โดยรายการลุยชนข่าว ได้เชิญนักวิชาการ ซึ่งมี รองศาสตราจารย์ เจษฎ์ โทณะวณิก , รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส , ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
อ.ศิโรตม์ มองประเด็นเปิดสูตรใหม่ตั้งรัฐบาล หลังพิธาหมดสิทธิ์ชิงนายกฯว่า อาจจะถึงจุดนึงที่พรรคเพื่อไทยรู้สึกว่า เรากับก้าวไกลต้องโบกมือลา สิ้นสุดทางเป็นเพื่อนกัน เพราะถ้าอยู่กับก้าวไกลมีปัญหาหลายเรื่องในการบริหารจัดการทางการเมือง คุณเศรษฐาเป็นนายกแต่พรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับหนึ่ง จำนวนรัฐมนตรีต้องทำยังไง ตอนนี้พรรคเพื่อไทยเป็นนายกเรื่องที่เจรจากับก้าวไกลตำแหน่งครม.จะเปลี่ยนไหม นโยบายจะทำยังไง
นอกจากนี้ อ.ศิโรตม์ ยังมีความเห็นในประเด็น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ คุมสว. และเมื่อพลเอกประยุทธ์ไม่อยู่รวมไทยสร้างชาติ รวมไทยสร้างชาติต้องมีคนดูแล เมื่อไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ดูแลก็ต้องมาอยู่กับพลังประชารัฐ สถานการณ์จะคสี่คลายไปจุดที่พล.อ.ประวิตรมีคนในสังกัดมากขึ้น มันเหลือทางเดียวคือพล.อ.ประวิตรเป็นนายก ส่วนเพื่อไทยจะยอมยังไงนั้นนั่นคือโจทย์ที่ยากขึ้น แต่ก็ยังห่วงเพื่อไทยหน้ามืด
ขณะที่ อ.นันทนา มองประเด็นถ้าเพื่อไทยตัดสินใจไปอยู่กับลุงป้อม อันนี้คือเป็นการพลีชีพ ครั้งหน้าเพื่อไทยก็ต้องเผชิญกับมวลหนหนีหาย เพราะข้ามขั้วไปอยู่กับ 2 ลุง มันมีโอกาลเป็นไปได้ เซฟที่สุดคือการที่เพื่อไทยสลายกับก้าวไกลแต่ไม้ไปจับกับพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ลุงกับก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน
ด้าน อ.เจษฎ์ มองประเด็น การเมืองต้องเล่นโดยประชาชน ประชาชนต้องคุมนักการเมืองได้เสมอ สมมติคุณทักษิณเกิดคิดขึ้นมาว่า มีเงินมากพอหละ ถามลูกว่าอยากเดินต่อไปบนเส้นทางการเมืองไหม ท้ายที่สุดคุณทักษิณต้องคิดว่า สัญชาติเสือต้องตายอย่างเสือ ถ้าเกิดจะชนก็ชนเสียงก็เสียง เพราะนี้คือครั้งสุดท้ายของเสือ เกิดเป็นเสือต้องตายแบบเสือ ที่เหลือจะทำอะไรก็ทำ คิดว่าคุณทักษิณไม่ตายถ้าจะชนแบบนั้น ยังไงคุณทักษิณก็ยังเป็นตำนาน พล.อ.ประวิตรก็อาจจะสู้ศึกนี้ครั้งสุดท้าย ขึ้นชิงแชมป์แล้วได้เป็นแชมป์ แล้วแขวนนวม สมมติ 1 ปี ยุบสภา จัดการอะไรได้ระดับ 1 แล้ว วันนั้นไม่มีสว.แล้ว ก็สู้กับพวกเธอลำบาก คราวนี้พรรคก้าวไกลกับเพื่อไทยก็สู้กัน
