สว.มารุต ยันไม่โหวตรอบต่อไปหากเพื่อไทยมีก้าวไกล
พลเอกมารุต ปัชโชตะสิงห์ สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า น่าจะมีการเรียกประชุมอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ส่วนการประชุมเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี มีการยึดตามข้อบังคับ 41
ส่วนจุดยืนในการโหวตครั้งหน้าหากมีการเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน จะมีแนวทางพิจารณาอย่างไร พลเอกมารุต กล่าวว่า ต้องไปพิจารณาหน้างาน ตอนนี้ยังไม่มีจุดยืนอะไร ขอพิจารณาก่อน
ส่วนหากพรรคเพื่อไทย ยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ในสมการ ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะตัดสินใจไม่โหวตให้ แต่หากไม่มีพรรคก้าวไกลก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายที่จะโหวตให้พรรคเพื่อไทยเช่นกัน
ปิยบุตรห่วงแคนดิเดทนายกฯหมดสต็อก
นายปิยบุตร แสงกนกกุล โพสต์เฟซบุ๊กว่า ผลการลงมติในที่ประชุมรัฐสภาวันนี้ ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตำแหน่งประธานรัฐสภา
ผลจากการประชุมรัฐสภาวันนี้ คงได้เห็นความสำคัญของตำแหน่งประธานรัฐสภาในช่วงเวลาที่มาตรา 272 ยังคงอยู่กันแล้ว
ผลการลงมติวันนี้ ไม่เพียงกระทบต่อการเลือกพิธาในรอบที่ 2 แต่ยังกระทบไปถึงการลงมติครั้งหน้า ในการเสนอชื่อแคนดิเดตจาก พท. ด้วย
ต่อไปนี้ สว.และ พันธมิตรสามพรรค “ภจท./พปชร./รทสช.” มีอำนาจต่อรองกับ พท. ว่า หากครั้งหน้า เสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรค พท. มาโดยที่ยังยึด “8 พรรค” และมี กก. อยู่ พวกเขาก็จะไม่ลงคะแนนให้แคนดิเดตจาก พท. ทำให้ พท. และพันธมิตร “8 พรรค” อาจไม่กล้าเสี่ยงในการแบก กก. ไว้อีกต่อไป เพราะหากเสนอคนของ พท. แล้วไม่ผ่าน ก็อาจเป็นญัตติซ้ำ หรือจะเปลี่ยนเป็นคนอื่นจาก พท. อีก หากพวกเขารวมหัวกันคว่ำอีก ก็จะกลายเป็นญัตติซ้ำไปเรื่อย ๆ จนแคนดิเดตหมดสต๊อก
หากเป็นเช่นนั้น “ประตู” ของ “ภจท./พปชร./รทสช.” ก็เปิดกว้างขึ้น
หากปดิพัทธ์ สันติภาดา เป็นประธานรัฐสภา วันนี้ ผมมั่นใจว่า เขาจะกล้าใช้อำนาจประธานยืนยันว่า การเสนอชื่อนายกฯ ไม่ใช่ ญัตติ หรือต่อให้ลากไปเป็นญัตติซ้ำ แต่ก็มีข้อยกเว้นในข้อ 41 ตอนท้ายว่า “เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป” ทำให้เสนอซ้ำได้”
ชัยธวัชไม่เกินคาดสว.ปิดทางเสนอชื่อพิธาซ้ำ
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังการประชุมรัฐสภา ลงมติ ไม่เห็นด้วยที่จะเสนอ ชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรี เข้าสู่กระบวนการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่สอง ตามข้อบังคับการประชุมที่ 41 ว่า ผลที่ออกมาถือว่าไม่เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะสมาชิกเตรียมที่จะอภิปรายมาตั้งแต่ช่วงเช้า หลังจากนี้ พรรคก้าวไกลจะประชุมหารือกัน ก่อนที่จะแถลงท่าทีอีกครั้ง
ส่วนก้าวไกลจะแก้เกมอย่างไร หลังถูกเดตล็อคทางการเมืองทั้งหมด นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องหารือภายในพรรคก่อน ว่าจะทำอะไรหลังจากนี้ ขณะที่ ยังไม่ได้มีการพูดคุยว่าจะไปยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ ตีความกรณีที่รัฐสภาลงมติ ไม่ให้เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่สอง
มวลชนประชิดรั้วสภาตอบโต้สั่งศาล
