์ออกมา พร้อมเชื่อว่าจะไม่เกิดความเสียหาย แต่ในทางมารยาทไม่น่าจะดี

เศรษฐา นั่งนายกฯ อิ๊งค์ช่วยดัน แต่ทั้งพรรคอุบไม่พูดสลับขั้วเพื่อชาติทิ้งก้าวไกล