รัฐสภามีมติ 395 เสียง ชี้ชื่อพิธา เป็นญัตติที่ถูกปัดตกไปแล้ว เสนอซ้ำรอบ2ไม่ได้

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาวาระการเลือกบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ซึ่งมีผู้เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เพียงชื่อเดียว ให้รัฐสภาพิจารณา และ มีส.ส.รับรอง 299 คนครบตามจำนวนที่กำหนด

ทั้งนี้ ในการพิจารณาดังกล่าวไม่สามารถลงมติตามที่ขั้นตอนได้ เนื่องจากที่ประชุมได้พิจารณาข้อหารือ ตามที่นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอประเด็นให้พิจารณาเพื่อโต้แย้งการเสนอชื่อนายพิธา ให้รัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ รอบสอง เพราะมองว่าาการชื่อของนายพิธานั้นเข้าข่ายเป็นญัตติที่รัฐสภาตีตกไปแล้ว หลังจากการประชุมรัฐสภา เมื่อ 13 กรกฏาคมนั้น นายพิธาไม่ได้เสียงเห็นชอบให้เป็นนายกฯ ดังนั้นกรณีเสนอชื่ออีกครั้ง ถือว่าขัดกับข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 อย่างไรก็ดีตนยืนยันว่าชื่อของนายพิธาไม่ได้เสียสิทธิ์ต่อการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ แต่ต้องเกิดขึ้นในสมัยประชุมครั้งถัดไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้ใช้เวลาถกเถียงกันอย่างดุเดือดเข้มข้น ระหว่าง พรรคขั้วรัฐบาลเดิม กับ 8 พรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงฝั่งส.ว. ซึ่งยกเหตุผลและข้อบังคับ รวมถึงรัฐธรรมนูญว่าด้วยการโหวตนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 สนับสนุนเหตุผลของฝั่งตนเอง ทั้งนี้พรรค ก.ก. ยืนยันว่าการเสนอชื่อบุคคลให้ความเห็นชอบเป็นนายกฯนั้น เป็นเรื่องที่เสนอให้พิจารณา ไม่ใช่การเสนอญัตติตามที่บัญญัติไว้ในข้อบังคับการประชุม

ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการอภิปราย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายตอนหนึ่งว่า ตนขอให้หัวหน้าพรรคการเมืองระลึกด้วยว่า การพิจารณาตามข้อหารือนั้นอาจสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดีของอนาคตการเมืองไทย ทั้งนี้การเลือกนายกฯ ตามบทเฉพาะกาลท มาตรา 272 นั้น มีโอกาสใช้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะครบ5 ปี ทั้งนี้รัฐธรรมนูญ ยังมมีผลบังคับใช้ และการเลือกนายกฯ​ต้องปฏิบัติตามมาตรา 159 โดยให้สภาฯเลือกแคนดิเดตนายกฯ จากบัญชีของพรรคการเมือง ดังนั้นในอนาคตหากเกิดกรณีที่พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งไม่พอใจ เพราะจัดสรรปันส่วนไม่ลงตัว และที่ประชุมสภา ไม่รับข้อเสนอของพรรคเสียงข้างมากที่เสนอบุคคลเป็นนายกฯ คนที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯอาจตกม้าตาย เพราะที่ประชุมมโหวตไม่ได้ และหากยึดบรรทัดฐานที่ระบุว่าเสนอชื่อซ้ำไม่ได้อาจจะสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ดีในอนาคต

“ด้วยความเคาพอย่าให้บรรทัดฐานการเมือง ต่อประเด็นลงมติเลือกนายฯ เป็นบรรทัดฐานที่ไม่ดีต่อไปในอนาคต ผมเห็นว่าบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 มาตรา 272 และข้อบังคับการประชุมรัฐสสภา ข้อ 136 เป็นบทบัญญัติเฉพาะว่าด้วยการเลือกนายกฯ ดังนั้นจะนำเรื่องข้อบังคับที่เป็นญัตติ ซึ่งเป็นบททั่วไปมาบังคับไม่ได้ ทั้งนี้ไม่มีอะไรห้ามที่จะเสนอ ตรงกันข้ามการพิจารณานั้นต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ” นายชูศักดิ์ อภิปราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้ใช้เวลาถกเถียงและอภิปรายในเหตุผลที่สนับสนุนความเห็นของฝั่งตนเอง ซึ่งใช้เวลานานกว่า 8 ชั่วโมง

และเมื่อเวลา 16.55 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวว่าขอให้ที่ประชุมลงมติ ว่า การเสนอชื่อนายพิธาให้รัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ อีกรอบขัดกับข้อบังคับการประชุมข้อ 41 หรือไม่ โดยผลการลงมติ พบว่า เสียงข้างมาก 395 เสียง ต่อ 312 เสียง งดออกเสียง 8 เสียงไม่ลงคะแนน 1 คือไม่เสนอชื่อนายพิธาซ้ำ ได้ในสมัยประชุมนี้