บรรยากาศภายในศูนย์ราชการเกียกกาย กรุงเทพมหานคร โดยเป็นสถานที่จัดให้ผู้ชุมนุมและมวลชนสามารถเฝ้าติดตามการประชุมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ซึ่งภาพรวมตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเที่ยงวัน บรรยากาศเป็นไปด้วยความปกติ กลุ่มมวลชนตังค์ใช้มือถือในการเกาะติดการประชุม เพราะเนื่องจากไม่มีเครื่องขยายเสียงและไม่มีการติดตั้งจอแอลอีดีเหมือนครั้งก่อน
จนกระทั่งเวลาประมาณ 12.12 น. กลุ่มมวลชนที่เฝ้าติดตามบรรยากาศการประชุมสภาในวันนี้ ทราบผลจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเบื้องต้น รับ และขอให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยุติการปฎิบัติหน้าที่ในประเด็นการถือหุ้นสื่อ หลังจากที่ทราบข่าว ปรากฏว่ากลุ่มมวลชนที่หมาเฝ้าติดตามความคืบหน้าการประชุม ต่างส่งเสียงกรีดร้องและโหร้องเสียงดังลั่นเต้น
บางคนถึงขั้นเข่าทรุด พร้อม กับเปิดเผยว่า รับไม่ได้ ที่กระบวนการประชาธิปไตยเป็นแบบนี้ นายกที่คิดว่าใช่ก็ถูกกีดกัน ความหวังประชาชนก็หายไป ที่ผ่านมาก็ใช่ชีวิตลำบากแล้ว มาเจอเหตุแบบนี้ ชีวิตจะทำอย่างไรต่อ
บางส่วน มีการนำสิ่งของแทนสัญญาลักษณการแสดงออก เช่น หุ่นรู้ตัวเหี้ย ปลักขิตขนาดใหญ่ เพื่อนเป็นการโจมตี สว. และ กกต. ที่มองว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม
จนกระทั้ง 12.30 น. กลุ่มมวลชนบางส่วน เพิ่มตะโกนไม่พอใจ พากันปลุกระดม เรียกรวมตัวกัน ชู้3นิ้ว พากันเดินทางไปประชินแนวรั้วรัฐสภา โดยภาพบรรยากาศตอนที่กลุ่มมวลชนไปถึงบริเวณหน้ารั้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาได้เล่นมีการปิดประตู เพื่อป้องกันไม่ให้มวลชนเข้าไปภายใน หลังประตูปิดมวลชนต่างมีการชูป้ายตะโกนเข้าไปภายในรั้ว ตะโกนด่าด้วยหลากหลายถ้อยคำ ข้อความคือการโจมตีสว และระบบสภา และช่วงประชิดรั้ว มีบางส่วน มีลักษณะขเย่าประตูสภา ซึ่งเป็นรั้วเหล็ก มีเหล็กรั้วหลุดออก จนทีกลุ่มมวลชนบางส่วนกลัวการปะทะ จึงได้เข้าไปขอร้องให้เลิกการกระทำดังกล่าว พร้อมประกาศให้ถอยห่างออกไป
และช่วงเวลาเดียวกัน 13.00 น. ตำรวจรัฐสภา ได้ตรึงกำลังภายในรั้ว พร้อมกับน้ำรถเครื่องขยายเสียง ประชาสัมพันธ์ แนวพื้นที่จัดการชุมนุม ให้อยู่ห่างจากรัฐสภา 50เมตร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำผิดกฏหมาย
ขณะที่บรรยากาศหน้ารัฐสภา เกียกกาย ได้มีมวลชนชุมนุมเพื่อจับตาการประชุมร่วมรัฐสภาในครั้งนี้ โดยหนึ่งในบุคคลที่กลายเป็นไวรัล คือ จ๋า หญิงอุ้มท้อง 3 เดือนที่เดินทางมาร่วมจับตาในครั้งนี้ ซึ่งได้ฉะเดือดในม็อบ
โดยระบุว่า “ต่อให้พิธาไม่ได้เป็นนายกฯ ต่อให้จะต้องโดนเหยียบย้ำ จนต้องถูกปลด เล่นสกปรกยังไงก็ตาม ต่อให้อนาคตใหม่ หรือก้าวไกลจะต้องถูกยุบพรรคอีกสักครั้ง ยังไงอีก 4 ปี หรือต่อจากนี้อีกกี่ปีก็ตาม เพราะก้าวไกลไม่ใช่พรรคการเมือง แต่ก้าวไกลคือเสียงของประชาชน (เสียงเฮ) พวกเราคือประชาชน เขาคือพรรคการเมืองที่เป็นเสียงสะท้อนให้ประชาชนชัดที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้นมึงทำอะไรก้าวไกลก็เหมือนทำประชาชน” ก่อนจะนั่งวีลแชร์เพื่อพักดมยาดม
นอกจากนี้ เจ้าตัวยังอุ้มท้องเข้าร่วมม็อบโดยฟาดแรงว่า “แล้วมึงจะให้กูเลือกตั้งทำไม! พวกกูจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไว้ พวกกูจะจำไม่ลืม”
หมออ๋องพบมวลชนเจรจาลดแรงกดดัน
ต่อมาด้านนายปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือ หมออ๋อง จากพรรคก้าวไกล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร มาตรวจความเรียบร้อยของมวลชน โดยเดินทางมาที่บริเวณด้านหน้าประตูรัฐสภา ก่อนเดิมอ้อมไปบริเวณถนนทหารข้างรัฐสภา เผยอยากให้เป็นการชุมนุมโดยเสรีภาพและเป็นการแสดงออกทางการเมืองอย่างแท้จริง ตนไม่อยากให้มวลชนใช้ความรุนแรง อยากให้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างสันติ ทุกการชุมนุม เพราะถ้าหากมีการชุมนุมที่บานปลายก็ไม่ดีเพราะทางเจ้าหน้าที่ที่จะควบคุมสถานการณ์อย่างสันติจะทำงานด้วยความลำบาก