ขณะที่ อ.นันทนา เห็นว่าประเด็น สมการนี้ไม่มีประชาชน เขาเลือกพลังประชารัฐมา 5 แสนอะ เขาเลือกทางนี้มา 14ล้าน กับ 10 ล้าน เอา 5 แสนมาเป็นนายก มันไมได้นี้คือประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นใหญ่ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านเมืองนี้แล้ว ต้องเอาเสียงของประชาชน ไม่เชื่อว่าพล.อ.ประวิตรเป็น 1 ปี เดี๋ยวยุบแล้วคืน เพราะพลเอกประวิตรตัดสินใจแน่วแน่ ขอฟินในตำแหน่งนี้
ส่วนอ.ศิโรตม์ มีความประเด็น ผลการเลือกตั้งครั้งนี้มันไม่เอื้อ มันจะชุลมุนแบบนี้ไปพักนึง เชื่อว่า เพื่อไทยไม่ปล่อยให้ไปเรื่อยๆ อาจจะเป็นเพื่อไทยพลังประชารัฐ ซึ่งพล.อ.ประวิตรไม่ใช่ตำแหน่งนายก ถ้าถึงขั้นให้พลังประชารัฐเป็นนายกผมเชื่อว่าเพื่อไทยก็ไม่ทำ เต็มที่มากสุดคือข้ามขั้ว
ขณะที่ อ.เจษฎ์ มองประเด็น ถ้าทางออกทางนี้ทำให้เพื่อไทยจัดได้ แล้วมันผ่อนหนักผ่อนเบา พล.อ.ประวิตรก็ต้องผ่อนหนักผ่อนเบาให้เขา พล.อ.ประวิตรต้องออกไปจากสมการนี้ ไม่รู้ว่าคุณทักษิณกับคุณเศรษฐาแนบแน่นกันขนาดไหน ไม่รู้ภูมิใจไทยกับคุณเศรษฐาลงรอยกันขนาดไหน ทางออกมีพรรคลุงแต่ไม่มีลุง 4 ปีข้างหน้าว่ากันไหม มันอาจจะต้องกันคนละก้าว
อ.นันทนา มีความเห็นประเด็น คิดว่าความน่าจะเป็นถ้าคุณเศรษฐาขึ้นมาเป็นนายกแล้วสามารถที่จะต่อสายสร้างคอนเนคชั่นแล้วให้สว.มาโหวตได้ตรงนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุด แล้วไม่ส่งผลกระทบต่อมวลชน อันนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด 8 พรรคจับมือกัน สุดท้ายเป็นไปไม่ได้ ถ้าจำเป็นต้องสลาย 8พรรคควรจะเป็นขั้วที่ไม่ใช่ลุง เพราะเพื่อไทยก็เจ็บปวดเรื่องรัฐประหาร ก็คือเป็นพรรคอื่นๆ แล้วมาจับกันใหม่ คิดว่าบ้านเมืองไปต่อได้
ขณะที่ อ.ศิโรตม์ บอกว่า คนที่มีเสียงสว.คือลุงสูตรที่จะเกิดคือเพื่อไทย พลังประชารัฐ และภูมิใจไทย ซึ่งก็อาจจะต้องให้พล.อ.ประวิตรเป็นคนคุมพรรค เพราะถ้าขึ้นมาเป็นนายกเองก็เหนื่อย แต่ถ้าจะดันตัวเองเป็นนายกเสียงก็น้อยกว่าเพื่อไทย การได้พล.อ.ประวิตรก็ทำให้เพื่อไทยคุยกับภูมิใจไทยได้มากขึ้น เพราะคุณเนวินเกรงใจ พล.อประวิตร แต่คิดว่าพล.อ.ประวิตรต้องถอย เพื่อไทยไม่ยอมก็ต้องเป็นคุณเศรษฐาไม่
ก็แพทองธาร คิดว่ายังไงรอบนี้เป็นคุณเครษฐาก่อน การเอาลูกตัวเองขึ้นมาเป็นอันตรายเกินไปต้องเป็นคุณเศรษฐา พรรคเพื่อไทยไม่พร้อมจะสูญเสียคุณเศรษฐาในเวลานี้
อ.เจษฏ์ เห็นว่า ในเมื่อหาทางออกลำบาก เขาบอกว่า หน้ากลมเหมือนดวงจันทร์ ก็ไปคิดกันเอาเองว่าเป็นใคร
ขณะที่ อ.นันทนา มีความเห็นประเด็น ถ้าข้ามขั้วไปจับกับลุง จุดติดแน่นอน และอย่าประเมินมวลซนต่ำ คิดว่าการควบคุมเกินความคาดหมาย