โดยก่อนหน้านี้ทางกทม. ได้จัดพื้นที่การชุมนุมให้ในบริเวณศูนย์ราชการเกียกกาย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกเช่นห้องน้ำบริการ ซึ่งตนก็มองว่าการแสดงออกทางชมรมวันนี้เป็นไปในทางยั่วยุกันก็เป็นสิ่งไม่ดีและไม่อยากให้เกิดขึ้น
แนวร่วมธรรมศาสตร์ระดมท่อน้ำเลี้ยงจ่อชุมนุมใหญ่
บรรยากาศที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เครือข่ายภาคประชาชน ประกอบด้วยกลุ่มโมกหลวงริมน้ำและทะลุแก๊ซ รวมพลังมวลชนที่บริเวณหน้าอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อแสดงเจนารมย์ประกาศเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยบรรยากาศภายในผู้ร่วมชุมนุม พร้อมใจใส่เสื้อสีดำเพื่อร่วมกิจกรรมในวันนี้ เนื่องจากทางแกนนำได้ประกาศจะมีกิจกรรมฌาปนกิจส.ว. ช่วงเย็นนี้ ซึ่งประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการเมืองต่างทยอยมารวมตัวกัน มีพลังมวลชนไม่ต่ำกว่า 500 คน และช่วงหัวค่ำคาดว่าอาจมีจำนวนเพิ่มขึ้น 700-800 คน
สภาเดือด กิตติศักดิ์ ปะทะ วิโรจน์
จากนั้นในที่ประชุมนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภาได้มีการลุกขึ้นแจ้งกับประธานรัฐสภา ขนาดนั้นคือนายพรเพชร วิชิตชลชัย ว่าขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการรับคำร้องของ กกต. และสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.แล้ว จากนั้นนายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร สส.พรรคก้าวไกล ก็ลุกขึ้นประท้วงทันที ยกมือแล้วต้องได้ประท้วงไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายหากให้บุคคลคนนี้พูดในที่ประชุมสภา นายกิตติศักดิ์ พูดแทรกขึ้นมาทันทีว่า ผมมีศักดิ์และสิทธิ์ที่จะพูดตามรัฐธรรมนูญอภิปรายได้ อย่าใจร้อน
จากนั้นประธานปิดไมค์ในที่ประชุมทันที นายวิโรจน์จึงลุกขึ้นประท้วงประธานในที่ประชุม ว่าไม่ยอมให้ประท้วง พรเพชรจึงบอกว่าคุณอย่าเพิ่งคิดจะเอาชนะผม ผมพึ่งขึ้นมาทำหน้าที่ รอหน่อยเดี๋ยวจะให้พี่ไปทุกคน
จากนั้นได้เกิดเสียงโวยวายกันในที่ประชุม เป็นการถกเถียงระหว่างนายวิโรจน์กับนายกิตติศักดิ์ ประธานในที่ประชุมได้อนุญาตให้นายวิโรจน์ใช้สิทธิ์ในการประท้วง โดยนายวิโรจน์กล่าวว่า ระเบียบราชการคงต้องรอหนังสืออย่างเป็นทางการก่อน ไม่ต้องแสดงอาการกระเหี้ยนกระหือรือขนาดนั้น ทำไมอยากจะเข้าวัดที่พิจิตร มากขนาดนั้นเลยหรอ ไม่ต้องกระเหี้ยนกระหือรือเข้าวัด เพราะ ต่อให้ท่านอยากจะเข้าวัด ท่านก็เข้าไม่ได้
วิโรจน์ - สว.สมชาย แลกคนหมัดเล่นเป็นเด็ก แก่กะโหลกกะลา
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปราย นำคลิปการอภิปรายของนายสมชาย แสวงการ ส.ว. ที่เผยแพร่ในเว็ปไซต์รัฐสภามีเนื้อหาว่าส.ว. จะไม่ขวางการโหวตนายกฯของเสียงข้างมากจากสภาฯ หากมีเสียงส.ส. 270 - 300 เสียง พร้อมระบุว่าเป็นพฤติกรรมของส.ว.ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง หลังจากพบความพยายามขัดขวางแคนดิเดตนายกฯ ที่เป็นเสียงข้างมากของสภาฯ ทำให้นายสมชายลุกประท้วงและขอให้ถอนคลิปดังกล่าว พร้อมกล่าวตอบโต้ ว่า ตนมีคลิปของนายวิโรจน์จำนวนมากเหมือนกัน แต่ไม่อยากนำมาเปิด ทั้งนี้อย่าเล่นเป็นเด็ก โตสักทีเถอะ
ด้านนายวิโรจน์ กล่าวตอบโต้ว่า หากให้ตนโต ก็ขอบอกท่านว่าแก่ให้เป็นด้วย อย่าแก่กะโหลกกะลา อย่ากลัว อย่าแสดงอาการกลัวความจริง หลอนสิ่งที่ตัวเองเคยพูดไว้ ไหนบอกว่าแก่เป็น